เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1391

ตอนที่ 1391

ไม่ว่าจะเป็นดาบสายลม สายฟ้ามรกต น้ำค้างหยก หรือเสียงอมตะ แก่นแท้ของมันล้วนเป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งวายุ

บรรพบุรุษของตระกูลวูที่สร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะนี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุและชัดเจนว่าเขาสามารถเลียนแบบวิธีการบนเส้นทางสายอื่นไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งดาบ เส้ทางแห่งสายฟ้า เส้นทางแห่งวารี และเส้นทางแห่งเสียง

ภายใต้การโจมตีชนิดนี้ ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใดขณะที่ฟงจิวเก้ออยู่ในสถานการณ์อันตราย

แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะมากมาย มีสัตว์อสูรและอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน แต่เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปดเช่นวูหยง สิ่งเหล่านั้นล้วนไร้ประโยชน์

ฟางหยวนทำได้เพียงใช้เกราะหวนคืนเพื่อรักษาสถานการณ์ของตนเองเอาไว้เท่านั้น แต่น่าเสียดายแม้เขาจะมีไพ่ตายใบนี้เขาก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใด

เสียงอมตะดังขึ้นเรื่อยๆ เกราะหวนคืนของฟางหยวนสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง

แต่ฟางหยวนกังวลเกี่ยวกับฟงจิวเก้อมากกว่า

เลือดสีแดงไหลออกมาจากจมูก ปาก และดวงตาของฟงจิวเก้อ

ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

‘บัดซบ! หากยังเป็นเช่นนี้ ท่าไม้ตายของฟงจิวเก้อจะถูกทำลาย เขาจะพบกับฟันเฟือนของความล้มเหลวและได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมกับการโจมตีของวูหยง เขาอาจตายทันที’

ฟางหยวนเข้าใจสิ่งนี้แต่เขาไม่มีอำนาจที่จะทำสิ่งใด

โดยธรรมชาติแล้วฟางหยวนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับฟงจิวเก้อ แต่หากฟงจิวเก้อเสียชีวิต เขาต้องเผชิญหน้ากับวูหยง

แม้พลังอำนาจของกรงอากาศจะหายไปขณะที่เขาสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศได้อีกครั้ง แต่เขาจะไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นต่อหน้าวูหยง

อย่างไรก็ตามขณะที่สถานการณ์กำลังเอนเอียงไปทางวูหยง ฟงจิวเก้อกลับพ่นลมหายใจออกมา ร่างกายของเขาผ่อนคลายลง

หลังจากนั้นกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ก็ปะทุออกมาจากร่างของเขา

ฟงจิวเก้อค่อยๆเปิดปากและเริ่มร้องเพลงด้วยเสียงอันแผ่วเบา

เสียงของเขาไม่สูง มันทุ้มและต่ำ แต่ฟางหยวนและวูหยงสามารถได้ยินอย่างชัดเจน

การแสดงออกของวูหยงเปลี่ยนไป

เขาป้องกันตัวด้วยเสียงอมตะแต่เผชิญหน้ากับบทเพลงของฟงจิวเก้อ เสียงอมตะราวกับไม่เคยมีอยู่

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเช่นกัน

แม้เขาจะไม่รูสึกแต่ระลอกคลื่นบนเกราะหวนคืนของเขายังสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง

มันกระทั่งรุนแรงกว่าเสียงอมตะของวูหยง

‘เหลือเชื่อ เขามีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงที่ทรงพลังมาก มันโจมตีทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ ข้ายังอยู่ในระยะการโจมตีของมัน ข้าควรออกห่างจากฟงจิวเก้อ’ ฟางหยวนรีบถอยกลับ

วูหยงเลือกล่าถอยเช่นกัน ร่างของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ความสามารถในการบุกหรือล่าถอยคือข้อได้เปรียบของท่าไม้ตายเขตแดน

เขตแดนสายลมทั้งสี่โจมตีอย่างดุเดือดด้วยดาบสายลม สายฟ้ามรกต น้ำค้างหยก และเสียงอมตะ

แต่ฟงจิวเก้อไม่สนใจพวกมัน เขาใช้ร่างกายรับการโจมตีทั้งหมดขณะที่ยังร้องเพลงต่อไป

เพลงนี้มีท่วงทำนองที่บริสุทธิ์และเรียบง่าย แต่มันแฝงไว้ด้วยความลึกซึ้งของเส้นทางแห่งเสียง

เสียงเพลงดังขึ้นเรื่อยๆ และทำให้วูหยงรู้สึกมึนงงมากขึ้น

‘นี่คือท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงงั้นหรือ? ทรงพลังนัก!’

เมื่อระดับเสียงร่วงลงสู่เสียงต่ำ ความเศร้าหมองและความรู้สึกซาบซึ้งก็พุ่งเข้าโจมตีหัวใจของวูหยงและทำให้เขารู้สึกอยากร้องไห้

โดยปราศจากการแจ้งเตือน วูหยงรู้สึกถึงการแยกจาก

ความเจ็บปวดของการพลัดพลาด ความโศกเศร้าของการแยกจากคนรัก

ห่างกันแต่อดีตยังอยู่

บางครั้งมันโศกเศร้าเหมือนเผชิญหน้ากับความอยุติธรรม

บางครั้งโศกเศร้ากับความโหดร้ายของความจริงที่อยู่ตรงหน้า

บางครั้งขุ่นเคืองเหมือนกำลังกรีดร้องอยู่ในหัวใจ

บางครั้งมืดมนราวกับร้องไห้โดยปราศจากน้ำตา

ร่างของวูหยงสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงก่อนที่เขาจะกระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก

วูหยงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเมื่อเขาค้นพบว่าท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสายลมทั้งสี่กำลังพังทลายลง

สิ่งที่ทำให้วูหยงประหลาดใจที่สุดคือวิญญาณเหล่านั้นไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย แต่พวกมันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไปและเริ่มแยกตัวออกจากกันด้วยตัวของพวกมันเอง

นี่มันเรื่องไร้สาระใด!?

ตราบเท่าที่วิญญาณแกนกลางไม่ถูกทำลาย ท่าไม้ตายเขตแดนก็ยังสามารถใช้งาน

แต่ตอนนี้วิญญาณทั้งหมดกลับแยกออกจากกันและกำลังจากไปโดยที่วูหยงไม่สามารถควบคุม

และผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ก็คือบทเพลงของฟงจิวเก้อ!

ในไม่ช้าฟางหยวนก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพบว่าท่าไม้ตายเขตแดนของวูหยงพังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

ฟางหยวนประหลาดใจมาก

วูหยงต้องการยกเลิกท่าไม้ตายเขตแดนแต่มันสายไปแล้ว

ในเสี้ยวพริบตาเขตแดนทั้งหมดก็พังทลายลง ผู้อมตะทั้งสามสามารถมองเห็นท้องฟ้าที่สดใสอีกครั้ง

วูหยงกระอักเลือดออกมาจากปาก เขาถูกบังคับให้ออกมาจากที่ซ่อน ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาวขณะที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะแตกต่างจากค่ายกลวิญญาณอมตะ เมื่อมันถูกทำลาย ผู้ใช้งานจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง

ยิ่งท่าไม้ตายเขตแดนแข็งแกร่งเท่าใด ผลกระทบย้อนกลับก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น

สายลมทั้งสี่!

นี่เป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะที่ตระกูลวูใช้กำหราบภาคใต้ทั้งหมด มันทรงพลังมาก ดังนั้นเมื่อมันพังทลายลง วูหยงจึงได้รับผลกระทบที่รุนแรงมาก

“ช่างเป็นท่าไม้ตายที่อัศจรรย์นัก! มันมีชื่อว่าอย่างไร?” วูหยงถามฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อไม่ตอบแต่เขายังร้องเพลงต่อไป

การแสดงออกของวูหยงเปลี่ยนไปอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลมออกมา

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดมีการป้องกันที่ทรงพลัง วูหยงสามารถรักษาตัวเองได้อย่างสงบที่นั่น

สำหรับค่าใช้จ่าย มันไม่ใช่ปัญหา

วูหยงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้

แต่ในไม่ช้าผลลัพธ์กลับทำให้เขาตกใจอีกครั้ง

บทเพลงของฟงจิวเก้อทำให้บ้านไม้ไผ่สายลมสั่นไหวและเริ่มส่งสัญญาณของการพังทลาย

นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!

มันหมายความว่าท่าไม้ตายของฟงจิวเก้อเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด!

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของวูหยงก็กลายเป็นมืดครึ้ม เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนอีกต่อไปและบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งเข้าชนฟงจิวเก้อโดยตรง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะไม่มีจุดอ่อนที่เด่นชัด มันสามารถอาละวาดและทำลายทุกสิ่งในสนามรบ

นี่ไม่ใช่เพียงข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ แต่มันยังผ่านการทดลองมาอย่างซ้ำๆ

โดยธรรมชาติแล้วคฤหาสน์วิญญาณอมตะแต่ละหลังจะมีความสามารถเฉพาะตัว

ตัวอย่างเช่นคุกทมิฬของเผ่าไห่สามารถกักขังสัตวอสูรบรรพกาล

บ้านไม้ไผ่สายลมมีท่าไม้ตายของมันแต่การกระทำของวูหยงที่ใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งชนฟงจิวเก้อโดยตรงถือเป็นทางเลือกที่ฉลาด

ท้ายที่สุดแล้วการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะก็ต้องใช้เวลา

การพุ่งชนโดยตรงใช้เวลาน้อยที่สุดและเป็นวิธีการที่ตรงไปตรงมา

ท่าไม้ตายอมตะของฟงจิวเก้ออาจทรงพลังแต่ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถขยับจากจุดนั้นและทำได้เพียงหลบเลี่ยงการโจมตีเท่านั้น

ฟางหยวนและวูหยงสังเกตเห็นข้อบกพร่องนี้

ฟงจิวเก้อแทบจะไม่สามารถป้องกันตัว หากบ้านไม้ไผ่สายลมพุ่งชน เขาจะกลายเป็นเนื้อบด

ในช่วงเวลาคับขัน ฟางหยวนไม่สามารถยืนมองอยู่ข้างสนามรบ หากฟงจิวเก้อตาย คนต่อไปจะเป็นเขา

ดังนั้นฟางหยวนจึงก้าวออกไปข้างหน้าและปิดกั้นเส้นทางของบ้านไม้ไผ่สายลม

ฟางหยวนไม่สามารถใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงเปลี่ยนมือและแขนของเขาให้เป็นกรงเล็บมังกรด้วยการกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ด

วิญญาณอมตะทั้งหมดถูกยืมมาจากตระกูลวูและตอนนี้พวกมันกำลังถูกใช้กับวูหยง!

วูหยงรู้สึกแน่นหน้าอกเมื่อเห็นฉากนี้ เขาโกรธมากและยิ่งเทพลังงานอมตะให้กับบ้านไม้ไผ่สายลมมากขึ้นไปีอก

“บึม!”

ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ฟางหยวนถูกส่งลอยกลับหลังราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าบ้านไม้ไผ่สายลม แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

ในทางตรงข้ามบ้านไม้ไผ่สายลมสูญเสียวิญญาณระดับมนุษย์ไปเป็นจำนวนมากจากการปะทะ

นี่ทำให้บทเพลงของฟงจิวเก้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น

วูหยงฉวยโอกาสบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งเข้าชนฟงจิวเก้ออีกครั้ง ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มกระตุ้นใช้การโจมตีของบ้านไม้ไผ่สายลม

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ฟงจิวเก้อกลับบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

การโจมตีของวูหยงพลาดเป้า การแสดงออกของเขากลายเป็นตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธ ฟงจิวเก้อสามารถเคลื่อนไหวตั้งแต่แรกแต่เขาตั้งใจหลอกศัตรู

บทเพลงยังดำเนินต่อไปขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลมพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง

แม้บ้านไม้ไผ่สายลมจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดแต่มันใช้วิญญาณไม่มากนัก

ด้วยวิญญาณเพียงไม่กี่ดวง บทเพลงของฟงจิวเก้อจึงยิ่งมีประสิทธิภาพและแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจน

การแสดงออกของวูหยงกลายเป็นมืดมน

สถานการณ์ไม่เอื้อประโยชน์ต่อเขาอีกต่อไป

ในเวลานี้ฟางหยวนก็กลับเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง

วูหยงก่นเสียงเย็นและมองไปยังฟางหยวนกับฟงจิวเก้อก่อนจะตัดสินใจบังคับบ้านไม้ไผ่สายลมจากไป

เพียงชั่วครู่บ้านไม้ไผ่สายลมก็บินออกจากสนามรบและกลายเป็นจุดสีดำก่อนจะหายไปจากเส้นขอบฟ้า

วูหยงถูกบังคับให้ล่าถอย!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท