เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1385

ตอนที่ 1385

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้น เปลวเพลิงลุกไหม้ คลื่นความร้อนผลักดันทุกสิ่งออกไป

ทรายสีเหลืองลอยขึ้นสู่อากาศก่อนจะจางหายไปและเผยให้เห็นร่างที่อยู่ภายใน

มันคือไห่ลั่วหลัน

นางหอบหายใจอย่างหนักหน่วงขณะที่ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง

‘กระทั่งท่าไม้ตายนี้ก็ไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณนี้?’ หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลง

การต่อสู้ดำเนินไปถึงหนึ่งชั่วโมง ไห่ลั่วหลันใช้วิธีทั้งหมดของนางแต่ยังไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณของฝ่ายตรงข้าม

นางตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์

ในความเป็นจริงนางไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้าของศัตรูระหว่างการต่อสู้

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะผู้นี้ควบคุมค่ายกลวิญญาณอยู่เบื้องหลังและไม่เคยเปิดเผยตัวตนออกมา

“ไห่ลั่วหลัน ข้าต้องยอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่งจริงๆ”

“น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลแม้แต่น้อย”

“ข้าจะกล่าวตามตรง แม้พลังการต่อสู้ของเจ้าจะมากกว่านี้อีกเท่าตัว เจ้าก็ยังไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณของข้า”

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลหัวเราะด้วยความพึงพอใจ

ไห่ลั่วหลันก่นเสียงเย็น ‘ข้าเหลือพลังงานอมตะอีกไม่มากและข้าก็ใช้วิธีการทั้งหมดไปแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าข้า ไห่ลั่วหลัน จะมาตายอยู่ที่นี่! โอ้ ท่านแม่ ข้าไม่สามารถล้างแค้นให้ท่าน แม้เผ่าไห่จะถูกทำลายไปแล้ว แต่ไห่เจิ้งยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า’

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้เสียงหัวเราะของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน

“บัดซบ!” เขาอุทานเสียงดังด้วยความหวาดกลัว

‘โอกาส!?’ ไห่ลั่วหลันกระตุ้นตัวเอง

ในเวลาต่อมานางก็เห็นแสงสีเงินส่องประกายขึ้นเป็นทางยาวพร้อมกับเสียงมังกรคำราม

หัวใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้น

นางคุ้นเคยกับเสียงคำรามชนิดนี้

มันทิ้งความประทับใจอย่างมากไว้ในหัวใจของไห่ลั่วหลัน

เพราะไม่นานมานี้ไห่ลั่วหลันถูกไล่ล่าอย่างน่าสังเวชโดยเจ้าของเสียงสายนี้

‘ฟางหยวน!’ ไห่ลั่วหลันแทบกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าเสียงคำรามของมังกรดาบบรรพกาลไพเราะและน่าฟังมาก

รอยดาบสีเงินพาดผ่านท้องฟ้าที่มืดมิด

รอยดาบขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงสว่างที่ส่องประกายเจิดจ้า

“ไม่!” ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลกรีดร้อง

ในเวลาต่อมาค่ายกลวิญญาณที่ทำให้ไห่ลั่วหลันพบกับความทุกข์ทรมานก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

แสงสว่างพุ่งเข้าปิดกั้นวิสัยทัศน์ของนาง

ไห่ลั่วหลันค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น หลังจากสามารถปรับสายตา นางก็เห็นฟางหยวนยืนอยู่ด้านข้าง ขณะที่เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดำกำลังต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม

‘ข้าปลอดภัยแล้ว’ ไห่ลั่วหลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่ความสุขบนใบหน้าของนางก็หายไปอย่างรวดเร็ว

นางเป็นคนทะเยอทะยานและไร้ปรานี นางชำเลืองมองฟางหยวนก่อนจะจะนั่งไขว้ขาและรักษาอาการบาดเจ็บของตน

อาการบาดเจ็บของไห่ลั่วหลันรุนแรงมาก ชีวิตของนางกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

ฟางหยวนไม่ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนาง เขาไม่มีวิธีรักษาที่โดดเด่นนอกจากวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า

หากฟางหยวนได้รับบาดเจ็บ นอกจากวิญญาญอมตะบุรุษคนก่อนหน้า เขาจะเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลเพื่อพึ่งพาความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของมัน

แต่สำหรับไห่ลั่วหลัน นางไม่สามารถใช้วิธีการเดียวกับฟางหยวน

การต่อสู้สิ้นสุดลงในไม่ช้า

เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดำเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เมื่อพวกนางร่วมมือกันต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ด พวกนางจึงมีความได้เปรียบโดยธรรมชาติ

นอกจากนั้นฝ่ายตรงข้ามยังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาเชี่ยวชาญในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณแต่ไม่ชำนาญการต่อสู้ระยะประชิด

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือค่ายกลวิญญาณของเขาถูกทำลายไปแล้วโดยฟางหยวน นั่นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

ด้วยวิธีนี้ผู้อมตระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกลจึงเสียชีวิตลงอย่างรวดเร็ว

ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งค่ายกลหาได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นฟางหยวนจึงเก็บศพของคนผู้นี้ไว้ในมิติช่องว่างของเขาและไม่ได้กลืนกินมันทันที

เขาเรียกอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมา “ไป! เราจะไปเป็นกำลังเสริมให้ไป่หนิงปิง!”

ทุกคนตระหนักถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ หากล่าช้าเพียงเล็กน้อย พวกเขาอาจถูกปิดล้อมโดยกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้

นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนไม่รีบกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งคายกลทันที

เมื่อพวกเขาพบไป่หนิงปิง การต่อสู้ก็จบลงแล้ว

สนามรบถูกเปลี่ยนเป็นโลกน้ำแข็ง

ไป่หนิงปิงในร่างไป่เซียงยืนอยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็งด้วยความภาคภูมิใจ ขณะที่คู่ต่อสู้สามคนของนาง สองเสียงชีวิต และอีกหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส

ไป่หนิงปิงชนะแบบหนึ่งต่อสาม!

“ไป่เซียง นี่คือท่าไม้ตายอมตะของไป่เซียง ท่าไม้ตายอมตะที่ครั้งหนึ่งเคยนำความหวาดกลัวมาสู่ภาคใต้ ผู้ใดจะคิดว่ามันจะปรากฏขึ้นอีกครั้งโดยไป่หนิงปิง!”

ผู้อมตะภาคใต้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อล่าถอย

แต่เมื่อเห็นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินมาจากขอบฟ้า เขาก็รู้สึกสูญสิ้นความหวังทั้งหมด

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่าเขาแต่รับไป่หนิงปิงและจากไปทันที

ตอนนี้พวกเขาต้องหลบหนี พวกเขาไม่สามารถเสียเวลาอันมีค่าไปกับการไล่จับผู้อมตะระดับเจ็ดผู้นี้

เนื่องจากคนผู้นี้สามารถหลบหนีจากความตายขณะที่พันธมิตรอีกสองคนเสียชีวิตไป ไม่ต้องสงสัยว่าเขาต้องมีวิธีการหลบหนีบางอย่างและมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าเขาในเวลาอันสั้น

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเปลี่ยนทิศทางและบินไปทางทะเลทรายตะวันตก

ไป่หนิงปิงยกเลิกท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นไป่เซียงและทรุดตัวลงบนแผ่นหลังของนกอินทรีย์

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นไป่เซี่ยงทรงพลังมากแต่มันก็มีค่าใช้จ่ายมหาศาลเช่นกัน สำหรับไป่หนิงปิงในเวลานี้ มันเป็นภาระที่หนักหน่วงมาก

หากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ผู้อมตะภาคใต้จะมองเห็นจุดอ่อนนี้ในที่สุด

น่าเสียดายที่เขากลัวไป่เซียงมากเกินไป

ท่าไม้ตายนี้น่ากลัวในทุกด้าน ผู้ใช้งานสามารถฟื้นคืนชีพจากเศษชิ้นส่วนเพียงเล็กน้อย อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่มีวันตาย

เว้นเพียงบางคนจะสามารถทำลายไป่เซี่ยงได้อย่างสมบูรณ์ในครั้งเดียวและไม่ทิ้งเศษชิ้นส่วนแม้เพียงเล็กน้อยเอาไว้

ไป่หนิงปิงหมดสติทันทีหลังจากยกเลิกท่าไม้ตายนี้

หากฟางหยวนและคนอื่นๆไม่มาช่วยนาง นางอาจเสียชีวิตจากความเหนื่อยล้าทางจิตใจ โชคดีที่ฟางหยวนมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาและสามารถรักษาผลข้างเคียงของไป่หนิงปิง

เมื่อไป่หนิงปิงตื่นขึ้น อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็บินมาไกลกว่าแสนลี้เรียบร้อยแล้ว

“เจ้ามาช่วยข้าจริงๆงั้นหรือ?” ไป่หนิงปิงมองฟางหยวนและกล่าวด้วยความประหลาดใจ

ไป่หนิงปิงไม่เคยคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน

ไห่ลั่วหลันเคยสงสัยว่าฟางหยวนจะเสียสละนาง ไป่หนิงปิงก็เช่นเดียวกัน

ฟางหยวนชำเลืองมองไป่หนิงปิงอย่างไร้อารมณ์ “สถานการณ์ร้ายแรงกว่าที่เจ้าคิด เราทุกคนต่างถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนถูกซุ่มโจมตีโดยผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้”

แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าที่สามารถตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างของผู้อมตะ แต่เขาไม่รู้ว่าเดิมทีผู้อมตะเหล่านี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอยู่มากน้อยเท่าใด

แม้ฟางหยวนจะรู้จำนวนตัวเลขของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างของไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง และคนอื่นๆ มันก็ไร้ประโยชน์

อย่างไรก็ตามเขาสามารถบอกได้ว่าทุกคนถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายที่คล้ายคลึงกัน

“มันมาจากผู้อมตะภาคใต้งั้นหรือ? ฟางหยวน ตอนนี้เจ้าเป็นผู้นำนิกายเงาและได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง แต่กระทั่งเจ้าก็ยังไม่สามารถทำลายมันงั้นหรือ?” ไป่หนิงปิงถาม

“ข้าพยายามแล้ว” ฟางหยวนถอนหายใจ

เขาไม่ได้รับวิญญาณอมตะทั้งหมดของราชันภูเขาม่วง แม้เขาจะมีวิธีที่ดีหลายวิธีแต่ฟางหยวนก็ไม่สามารถใช้งานพวกมันโดยปราศจากวิญญาณอมตะ

สายตาของไห่ลั่วหลันสั่นไหวเมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางต้องนึกไปถึงนิกายหลางหยา

หากมีวิญญาณอมตะไม่เพียงพอ พวกเขาสามารถหลอมรวมมัน นางรู้ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายหลางหยา

ฟางหยวนสามารถขอความช่วยเหลือจากความสัมพันธ์นี้

ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องการทำเช่นกัน

ก่อนหน้านี้เขาได้ติดต่อผมที่หกไปแล้ว

อย่างไรก็ตามผมที่หกไม่ยอมรับสถานะของฟางหยวน เขาสงสัยแรงจูงใจของฟางหยวนและขอให้ฟางหยวนช่วยอิงอู๋เซี่ยเป็นอันดับแรก ท้ายที่สุดร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณก็เหลือเพียงสองคนเท่านั้น

แต่อิงอู๋เซี่ยและเทพธิดากระต่ายข่าวอยู่ในมิติช่องว่างของเทพธิดาเมี่ยวหยิน

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฟางหยวนต้องกลับไปช่วยพวกนาง

ผมที่หกไม่ให้ความร่วมมือ ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนมีความสุขก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้า ฟางหยวนสามารถใช้แต้มผลงานและขอให้นิกายหลางหยาหลอมรวมวิญญาณให้เขา

ฟางหยวนมอบมรดกบางส่วนของราชันภูเขาม่วงให้นิกายหลางหยาเพื่อแลกกับแต้มผลงานก่อนจะขอให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาช่วยหลอมรวมวิญญาณที่เขาต้องการ

แม้นิกายหลางหยาจะเริ่มหลอมรวมวิญญาณให้ฟางหยวน แต่มันยังต้องใช้เวลา

“สถานการณ์ซับซ้อนมาก ข้าสงสัยว่าวังสวรรค์ร่วมมือกับผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้เพื่อกำจัดพวกเรา วังสวรรค์กำลังใช้ผู้อมตะภาคใต้เป็นเครื่องมือ แต่พวกเขาจะไม่เพียงเฝ้ามองอยู่ข้างสนามรบ นอกจากผู้อมตะภาคใต้ เรายังต้องระวังผู้อมตะจากวังสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่และหาโอกาสซุ่มโจมตีพวกเรา” ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท