เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1381

ตอนที่ 1381

ค่ายกลวิญญาณในรอยแยกปล้นเงาอาจถูกทำลายแต่มันได้แจ้งเตือนกลุ่มของฟางหยวนแล้ว

ตอนนี้ผู้อมตะภาคใต้กำลังบุกเข้ามาแต่ยังมีระยะห่างอยู่บ้าง

ฟางหยวนสามารถใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเพื่อหลบหนี

อย่างไรก็ตามหลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ เขาตัดสินใจที่จะทดลองใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศและทำความคุ้นเคยกับวิธีการนี้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เนื่องจากวิธีของฟางหยวนไม่สามารถทำลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ติดอยู่บนร่างของเขา นั่นหมายความว่าตำแหน่งของเขาจะถูกเปิดเผยเสมอ

มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกซุ้มโจมตีขณะหลบหนี

ตัวอย่างเช่นคฤหาสน์วิญญาณอมตะศาลาริมทะเลของตระกูลอี้ก่อนหน้านี้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันมีความเสี่ยงสูงหากพวกเขาหลบหนีด้วยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

เนื่องจากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไม่ใช่คฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันไม่มีวิธีโจมตีหรือป้องกันที่สมบูรณ์แบบ การยืนอยู่บนแผ่นหลังของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอาจตกเป็นเป้าหมายของศัตรูได้อย่างง่ายดาย

ในทางตรงข้ามหากพวกเขาใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ พวกเขาจะเคลื่อนย้ายสถานที่และข้ามผ่านระยะทางอันยาวไกลได้ในครั้งเดียว

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเคยใช้วิธีนี้หลบหนีจากการไล่ล่าของวังสวรรค์และฟางหยวนมาแล้ว

ตอนนี้ฟางหยวนเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา ข้อได้เปรียบของศัตรูจึงกลายเป็นข้อได้เปรียบของเขา

ฟางหยวนเรียกรวมตัวสมาชิกทั้งหมดและมอบวิธีใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศให้กับพวกเขา

ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน และอิงอู๋เซี่ยเคยใช้ค่ายกลวิญญาณนี้มาแล้ว

แต่นี่เป็นครั้งแรกสำหรับฟางหยวน เทพธิดาเมี่ยวหยิน และเทพธิดากระต่ายขาว

มีเพียงสามคนที่เข้าใจค่ายกลวิญญาณนี้อย่างถ่องแท้ แต่จิตใจของอิงอู๋เซี่ยยังไม่ปกติและไม่สามารถพึ่งพา ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องฝึกซ้อมร่วมกับทุกคน

ค่ายกลวิญญาณนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน คนเพียงผู้เดียวไม่สามารถกระตุ้นการทำงานของมัน

ขณะที่กลุ่มของฟางหยวนกำลังฝึกฝนค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ วูหยงนำกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เดินทางมาอย่างสง่างาม

“ท่านวูหยง ตามข้อมูลของท่าน มีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะอยู่ในรอยแยกปล้นเงา ตอนนี้เราอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น โปรดบอกแผนการของท่านด้วย” จื่อชิวหยูกล่าว

จื่อชิวหยูเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นเดียวกับวูหยงและยังมีความอาวุโสมากกว่า อย่างไรก็ตามตระกูลวูมีอำนาจสูงสุด นอกจากนั้นจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยโดยไท่เมี่ยนเฉิน มันทำให้ผู้อมตะภาคใต้รู้สึกวิตกกังวลและกระทั่งหวาดกลัวต่อคนผู้นี้

ก่อนหน้านี้กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้พยายามสร้างปัญหาให้กับตระกูลวู บางคนถึงกับบุกยึดแหล่งทรัพยากรของพวกเขาอย่างเปิดเผย

หากพวกเขาเข้าใจความแข็งแกร่งที่แท้จริงของวูหยงและตระหนักถึงการคงอยู่ของบ้านไม้ไผ่สายลม พวกเขาจะไม่กระทำการเหล่านั้นโดยประมาท

“ตระกูลวูเสียดินแดนไปมาก วูหยงต้องชำระแค้นในภายหลังอย่างแน่นอน”

“หลังจากกำจัดนิกายเงา วูหยงอาจเริ่มดำเนินการทันที”

“เห้อ…พวกเราคิดผิด วูหยงผู้นี้ช่างมีความอดทน เขาแตกต่างจากวูตู๋ซิ่วอย่างสิ้นเชิง เขาซ่อนตัวเองได้เป็นอย่างดี เมื่อนึกย้อนกลับไป นี่อาจเป็นแผนการของเขา เขาแสร้งทำตัวอ่อนแอเพื่อที่เขาจะได้โต้กลับในภายหลังโดยมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผล นั่นจะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากขึ้น”

ระหว่างทางกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พูดคุยกัน

วูหยงกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักของกลุ่ม

สำหรับฟางหยวนและสมาชิกนิกายเงา ราชันภูเขาม่วงตายไปแล้ว กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณยังถูกจับโดยวังสวรรค์ ตอนนี้เหลือเพียงอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเท่านั้นที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง

อย่างไรก็ตามพวกเขาระดมคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมา แล้วพวกเขายังต้องกลัวอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอีกงั้นหรือ?

รอยแยกปล้นเงา

“แค๊ก!” ไป่หนิงปิงไอออกมาเป็นเลือด นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

การกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศล้มเหลวอีกครั้ง

ไป่หนิงปิงได้รับผลกระทบย้อนกลับมากที่สุดแต่อาการบาดเจ็บของนางก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว

บุรุษคนก่อนหน้า!

ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดวงนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาทั้งตัวเองและคนอื่นๆ

ความรู้สึกซับซ้อนเผยให้เห็นในดวงตาของไห่ลั่วหลันขณะที่นางมีความสุขกับพลังอำนาจของวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าอีกครั้ง

บุรุษคนก่อนหน้ายังอยู่ แต่สิ่งที่น่าเศร้าเล็กน้อยก็คือไท่เป่ยหยุนเฉิงเสียชีวิตไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกสังหารโดยฟางหยวน

การฝึกซ้อมหยุดลง

ฟางหยวนรักษาอาการบาดเจ็บของตนโดยใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าและเริ่มหาสาเหตุของความล้มเหลว

“เอาล่ะ มาลองอีกครั้ง” ฟางหยวนกระตุ้น

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

รัศมีแสงเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกันแต่ไม่นานมันก็เริ่มสั่นคลอนและสูญเสียเสถียรภาพ

“บึม!”

เกิดการระเบิดขึ้น

เทพธิดาเมี่ยวหยินกรีดร้อง ใบหน้าของนางกลายเป็นแดงก่ำขณะที่นางได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดในครั้งนี้

ฟางหยวนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขากระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าเพื่อรักษาเทพธิดาเมี่ยวหยิน

“การเคลื่อนไหวของเราต้องเป็นหนึ่งเดียว อีกครั้ง!” หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ปรบมือเรียกทุกคน

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

ล้มเหลวอีกหน

ไห่ลั่วหลันส่งเสียงครวญคราง คิ้วของนางขมวดเล็กน้อยขณะที่ร่องรอยของความเจ็บปวดปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่งดงามของนาง

หลังจากพักฟื้น ฟางหยวนกล่าว “เราจะปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ทำตามข้า”

ทุกคนพยักหน้าโดยไม่กล่าวสิ่งใด

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็พบกับความล้มเหลวอีกครั้งแต่มันยังมีความคืบหน้า

“ดี” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

กุญแจสำคัญในการกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศคือการเคลื่อนไหวของทุกคน

หลังจากผ่านการทำงานอย่างหนัก พวกเขาก็เริ่มจับจังหวะได้

แต่ในเวลานี้ค่ายกลวิญญาณกลับส่งเสียงเตือน

“ไม่ดีแล้ว คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังเข้ามาในรอยแยกปล้นเงาแล้ว” กายาแห่งความฝันผู้หนึ่งรีบเข้ามารายงาน

ดวงตาของเทพธิดาทั้งสามมองไปที่ฟางหยวน

ฟางหยวนเป็นผู้นำของนิกายเงา พวกนางกำลังรอการตัดสินใจจากเขา

“รวดเร็วนักแต่ไม่จำเป็นต้องกังวล” ฟางหยวนยิ้ม “สถานการณ์นี้อยู่ในความคาดหมายของข้า เราจะทำตามแผน”

“รับทราบ” กายาแห่งความฝันถอยออกไป

“ต่อ” ฟางหยวนกล่าว “ตอนนี้เรามีเวลาจำกัด เราต้องรีบแล้ว”

ภายในบ้านไม้ไผ่สายลม วูหยงมองลงไปที่รอยแยกปล้นเงาผ่านช่องหน้าต่าง

หลังจากสังเกตอยู่ชั่วครู่ ดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้น “เป็นค่ายกลวิญญาณที่ไม่ธรรมดา ผู้สร้างสามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากสภาพแวดล้อมและสร้างมันด้วยวิญญาณระดับมนุษย์”

“มีเงาปีศาจอยู่ด้วย น่าทึ่ง มันเป็นค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่และยังรวมเป็นพื้นที่เดียวกัน” เฉียวจื่อไคอุทานมาจากด้านข้าง

ในเวลานี้เสียงที่ตื่นเต้นของจื่อชิวหยูก็ดังมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลจื่อ “ค่ายกลวิญญาณที่ดี รูปแบบดี ปล่อยให้ชายชราผู้นี้หาจุดอ่อนของมันและทำลายมันได้หรือไม่?”

“ไม่จำเป็น” วูหยงปฏิเสธ “เราควรทำภารกิจให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ค่ายกลวิญญาณแล้วอย่างไร? แม้จะมีเงาปีศาจมากกว่านี้อีกหลายเท่า พวกมันก็ไม่สมารถกีดขวางคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเรา”

วูหยงหยุดก่อนกล่าวต่อ “ทุกคน โจมตี”

บ้านไม้ไผ่สายลมพุ่งลงไปทันที

มันกำจัดเงาปีศาจที่กีดขวางอยู่บนเส้นทางทั้งหมด

ผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึงเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ พลังอำนาจของบ้านไม้ไผ่สายลมเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกลมาก

“นี่คือพลังอำนาจของตระกูลวู!?” ผู้อมตะหลายคนถอนหายใจราวกับพวกเขาได้เห็นฉากการต่อสู้ของวูตู๋ซิ่วอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

“ฆ่า!”

“ไป”!

“กำจัดเหล่าปีศาจร้าย!”

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังอาละวาดราวกับสัตว์ร้าย เงาปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นอ่อนแอต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่ง

เสียงกรีดร้องดังมาถึงหูของฟางหยวน

การแสดงออกของเทพธิดาเมี่ยวหยินเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ไห่ลั่วหลันชำเลืองมองฟางหยวนแต่เขายังไม่ตอบสนอง

ไป่หนิงปิงยังแสดงออกอย่างไม่แยแส

ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่สามารถหยุดคฤหาสน์วิญญาณอมตะเหล่านั้นและจะพังทลายลงในเวลาอันสั้น

ขณะเดียวกันเงาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังเป็นเพียงเงาปีศาจระดับเจ็ดเท่านั้น พวกมันกำลังถูกสังหารและแตกรังกระจัดกระจายกันไปทุกทิศทาง

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้บุกเข้ามาในถ้ำอย่างกล้าหาญ กายาแห่งความฝันเริ่มเข้าสู่การต่อสู้

“บึม บึม บึม…”

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ท่านี้อีกครั้ง ถอย!” ผู้อมตะตระกูลอี้เคยพบกับความทุกข์ทรมานจากอาณาจักรแห่งความฝันมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงเร่งล่าถอย

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังอื่นไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดและเฝ้ามองจากด้านข้าง

ตอนนี้อาณาจักรแห่งความฝันกลายเป็นปราการป้องกันด่านหน้าของฟางหยวนและคนอื่นๆ

ใบหน้าของวูหยงและผู้อมตะภาคใต้แสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน พวกเขาจะทะลวงเข้าไปได้อย่างไร?

ราวกับพวกเขาถูกกลั่นแกล้งเพราะพวกเขาไม่มีความรู้และไม่เข้าใจเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน

อย่างไรก็ตามวูหยงกลับหัวเราะ “ใช้วิธีนี้ป้องกันตัวหมายความว่านิกายเงาหมดสิ้นหนทางแล้ว พวกมันกีดขวางพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็จะขังพวกเขาไว้ภายใน ให้ข้าดูว่าพวกเขาจะสามารถอดทนได้นานเพียงใด”

ทั้งสองฝ่ายติดอยู่ในภาวะชะงักงัน

เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของวูหยงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เขาได้รับจดหมายจากวังสวรรค์!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท