ค่ายกลวิญญาณในรอยแยกปล้นเงาอาจถูกทำลายแต่มันได้แจ้งเตือนกลุ่มของฟางหยวนแล้ว
ตอนนี้ผู้อมตะภาคใต้กำลังบุกเข้ามาแต่ยังมีระยะห่างอยู่บ้าง
ฟางหยวนสามารถใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเพื่อหลบหนี
อย่างไรก็ตามหลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ เขาตัดสินใจที่จะทดลองใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศและทำความคุ้นเคยกับวิธีการนี้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เนื่องจากวิธีของฟางหยวนไม่สามารถทำลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ติดอยู่บนร่างของเขา นั่นหมายความว่าตำแหน่งของเขาจะถูกเปิดเผยเสมอ
มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกซุ้มโจมตีขณะหลบหนี
ตัวอย่างเช่นคฤหาสน์วิญญาณอมตะศาลาริมทะเลของตระกูลอี้ก่อนหน้านี้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันมีความเสี่ยงสูงหากพวกเขาหลบหนีด้วยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด
เนื่องจากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไม่ใช่คฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันไม่มีวิธีโจมตีหรือป้องกันที่สมบูรณ์แบบ การยืนอยู่บนแผ่นหลังของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอาจตกเป็นเป้าหมายของศัตรูได้อย่างง่ายดาย
ในทางตรงข้ามหากพวกเขาใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ พวกเขาจะเคลื่อนย้ายสถานที่และข้ามผ่านระยะทางอันยาวไกลได้ในครั้งเดียว
อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเคยใช้วิธีนี้หลบหนีจากการไล่ล่าของวังสวรรค์และฟางหยวนมาแล้ว
ตอนนี้ฟางหยวนเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา ข้อได้เปรียบของศัตรูจึงกลายเป็นข้อได้เปรียบของเขา
ฟางหยวนเรียกรวมตัวสมาชิกทั้งหมดและมอบวิธีใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศให้กับพวกเขา
ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน และอิงอู๋เซี่ยเคยใช้ค่ายกลวิญญาณนี้มาแล้ว
แต่นี่เป็นครั้งแรกสำหรับฟางหยวน เทพธิดาเมี่ยวหยิน และเทพธิดากระต่ายขาว
มีเพียงสามคนที่เข้าใจค่ายกลวิญญาณนี้อย่างถ่องแท้ แต่จิตใจของอิงอู๋เซี่ยยังไม่ปกติและไม่สามารถพึ่งพา ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องฝึกซ้อมร่วมกับทุกคน
ค่ายกลวิญญาณนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน คนเพียงผู้เดียวไม่สามารถกระตุ้นการทำงานของมัน
ขณะที่กลุ่มของฟางหยวนกำลังฝึกฝนค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ วูหยงนำกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เดินทางมาอย่างสง่างาม
“ท่านวูหยง ตามข้อมูลของท่าน มีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะอยู่ในรอยแยกปล้นเงา ตอนนี้เราอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น โปรดบอกแผนการของท่านด้วย” จื่อชิวหยูกล่าว
จื่อชิวหยูเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นเดียวกับวูหยงและยังมีความอาวุโสมากกว่า อย่างไรก็ตามตระกูลวูมีอำนาจสูงสุด นอกจากนั้นจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยโดยไท่เมี่ยนเฉิน มันทำให้ผู้อมตะภาคใต้รู้สึกวิตกกังวลและกระทั่งหวาดกลัวต่อคนผู้นี้
ก่อนหน้านี้กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้พยายามสร้างปัญหาให้กับตระกูลวู บางคนถึงกับบุกยึดแหล่งทรัพยากรของพวกเขาอย่างเปิดเผย
หากพวกเขาเข้าใจความแข็งแกร่งที่แท้จริงของวูหยงและตระหนักถึงการคงอยู่ของบ้านไม้ไผ่สายลม พวกเขาจะไม่กระทำการเหล่านั้นโดยประมาท
“ตระกูลวูเสียดินแดนไปมาก วูหยงต้องชำระแค้นในภายหลังอย่างแน่นอน”
“หลังจากกำจัดนิกายเงา วูหยงอาจเริ่มดำเนินการทันที”
“เห้อ…พวกเราคิดผิด วูหยงผู้นี้ช่างมีความอดทน เขาแตกต่างจากวูตู๋ซิ่วอย่างสิ้นเชิง เขาซ่อนตัวเองได้เป็นอย่างดี เมื่อนึกย้อนกลับไป นี่อาจเป็นแผนการของเขา เขาแสร้งทำตัวอ่อนแอเพื่อที่เขาจะได้โต้กลับในภายหลังโดยมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผล นั่นจะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากขึ้น”
ระหว่างทางกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พูดคุยกัน
วูหยงกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักของกลุ่ม
สำหรับฟางหยวนและสมาชิกนิกายเงา ราชันภูเขาม่วงตายไปแล้ว กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณยังถูกจับโดยวังสวรรค์ ตอนนี้เหลือเพียงอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเท่านั้นที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
อย่างไรก็ตามพวกเขาระดมคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมา แล้วพวกเขายังต้องกลัวอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอีกงั้นหรือ?
รอยแยกปล้นเงา
“แค๊ก!” ไป่หนิงปิงไอออกมาเป็นเลือด นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
การกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศล้มเหลวอีกครั้ง
ไป่หนิงปิงได้รับผลกระทบย้อนกลับมากที่สุดแต่อาการบาดเจ็บของนางก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว
บุรุษคนก่อนหน้า!
ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดวงนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาทั้งตัวเองและคนอื่นๆ
ความรู้สึกซับซ้อนเผยให้เห็นในดวงตาของไห่ลั่วหลันขณะที่นางมีความสุขกับพลังอำนาจของวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าอีกครั้ง
บุรุษคนก่อนหน้ายังอยู่ แต่สิ่งที่น่าเศร้าเล็กน้อยก็คือไท่เป่ยหยุนเฉิงเสียชีวิตไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกสังหารโดยฟางหยวน
การฝึกซ้อมหยุดลง
ฟางหยวนรักษาอาการบาดเจ็บของตนโดยใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าและเริ่มหาสาเหตุของความล้มเหลว
“เอาล่ะ มาลองอีกครั้ง” ฟางหยวนกระตุ้น
ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!
รัศมีแสงเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกันแต่ไม่นานมันก็เริ่มสั่นคลอนและสูญเสียเสถียรภาพ
“บึม!”
เกิดการระเบิดขึ้น
เทพธิดาเมี่ยวหยินกรีดร้อง ใบหน้าของนางกลายเป็นแดงก่ำขณะที่นางได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดในครั้งนี้
ฟางหยวนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขากระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าเพื่อรักษาเทพธิดาเมี่ยวหยิน
“การเคลื่อนไหวของเราต้องเป็นหนึ่งเดียว อีกครั้ง!” หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ปรบมือเรียกทุกคน
ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!
ล้มเหลวอีกหน
ไห่ลั่วหลันส่งเสียงครวญคราง คิ้วของนางขมวดเล็กน้อยขณะที่ร่องรอยของความเจ็บปวดปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่งดงามของนาง
หลังจากพักฟื้น ฟางหยวนกล่าว “เราจะปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ทำตามข้า”
ทุกคนพยักหน้าโดยไม่กล่าวสิ่งใด
หลังจากไม่นานฟางหยวนก็พบกับความล้มเหลวอีกครั้งแต่มันยังมีความคืบหน้า
“ดี” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
กุญแจสำคัญในการกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศคือการเคลื่อนไหวของทุกคน
หลังจากผ่านการทำงานอย่างหนัก พวกเขาก็เริ่มจับจังหวะได้
แต่ในเวลานี้ค่ายกลวิญญาณกลับส่งเสียงเตือน
“ไม่ดีแล้ว คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังเข้ามาในรอยแยกปล้นเงาแล้ว” กายาแห่งความฝันผู้หนึ่งรีบเข้ามารายงาน
ดวงตาของเทพธิดาทั้งสามมองไปที่ฟางหยวน
ฟางหยวนเป็นผู้นำของนิกายเงา พวกนางกำลังรอการตัดสินใจจากเขา
“รวดเร็วนักแต่ไม่จำเป็นต้องกังวล” ฟางหยวนยิ้ม “สถานการณ์นี้อยู่ในความคาดหมายของข้า เราจะทำตามแผน”
“รับทราบ” กายาแห่งความฝันถอยออกไป
“ต่อ” ฟางหยวนกล่าว “ตอนนี้เรามีเวลาจำกัด เราต้องรีบแล้ว”
ภายในบ้านไม้ไผ่สายลม วูหยงมองลงไปที่รอยแยกปล้นเงาผ่านช่องหน้าต่าง
หลังจากสังเกตอยู่ชั่วครู่ ดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้น “เป็นค่ายกลวิญญาณที่ไม่ธรรมดา ผู้สร้างสามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากสภาพแวดล้อมและสร้างมันด้วยวิญญาณระดับมนุษย์”
“มีเงาปีศาจอยู่ด้วย น่าทึ่ง มันเป็นค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่และยังรวมเป็นพื้นที่เดียวกัน” เฉียวจื่อไคอุทานมาจากด้านข้าง
ในเวลานี้เสียงที่ตื่นเต้นของจื่อชิวหยูก็ดังมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลจื่อ “ค่ายกลวิญญาณที่ดี รูปแบบดี ปล่อยให้ชายชราผู้นี้หาจุดอ่อนของมันและทำลายมันได้หรือไม่?”
“ไม่จำเป็น” วูหยงปฏิเสธ “เราควรทำภารกิจให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ค่ายกลวิญญาณแล้วอย่างไร? แม้จะมีเงาปีศาจมากกว่านี้อีกหลายเท่า พวกมันก็ไม่สมารถกีดขวางคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเรา”
วูหยงหยุดก่อนกล่าวต่อ “ทุกคน โจมตี”
บ้านไม้ไผ่สายลมพุ่งลงไปทันที
มันกำจัดเงาปีศาจที่กีดขวางอยู่บนเส้นทางทั้งหมด
ผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึงเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ พลังอำนาจของบ้านไม้ไผ่สายลมเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกลมาก
“นี่คือพลังอำนาจของตระกูลวู!?” ผู้อมตะหลายคนถอนหายใจราวกับพวกเขาได้เห็นฉากการต่อสู้ของวูตู๋ซิ่วอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“ฆ่า!”
“ไป”!
“กำจัดเหล่าปีศาจร้าย!”
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังอาละวาดราวกับสัตว์ร้าย เงาปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นอ่อนแอต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่ง
เสียงกรีดร้องดังมาถึงหูของฟางหยวน
การแสดงออกของเทพธิดาเมี่ยวหยินเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ไห่ลั่วหลันชำเลืองมองฟางหยวนแต่เขายังไม่ตอบสนอง
ไป่หนิงปิงยังแสดงออกอย่างไม่แยแส
ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่สามารถหยุดคฤหาสน์วิญญาณอมตะเหล่านั้นและจะพังทลายลงในเวลาอันสั้น
ขณะเดียวกันเงาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังเป็นเพียงเงาปีศาจระดับเจ็ดเท่านั้น พวกมันกำลังถูกสังหารและแตกรังกระจัดกระจายกันไปทุกทิศทาง
กลุ่มผู้อมตะภาคใต้บุกเข้ามาในถ้ำอย่างกล้าหาญ กายาแห่งความฝันเริ่มเข้าสู่การต่อสู้
“บึม บึม บึม…”
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ท่านี้อีกครั้ง ถอย!” ผู้อมตะตระกูลอี้เคยพบกับความทุกข์ทรมานจากอาณาจักรแห่งความฝันมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงเร่งล่าถอย
คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังอื่นไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดและเฝ้ามองจากด้านข้าง
ตอนนี้อาณาจักรแห่งความฝันกลายเป็นปราการป้องกันด่านหน้าของฟางหยวนและคนอื่นๆ
ใบหน้าของวูหยงและผู้อมตะภาคใต้แสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน พวกเขาจะทะลวงเข้าไปได้อย่างไร?
ราวกับพวกเขาถูกกลั่นแกล้งเพราะพวกเขาไม่มีความรู้และไม่เข้าใจเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน
อย่างไรก็ตามวูหยงกลับหัวเราะ “ใช้วิธีนี้ป้องกันตัวหมายความว่านิกายเงาหมดสิ้นหนทางแล้ว พวกมันกีดขวางพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็จะขังพวกเขาไว้ภายใน ให้ข้าดูว่าพวกเขาจะสามารถอดทนได้นานเพียงใด”
ทั้งสองฝ่ายติดอยู่ในภาวะชะงักงัน
เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของวูหยงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาได้รับจดหมายจากวังสวรรค์!