ไม่ว่าจะเป็นดาบสายลม สายฟ้ามรกต น้ำค้างหยก หรือเสียงอมตะ แก่นแท้ของมันล้วนเป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งวายุ
บรรพบุรุษของตระกูลวูที่สร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะนี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุและชัดเจนว่าเขาสามารถเลียนแบบวิธีการบนเส้นทางสายอื่นไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งดาบ เส้ทางแห่งสายฟ้า เส้นทางแห่งวารี และเส้นทางแห่งเสียง
ภายใต้การโจมตีชนิดนี้ ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใดขณะที่ฟงจิวเก้ออยู่ในสถานการณ์อันตราย
แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะมากมาย มีสัตว์อสูรและอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน แต่เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปดเช่นวูหยง สิ่งเหล่านั้นล้วนไร้ประโยชน์
ฟางหยวนทำได้เพียงใช้เกราะหวนคืนเพื่อรักษาสถานการณ์ของตนเองเอาไว้เท่านั้น แต่น่าเสียดายแม้เขาจะมีไพ่ตายใบนี้เขาก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใด
เสียงอมตะดังขึ้นเรื่อยๆ เกราะหวนคืนของฟางหยวนสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง
แต่ฟางหยวนกังวลเกี่ยวกับฟงจิวเก้อมากกว่า
เลือดสีแดงไหลออกมาจากจมูก ปาก และดวงตาของฟงจิวเก้อ
ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
‘บัดซบ! หากยังเป็นเช่นนี้ ท่าไม้ตายของฟงจิวเก้อจะถูกทำลาย เขาจะพบกับฟันเฟือนของความล้มเหลวและได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมกับการโจมตีของวูหยง เขาอาจตายทันที’
ฟางหยวนเข้าใจสิ่งนี้แต่เขาไม่มีอำนาจที่จะทำสิ่งใด
โดยธรรมชาติแล้วฟางหยวนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับฟงจิวเก้อ แต่หากฟงจิวเก้อเสียชีวิต เขาต้องเผชิญหน้ากับวูหยง
แม้พลังอำนาจของกรงอากาศจะหายไปขณะที่เขาสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศได้อีกครั้ง แต่เขาจะไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นต่อหน้าวูหยง
อย่างไรก็ตามขณะที่สถานการณ์กำลังเอนเอียงไปทางวูหยง ฟงจิวเก้อกลับพ่นลมหายใจออกมา ร่างกายของเขาผ่อนคลายลง
หลังจากนั้นกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ก็ปะทุออกมาจากร่างของเขา
ฟงจิวเก้อค่อยๆเปิดปากและเริ่มร้องเพลงด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เสียงของเขาไม่สูง มันทุ้มและต่ำ แต่ฟางหยวนและวูหยงสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
การแสดงออกของวูหยงเปลี่ยนไป
เขาป้องกันตัวด้วยเสียงอมตะแต่เผชิญหน้ากับบทเพลงของฟงจิวเก้อ เสียงอมตะราวกับไม่เคยมีอยู่
การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเช่นกัน
แม้เขาจะไม่รูสึกแต่ระลอกคลื่นบนเกราะหวนคืนของเขายังสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
มันกระทั่งรุนแรงกว่าเสียงอมตะของวูหยง
‘เหลือเชื่อ เขามีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงที่ทรงพลังมาก มันโจมตีทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ ข้ายังอยู่ในระยะการโจมตีของมัน ข้าควรออกห่างจากฟงจิวเก้อ’ ฟางหยวนรีบถอยกลับ
วูหยงเลือกล่าถอยเช่นกัน ร่างของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ความสามารถในการบุกหรือล่าถอยคือข้อได้เปรียบของท่าไม้ตายเขตแดน
เขตแดนสายลมทั้งสี่โจมตีอย่างดุเดือดด้วยดาบสายลม สายฟ้ามรกต น้ำค้างหยก และเสียงอมตะ
แต่ฟงจิวเก้อไม่สนใจพวกมัน เขาใช้ร่างกายรับการโจมตีทั้งหมดขณะที่ยังร้องเพลงต่อไป
เพลงนี้มีท่วงทำนองที่บริสุทธิ์และเรียบง่าย แต่มันแฝงไว้ด้วยความลึกซึ้งของเส้นทางแห่งเสียง
เสียงเพลงดังขึ้นเรื่อยๆ และทำให้วูหยงรู้สึกมึนงงมากขึ้น
‘นี่คือท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงงั้นหรือ? ทรงพลังนัก!’
เมื่อระดับเสียงร่วงลงสู่เสียงต่ำ ความเศร้าหมองและความรู้สึกซาบซึ้งก็พุ่งเข้าโจมตีหัวใจของวูหยงและทำให้เขารู้สึกอยากร้องไห้
โดยปราศจากการแจ้งเตือน วูหยงรู้สึกถึงการแยกจาก
ความเจ็บปวดของการพลัดพลาด ความโศกเศร้าของการแยกจากคนรัก
ห่างกันแต่อดีตยังอยู่
บางครั้งมันโศกเศร้าเหมือนเผชิญหน้ากับความอยุติธรรม
บางครั้งโศกเศร้ากับความโหดร้ายของความจริงที่อยู่ตรงหน้า
บางครั้งขุ่นเคืองเหมือนกำลังกรีดร้องอยู่ในหัวใจ
บางครั้งมืดมนราวกับร้องไห้โดยปราศจากน้ำตา
ร่างของวูหยงสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงก่อนที่เขาจะกระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก
วูหยงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเมื่อเขาค้นพบว่าท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสายลมทั้งสี่กำลังพังทลายลง
สิ่งที่ทำให้วูหยงประหลาดใจที่สุดคือวิญญาณเหล่านั้นไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย แต่พวกมันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไปและเริ่มแยกตัวออกจากกันด้วยตัวของพวกมันเอง
นี่มันเรื่องไร้สาระใด!?
ตราบเท่าที่วิญญาณแกนกลางไม่ถูกทำลาย ท่าไม้ตายเขตแดนก็ยังสามารถใช้งาน
แต่ตอนนี้วิญญาณทั้งหมดกลับแยกออกจากกันและกำลังจากไปโดยที่วูหยงไม่สามารถควบคุม
และผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ก็คือบทเพลงของฟงจิวเก้อ!
ในไม่ช้าฟางหยวนก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพบว่าท่าไม้ตายเขตแดนของวูหยงพังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
ฟางหยวนประหลาดใจมาก
วูหยงต้องการยกเลิกท่าไม้ตายเขตแดนแต่มันสายไปแล้ว
ในเสี้ยวพริบตาเขตแดนทั้งหมดก็พังทลายลง ผู้อมตะทั้งสามสามารถมองเห็นท้องฟ้าที่สดใสอีกครั้ง
วูหยงกระอักเลือดออกมาจากปาก เขาถูกบังคับให้ออกมาจากที่ซ่อน ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาวขณะที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะแตกต่างจากค่ายกลวิญญาณอมตะ เมื่อมันถูกทำลาย ผู้ใช้งานจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง
ยิ่งท่าไม้ตายเขตแดนแข็งแกร่งเท่าใด ผลกระทบย้อนกลับก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น
สายลมทั้งสี่!
นี่เป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะที่ตระกูลวูใช้กำหราบภาคใต้ทั้งหมด มันทรงพลังมาก ดังนั้นเมื่อมันพังทลายลง วูหยงจึงได้รับผลกระทบที่รุนแรงมาก
“ช่างเป็นท่าไม้ตายที่อัศจรรย์นัก! มันมีชื่อว่าอย่างไร?” วูหยงถามฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อไม่ตอบแต่เขายังร้องเพลงต่อไป
การแสดงออกของวูหยงเปลี่ยนไปอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลมออกมา
คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดมีการป้องกันที่ทรงพลัง วูหยงสามารถรักษาตัวเองได้อย่างสงบที่นั่น
สำหรับค่าใช้จ่าย มันไม่ใช่ปัญหา
วูหยงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้
แต่ในไม่ช้าผลลัพธ์กลับทำให้เขาตกใจอีกครั้ง
บทเพลงของฟงจิวเก้อทำให้บ้านไม้ไผ่สายลมสั่นไหวและเริ่มส่งสัญญาณของการพังทลาย
นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!
มันหมายความว่าท่าไม้ตายของฟงจิวเก้อเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของวูหยงก็กลายเป็นมืดครึ้ม เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนอีกต่อไปและบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งเข้าชนฟงจิวเก้อโดยตรง
คฤหาสน์วิญญาณอมตะไม่มีจุดอ่อนที่เด่นชัด มันสามารถอาละวาดและทำลายทุกสิ่งในสนามรบ
นี่ไม่ใช่เพียงข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ แต่มันยังผ่านการทดลองมาอย่างซ้ำๆ
โดยธรรมชาติแล้วคฤหาสน์วิญญาณอมตะแต่ละหลังจะมีความสามารถเฉพาะตัว
ตัวอย่างเช่นคุกทมิฬของเผ่าไห่สามารถกักขังสัตวอสูรบรรพกาล
บ้านไม้ไผ่สายลมมีท่าไม้ตายของมันแต่การกระทำของวูหยงที่ใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งชนฟงจิวเก้อโดยตรงถือเป็นทางเลือกที่ฉลาด
ท้ายที่สุดแล้วการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะก็ต้องใช้เวลา
การพุ่งชนโดยตรงใช้เวลาน้อยที่สุดและเป็นวิธีการที่ตรงไปตรงมา
ท่าไม้ตายอมตะของฟงจิวเก้ออาจทรงพลังแต่ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถขยับจากจุดนั้นและทำได้เพียงหลบเลี่ยงการโจมตีเท่านั้น
ฟางหยวนและวูหยงสังเกตเห็นข้อบกพร่องนี้
ฟงจิวเก้อแทบจะไม่สามารถป้องกันตัว หากบ้านไม้ไผ่สายลมพุ่งชน เขาจะกลายเป็นเนื้อบด
ในช่วงเวลาคับขัน ฟางหยวนไม่สามารถยืนมองอยู่ข้างสนามรบ หากฟงจิวเก้อตาย คนต่อไปจะเป็นเขา
ดังนั้นฟางหยวนจึงก้าวออกไปข้างหน้าและปิดกั้นเส้นทางของบ้านไม้ไผ่สายลม
ฟางหยวนไม่สามารถใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงเปลี่ยนมือและแขนของเขาให้เป็นกรงเล็บมังกรด้วยการกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ด
วิญญาณอมตะทั้งหมดถูกยืมมาจากตระกูลวูและตอนนี้พวกมันกำลังถูกใช้กับวูหยง!
วูหยงรู้สึกแน่นหน้าอกเมื่อเห็นฉากนี้ เขาโกรธมากและยิ่งเทพลังงานอมตะให้กับบ้านไม้ไผ่สายลมมากขึ้นไปีอก
“บึม!”
ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ฟางหยวนถูกส่งลอยกลับหลังราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าบ้านไม้ไผ่สายลม แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
ในทางตรงข้ามบ้านไม้ไผ่สายลมสูญเสียวิญญาณระดับมนุษย์ไปเป็นจำนวนมากจากการปะทะ
นี่ทำให้บทเพลงของฟงจิวเก้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วูหยงฉวยโอกาสบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งเข้าชนฟงจิวเก้ออีกครั้ง ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มกระตุ้นใช้การโจมตีของบ้านไม้ไผ่สายลม
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ฟงจิวเก้อกลับบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
การโจมตีของวูหยงพลาดเป้า การแสดงออกของเขากลายเป็นตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธ ฟงจิวเก้อสามารถเคลื่อนไหวตั้งแต่แรกแต่เขาตั้งใจหลอกศัตรู
บทเพลงยังดำเนินต่อไปขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลมพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง
แม้บ้านไม้ไผ่สายลมจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดแต่มันใช้วิญญาณไม่มากนัก
ด้วยวิญญาณเพียงไม่กี่ดวง บทเพลงของฟงจิวเก้อจึงยิ่งมีประสิทธิภาพและแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจน
การแสดงออกของวูหยงกลายเป็นมืดมน
สถานการณ์ไม่เอื้อประโยชน์ต่อเขาอีกต่อไป
ในเวลานี้ฟางหยวนก็กลับเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง
วูหยงก่นเสียงเย็นและมองไปยังฟางหยวนกับฟงจิวเก้อก่อนจะตัดสินใจบังคับบ้านไม้ไผ่สายลมจากไป
เพียงชั่วครู่บ้านไม้ไผ่สายลมก็บินออกจากสนามรบและกลายเป็นจุดสีดำก่อนจะหายไปจากเส้นขอบฟ้า
วูหยงถูกบังคับให้ล่าถอย!