เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1387

ตอนที่ 1387

“กรงอากาศ!?”

“เราถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”

“ข้าไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย!”

สมาชิกนิกายเงาตกตะลึง

พวกเขาไม่รู้ว่าถูกโจมตีตั้งแต่เมื่อใด หากไม่ใช่เพราะผลลัพธ์ของค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ พวกเขาจะคิดว่าวูหยงกำลังข่มขู่

ผู้อมตะระดับแปดเป็นตัวตนที่ไม่สามารถประมาท

วูหยงเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีความอาวุโสน้อยที่สุดในภาคใต้แต่เขาเรียนรู้และได้รับมรดกมาจากวูตู๋ซิ่ว เขามีวิธีการมากมาย

ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก

‘ท่าไม้ตายนี้ทำงานอย่างไร?’

‘มันอยู่ได้นานเท่าใด?’

‘ข้าจะค้นหาจุดอ่อนและทำลายมันได้อย่างไร?’

ฟางหยวนครุ่นคิดอย่างหนัก

บ้านไม้ไผ่สายลมเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าฟาหงยวนไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด

สถานการณ์กดดันมาก ฟางหยวนต้องตัดสินใจทันที

เขาออกคำสั่ง “ทุกคนเข้าไปในมิติช่องว่างของข้า!”

“เพราะเหตุใด?”

“พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป การเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปดเป็นเพียงการรนหาที่ตาย มันจะดีที่สุดสำหรับพวกเจ้าที่จะเข้าไปในมิติช่องว่างของข้าและหาวิธีทำลายท่าไม้ตายอมตะกรงอากาศโดยเร็วที่สุด!” ฟางหยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและเปิดทางเข้ามิติช่องว่างจักรพรรดิทันที

สมาชิกนิกายเงามองหน้ากัน

ไห่ลั่วหลันเป็นคนแรกที่เข้าไป เป็นเรื่องปกติที่จะไม่นำตนเองไปสู่ที่ตาย เดิมทีไห่ลั่วหลันคิดว่าฟางหยวนอาจใช้ข้อตกลงพันธมิตรส่งนางออกไปเผชิญหน้ากับวูหยงเพื่อให้เขามีเวลาหลบหนี แต่โดยไม่คาดคิดฟางหยวนกลับไม่ทำเช่นนั้น

เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดำลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตามเข้าไป

ความสำเร็จในปัจจุบันของพวกนางเกิดจากมรดกที่แท้จริงของราชันภูเขาม่วงและตอนนี้พวกนางก็เป็นสมาชิกนิกายเงา เหตุผลที่พวกนางทำตามคำสั่งของฟางหยวนเพราะเขาเป็นผู้นำนิกาย

ตรงข้ามกับไป่หนิงปิงที่ยังรั้นรออยู่

นางไม่กังวลเกี่ยวกับฟางหยวน แต่นางต้องการต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด

ไป่หนิงปิงไล่ล่าความตื่นเต้นในชีวิต มันเหมือนฟางหยวนไล่ล่าชีวิตนิรันดร์ ความรู้สึกนี้กระตุ้นไฟแห่งความบ้าคลั่งในหัวใจของทั้งสอง

“อย่าโง่ แม้เจ้าจะเปลี่ยนเป็นไป่เซียง วูหยงก็ยังสามารถสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย” ฟางหยวนค่อนข้างร้อนใจ

ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็นแต่ยังเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวนในที่สุด

ฟางหยวนนำอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมาและปิดทางเข้าออกมิติช่องว่างจักรพรรดิ

เสียงถอนหายใจของวูหยงดังมาจากด้านหลัง “ฟางหยวน เจ้าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นจริงๆ เจ้าสามารถซ่อนตัวในตระกูลวูของข้าได้เป็นเวลานานโดยปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ เจ้าเป็นคนกล้าหาญอย่างแท้จริง น่าเสียดายหากเจ้าเป็นวูอี้ไห่จริงๆ มันจะดีมาก”

การถอนหายใจของวูหยงเกิดจากความเสียดายคนที่มีความสามารถ

ฟางหยวนหลบหนีขณะที่วูหยงไล่ล่า

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดปลดปล่อยความเร็วสูงสุดของมันออกมาในสถานการณ์อันตราย

อย่างไรก็ตามบ้านไม้ไผ่สายลมยังเร็วกว่า

ท้ายที่สุดมันก็เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด

นอกจากนั้นมันยังมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือมันไม่รู้จักความเหนื่อยล้า

ตราบเท่าที่มีพลังงานอมตะอย่างเพียงพอ คฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ยังสามารถรักษาสภาพของมันเอาไว้ได้

อย่างไรก็ตามอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแตกต่างออกไป

มันจะเหนื่อยเมื่อเวลาผ่านไป

แต่ฟางหยวนไม่สนใจประเด็นนี้

เพราะคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลมจะตามทันก่อนที่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะเหนื่อย

“มีผู้ใดมากับเจ้า เข้ามาพร้อมกัน!” ฟางหยวนหันหน้าไปทางวูหยงและตะโกน

“ใจเย็น ข้ามาคนเดียว” วูหยงเผยรอยยิ้มบาง

บ้านไม้ไผ่สายลมส่งหยดน้ำค้างพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนราวกับลูกศร

ฟางหยวนควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินขึ้นลงเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีทั้งหมด

“ไม่เลว เจ้ามีทักษะในการบินที่ดี ทักษะบนเส้นทางแห่งทาสยิ่งยอดเยี่ยม” วูหยงยกย่อง

ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งผิดปกติ

สายลมอันแผ่วเบาลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่รอบตัวเขา

มันกระทั่งพัวพันอยู่รอบๆบินของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและทำให้ความเร็วของมันลดลง

‘การโจมตีของวูหยงทำให้ข้าต้องเปลี่ยนทิศทาง ความเร็วของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดลดลงขณะที่บ้านไม้ไผ่สายลมเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง’

‘ยังมีมวลอากาศพัวพันอยู่รอบตัวข้า มันควรจะเป็นท่าไม้ตายอมตะกรงอากาศ นอกจากนั้นมันยังสามารถใช้ประโยชน์จากสายลมเพื่อเพิ่มพลังอำนาจ’

การโจมตีของวูหยงไม่สามารถสัมผัสร่างกายของฟางหยวนแต่มันยังบรรลุเป้าหมาย

ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลดลงอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้ายังไม่พบวิธีทำลายมันอีกงั้นหรือ?” ฟางหยวนถามสมาชิกนิกายเงา

“ยาก!”

“มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย”

“เห็นได้ชัดว่านี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย”

ฟางหยวนกัดฟันแน่นขณะที่เสียงของวูหยงดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้ากำลังคิดวิธีทำลายท่าไม้ตายของข้าใช่หรือไม่? บอกได้เลยว่าเมื่อพวกเจ้าถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายนี้ พวกเจ้าก็ไม่สามารถหลบหนี มันมีระยะการทำงานที่ยาวไกล นอกจากนั้นมันยังอยู่ได้นานถึงแปดนาที”

วูหยงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงเมื่อได้รับข้อมูลนี้

พฤติกรรมของวูหยงแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตนเองของเขาอย่างชัดเจน เขารู้สึกว่าฟางหยวนอยู่ในกำมือของเขาแล้วและไม่สามารถหลบหนีได้

บ้านไม้ไผ่สายลมโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง

วูหยงเผยรอยยิ้มบางและชี้นิ้วไปที่ฟางหยวน

ท่าไม้ตายอมตะดัชนีมังกรวายุ!

หนอนตัวน้อยบินออกมาจากปลายนิ้วของวูหยงก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นมังกรวายุยาวหนึ่งร้อยเมตร

มังกรวายุพุ่งเข้าโจมตีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแต่ฝ่ายหลังยังสามารถหลบเลี่ยง

ฟางหยวนก้าวออกไปข้างหน้าและปะทะมังกรวายุโดยตรง

วูหยงรู้สึกประหลาดใจก่อนจะกลายเป็นความตกใจอย่างรวดเร็ว

เพราะหลังจากมังกรวายุปะทะกับฟางหยวน มันไม่ได้รับความเสียหายแต่มันบินกลับไปหาเจ้าของ

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่มังกรวายุพุ่งชนคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลม

บ้านไม้ไผ่สายลมสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ความเร็วของมันลดลงมากกว่าครึ่ง

ฟางหยวนฉวยโอกาสบังคับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินห่างออกไป

วูหยงเห็นฟางหยวนในชุดคลุมยาวที่โปร่งแสงและปลดปล่อยกลิ่นอายอันลึกลับออกมา

“ท่าไม้ตายนี้ เป็นไปไม่ได้!” วูหยงอุทาน

แม้เขาจะไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน แต่ข้อมูลเกี่ยวกับหลิวกวนซื่อก็กระจายไปทั่วทั้งห้าภูมิภาค

วูหยงสามารถจดจำท่าไม้ตายนี้เพราะมันคือเกราะหวนคืน

นี่ทำให้วูหยงตระหนักว่าฟางหยวนก็คือหลิวกวนซื่อ หลิวกวนซื่อก็คือฟางหยวน

ฟางหยวนเห็นความประหลาดใจของวูหยงและคิด ‘ดูเหมือนวังสวรรค์ไม่ได้บอกวูหยงว่าหลิวกวนซื่อคือข้า หรือบางทีวังสวรรค์ก็อาจไม่รู้เรื่องนี้?’

ฟางหยวนรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย การเปิดเผยตัวตนของหลิวกวนซื่อจะส่งผลกระทบต่อสายสัมพันธ์ของเขากับภาคเหนือ

อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือก

เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด ฟางหยวนต้องใช้เกราะหวนคืนเท่านั้น

แม้วูหยงจะล้มเหลว แต่สายตาของเขากลับร้อนแรงมากขึ้น

ฟางหยวนไม่เพียงเป็นวูอี้ไห่และมีนิกายเงาอยู่เบื้องหลัง แต่เขายังมีแม่น้ำหวนคืนและเกราะหวนคือ ตราบเท่าที่วูหยงสามารถจับตัวฟางหยวน รากฐานของตระกูลวูจะก้าวเข้าสู่ระดับใหม่

ผลกำไรมหาศาลทำให้วูหยงเคลื่อนไหว

นอกจากนี้ฟางหยวนยังเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตระกูลวู

“ดี แผนการของข้าไม่สูญเปล่าจริงๆ” วูหยงพึมพำและควบคุมบ้านไม้ไผ่สายลมออกไล่ล่าฟางหยวน

ฟางหยวนไม่ได้รับผลกระทบจากกรงอากาศแต่อินทรีย์สวรรค์ยังถูกรบกวน อีกด้านหนึ่งวูหยงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

วูหยงบังคับบ้านไม้ไผ่สายลมพุ่งเข้าชนอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดโดยตรง

ฟางหยวนถอนหายใจและก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

วูหยงหัวเราะเบาๆ เขาบินออกจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะและเผชิญหน้ากับฟางหยวน

ในเวลาเดียวกันบ้านไม้ไผ่สายลมก็พุ่งเข้าโจมตีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

แม้วูหยงจะไม่ได้อยู่ในบ้านไม้ไผ่สายลมแต่เขายังทิ้งเจตจำนงเอาไว้พร้อมกับพลังงานอมตะจำนวนมาก

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

สถานการณ์ของฟางหยวนยิ่งเลวร้ายลงเมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปด

เขาทำได้เพียงรับการโจมตีของวูหยงและสะท้อนมันกลับไปเท่านั้น

หลังจากสิบรอบ วูหยงก็เข้าใจเกราะหวนคืนของฟางหยวนแม้เขาจะไม่สามารถทำร้ายฝ่ายตรงข้ามก็ตาม

วูหยงมองไปยังอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤต

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ วูหยงจึงใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาเพื่อโจมตีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

“ไม่ดีแล้ว!” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง สัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ถูกกระตุ้นและสามารถเอาชนะท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยได้ในที่สุด

มันสะบัดปีกและหลบหนี!

ฟางหยวนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับวูหยงและบ้านไม้ไผ่สายลมเพียงลำพัง

“ยังไม่มีความคืบหน้าอีกงั้นหรือ?” ฟางหยวนกระตุ้นสมาชิกนิกายเงาที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

“เราจะมีความคืบหน้าในเวลาอันสั้นได้อย่างไร!?” ขวัญกำลังใจของไป่หนิงปิงและคนอื่นๆตกต่ำลง

วูหยงตะโกน “เมื่อข้าอยู่ที่นี่ อย่าคิดว่าจะสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!”

แน่นอนว่าการต่อสู้ครั้งต่อไปเขาจะไม่เปิดโอกาสให้ฟางหยวน

หลังจากหลายรอบ วูหยงก็กางแขนออกและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมมาเป็นเวลานาน

วิสัยทัศน์ของฟางหวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาติดอยู่ในสนามรบที่แปลกประหลาดและไม่สามารถหลบหนี

“ยอมแพ้และมอบทุกสิ่งของเจ้าให้ข้า ด้วยวิธีนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ฟางหยวน!” วูหยงยื่นคำขาด

การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นมืดมน

นี่เป็นสถานการณ์สิ้นหวังอย่างแท้จริง

ความหวังเดียวของเขาในเวลานี้คือไป่หนิงปิงและคนอื่นๆสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเพื่อหลบหนี

แต่ในขณะที่วูหยงกำลังจะเคลื่อนไหว การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปยังทิศทางหนึ่ง “ผู้ใด? ออกมา!”

เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้อมตะภาคกลาง

ทั้งฟางหยวนและวูหยงต่างประหลาดใจที่เห็นคนผู้นี้

“เจ้าคือ…ฟงจิวเก้อ!?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท