เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1376

ตอนที่ 1376

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1376 ประเมินกำลังรบ
“ฮู ฮู…”

เสียงลมดังเข้าหูของฟางหยวนที่นั่งอยู่บนแผ่นหลังของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

แม้ลมจะแรงแต่ฟางหยวนยังมั่นคงเหมือนภูเขา

แน่อนนว่าผู้อมตะทุกคนสามารถต้านแรงลมดังกล่าว

ด้านข้างเขาคืออิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ บางคนนั่ง บางคนยืน บางคนมองไปด้านล่าง และบางคนปิดเปลือกตาพักฟื้น

ฟางหยวนไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ

แม้เขาจะล้มเหลวหลายครั้งในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นด้วยพลังอำนาจของวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า

‘ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยช่างอัศจรรย์นัก มันทำให้ข้าสามารถควบคุมสัตว์อสรแรกกำเนิดได้จริงๆ’ ฟางหยวนคิด

‘ตามคำอธิบาย ยิ่งข้าใช้สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลประเภทนกอินทรีย์มากเท่าใด ข้าก็ยิ่งสามารถควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดได้มากเท่านั้น’

‘นั่นหมายความว่าข้าควรซื้อนกอินทรีย์ให้มากขึ้นและเลี้ยงดูพวกมันอย่างเหมาะสม’

ไม่นานมานี้ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะสี่ดวงเพื่อซื้อสัตว์อสูรประเภทนกอินทรีย์จากสวรรค์สีเหลืองเพราะไม่มีทางเลือก

หากมีเวลาเพียงพอ เขาจะไม่ทำธุรกรรมที่โง่เขลาเช่นนี้อย่างแน่นอน

ปัจจุบันความสับสนวุ่นวายในสวรรค์สีเหลืองยังไม่จางหายไป หลายคนยังพูดถึงเหตุการณ์นี้และความโง่เขลาของฟางหยวน

อาจมีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่รู้ความจริงหรือบางทีวังสวรรค์อาจสามารถคาดเดาบางอย่างได้เช่นกัน

ฟางหยวนตรวจสอบมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ฝูงอินทรีย์เดียวดายและอินทรีย์บรรพกาลกำลังบินอยู่ในสวรรค์ทั้งเก้า

นอกจากนี้ยังมีรังอินทรีย์อยู่ในสวรรค์สีม่วงน้อย ฟางหยวนได้รับรังอินทรีย์เหล่านี้มาจากเผ่าไห่

มีลูกอินทรีย์เติบโตอยู่ที่นี่

ด้วยวิธีการเลี้ยงดูของเผ่าไห่ ลูกอินทรีย์เหล่านี้จะเติบโตขึ้นเป็นอินทรีย์เดียวดายหรือกระทั่งอินทรีย์บรรพกาลในอนาคต

อย่างไรก็ตามฟางหยวนได้ใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อชะลอเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ สิ่งนี้ทำให้ลูกอินทรีย์เหล่านี้เติบโตขึ้นค่อนข้างช้า

‘ในช่วงเวลานี้ข้าควรซื้ออินทรีย์จากภายนอก’

‘ยิ่งมีมากเท่าใด การควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น ตอนนี้ข้ามีนกอินทรีย์มากกว่าสี่ร้อยตัว แต่ข้าแทบไม่สามารถควบคุมมัน ข้าสามารถสั่งให้มันบินไปเท่านั้น’

‘ไม่ใช่เรื่องใหญ่หากต้องต่อสู้กับศัตรูที่อ่อนแอ แต่มันจะไม่เชื่อฟังข้าหากข้าสั่งให้มันต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นจ้าวเย่ฮุ้ย’

ตอนนี้พวกเขาหนีออกจากสนามรบแล้ว ฟางหยวนจึงมีเวลาคิดอย่างใจเย็น

นอกจากการซื้อนกอินทรีย์ ฟางหยวนยังต้องพิจารณาเกี่ยวกับอาหารและความเป็นอยู่ของพวกมันอีกด้วย

ในการเลี้ยงอินทรีย์เหล่านี้ ฟางหยวนจำเป็นต้องเข้าใจรูปแบบการดำรงชีวิตของพวกมัน นี่หมายความว่าเขาต้องสร้างห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์และต้องมีขนาดใหญ่มากพอ

‘โชคดีที่มิติช่องว่างของข้าใหญ่โตมาก มันมากพอสำหรับอินทรีย์เหล่านี้ ข้ายังสามารถสร้างระบบนิเวศพิเศษสำหรับพวกมันโดยเฉพาะ’

‘ตอนนี้ข้าค่อนข้างมั่งคั่ง ด้วยหินวิญญาณอมตะกว่าแสนก้อน การซื้อและเลี้ยงอินทรีย์เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย สิ่งสำคัญอีกประการที่ข้าต้องทำคือพัฒนาเกราะหวนคืน!’

ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา

สิ่งนี้เกินความคาดหวังของเขาอย่างมาก

นิกายเงาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับกุม ตอนนี้ฟางหยวนเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของวังสวรรค์

แม้ฟางหยวนจะไม่รับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา วังสวรรค์ก็ยังจะไล่ล่าและสังหารเขา

ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าอย่างไรวังสวรรค์ก็ต้องกำจัดเขา

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องยอมรับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของนิกายเงาเพื่อผลประโยชน์

‘รอจนกว่าข้าจะสามารถควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์และเกราะหวนคืนได้รับการพัฒนาแล้ว จากนั้นข้าจะสามารถป้องกันตนเองจากวังสวรรค์’

ขณะที่ฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็คิดไปถึงหอคอยดวงตาสวรรค์และผู้อมตะกึ่งระดับเก้าราชันมังกร

นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างช่วยไม่ได้

‘ข้ายังอ่อนแออยู่มาก! แม้ข้าจะมีเกราะหวนคืน แต่ข้าก็ทำได้เพียงยืนอยู่ต่อหน้าผู้อมตะระดับแปดและป้องกันการโจมตีของพวกเขาเท่านั้น แต่หากพวกเขาโจมตีอย่างไม่รู้จบ แม่น้ำหวนคืนจะแห้งเหือดไปในที่สุด’

‘แม้ข้าจะมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่สติปัญญาของมันก็ไม่เพียงพอและไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะด้วยตัวของมันเอง ยิ่งไปกว่านั้นมีโอกาสที่ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยจะถูกทำลาย’

‘เห้อ…ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่มันยังไม่พอให้ข้าต่อต้านวังสวรรค์’

‘ข้าต้องกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะอย่างรวดเร็ว มีเพียงการก้าวเข้าสู่ระดับแปดจึงจะทำให้ข้าสามารถหายใจได้เล็กน้อย การบ่มเพาะระดับเจ็ดต่ำเกินไป แต่หากข้าก้าวเข้าสู่ระดับแปด ข้อบกพร่องของร่างทารกอมตะจะแสดงออกมามากขึ้น มันยากที่จะแก้ไข’

ฟางหยวนกำลังเผชิญหน้ากับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

‘มันยากสำหรับข้าที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งภายใต้สถานการณ์นี้ ข้าจะพึ่งพาพวกเขาได้หรือไม่?’ สายตาของฟางหยวนกวาดมองไปรอบๆ

อิงอู๋เซี่ย ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน นางเสือดำ เทพธิดาเมี่ยวหยิน และกายาแห่งความฝัน

ราชันภูเขาม่วงทิ้งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลไว้ให้เขา มันบันทึกสถานการณ์ของคนเหล่านี้เอาไว้อย่างละเอียด

ฟางหยวนเรียนรู้มันเมื่อไม่นานมานี้

กายาแห่งความฝันเป็นสินค้าที่มีข้อบกพร่อง ราชันภูเขาม่วงสร้างพวกมันขึ้นมาอย่างเร่งรีบเพื่อช่วยร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้น

กายาแห่งความฝันเหล่านี้มีเศษเสี้ยวดวงวิญญาณของราชันภูเขาม่วงบรรจุอยู่ภายใน

แต่น่าเสียดายที่หลังจากมันหลอมรวมกับกายาแห่งความฝัน มันก็ไม่สามารถแยกออกจากกัน กายาแห่งความฝันเหล่านี้มีเวลาจำกัดและเมื่อถึงขีดจำกัดนั้น พวกมันจะระเบิดตัวเองและกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝันขณะที่ดวงวิญญาณของราชันภูเขาม่วงจะหายไปพร้อมกับพวกมัน

ข้อบกพร่องนี้ไม่สามารถแก้ไขแม้ราชันภูเขาม่วงจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็ตาม

นี่เป็นเหตุผลที่ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณไม่เคยใส่ดวงวิญญาณของเขาเข้าไปในกายาแห่งความฝัน

ดวงวิญญาณของอิงอู๋เซี่ยอยู่ในร่างของกายาแห่งความฝันระดับเจ็ด แต่เขาเป็นข้อยกเว้น

เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นกายาแห่งความฝันที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นข้อบกพร่องดังกล่าวจึงไม่ส่งผลกระทบต่อเขา

ดวงวิญญาณของเขาสามารถอยู่ในร่างกายาแห่งความฝันได้อย่างอิสระโดยไม่มีข้อจำกัด

ดังนั้นแม้จะมีกายาแห่งความฝันจำนวนมาก พวกมันก็ไม่มีค่าที่จะเลี้ยงดู

เดิมทีฟางหยวนต้องการเรียนรู้วิธีการบนเส้นทางแห่งความฝันของนิกายเงาผ่านกายาแห่งความฝัน แต่ตอนนี้เขาได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง ดังนั้นเขาจึงเข้าใจทุกสิ่งโดยไม่จำเป็นต้องทำการวิจัยด้วยตนเองอีกต่อไป

ผู้อมตะที่เหลืออีกห้าคนคือกำลังรบสำคัญของฟางหยวน

‘ปัจจุบันผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือไป่หนิงปิงที่ได้รับมรดกที่แท้จริงไป่เซียง น่าเสียดายที่เราเป็นเพียงพันธมิตร’

‘เทพธิดาเมี่ยวหยินฝึกฝนมรดกที่แท้จริงเสียงต้นกำเนิด นางเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พลังการต่อสู้ของนางเชื่อถือได้’

‘นางเสือดำ…’ เมื่อฟางหยวนคิดถึงหญิงผู้นี้ หมอกสีดำก็เริ่มไหลออกจากร่างของนางและถูกพัดไปตามแรงลม

หมอกสีดำจางหายไปและเผยให้เห็นหญิงสาวที่น่ารักคนเดิม

เทพธิดากระต่ายขาวที่ไร้เดียงสากลับมาแล้ว

“ท่านวูอี้ไห่…ไม่ ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไร?” เทพธิดากระต่ายขาวถามฟางหยวนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมถ่อมตน

ไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง และคนอื่นๆมองนางด้วยความประหลาดใจ

หลังจากฟื้นตัว การบ่มเพาะของเทพธิดากระต่ายขาวลดจากระดับเจ็ดลงสู่ระดับหก สถานการณ์นี้ค่อนข้างเข้าใจได้ยาก

อย่างไรก็ตามฟางหยวนได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง เขาเข้าใจมรดกที่แท้จริงเสือดำของนาง

ผู้อมตะที่ฝึกฝนมรดกนี้จะเก็บสะสมความแข็งแกร่งเอาไว้และสามารถระเบิดพลังออกมาระหว่างการต่อสู้

อย่างไรก็ตามมันยังมีข้อบกพร่อง มันจะทำให้ผู้บ่มเพาะกลายเป็นคนสองบุคลิก ด้านมืดที่น่ากลัวและด้านสว่างที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา

โดยปกติพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในบุคลิกที่อ่อนแอ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตราย บุคลิกของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตามมันยังมีข้อจำกัดเรื่องเวลา

ทั้งสองบุคลิกมีความรู้สึกและความทรงจำเดียวกัน มันเป็นเพียงวิธีคิดที่แตกต่างเท่านั้น

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฟางหยวน

เนื่องจากเทพธิดากระต่ายข่าวชื่นชมในตัววูอี้ไห่ขณะที่นางเสือดำเป็นสมาชิกของนิกายเงา

ไม่ว่าด้านใดทั้งสองบุคลิกก็ยังภักดีต่อฟางหยวน

“อย่ากังวล ข้าเองก็มีปัญหาเช่นกัน ข้าต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงจากเจ้า เรียกข้าว่าฟางหยวน” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอบอุ่นให้เทพธิดากระต่ายขาว

เทพธิดากระต่ายขาวดูเหมือนจะไม่สามารถยอมรับได้อย่างสมบูรณ์ในระยะเวลาสั้นๆ

ฟางหยวนลอบถอนหายใจ ‘นางเสือดำมีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด แต่มันไม่เสถียร ตอนนี้เหลือเพียงไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงเท่านั้น’

‘ไห่ลั่วหลันภักดีที่สุดแต่การบ่มเพาะของนางยังอยู่ระดับหก นางมีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงแต่พรสวรรค์โดยธรรมชาตินี้กลายเป็นสูญเปล่าเมื่อนางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไฟ แต่ด้วยมรดกของนางมารผลาญสวรรค์ พลังการต่อสู้ของนางจึงเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเจ็ดแนวหน้า อย่างไรก็ตามนางยังอ่อนแอที่สุด’

‘สำหรับอิงอู๋เซี่ย…’

ฟางหยวนมองอิงอู๋เซี่ยที่นอนอยู่บนแผ่นหลังอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดด้วยดวงตาเหม่อลอย

เขาดูเหมือนคนสูญเสียความหวังทั้งหมด

ฟางหยวนส่ายศีรษะ

ในความเป็นจริงด้วยท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน มันทำให้อิงอู๋เซี่ยครอบครองอันดับหนึ่งในแง่ของพลังการต่อสู้ กระทั่งฟางหยวนยังต้องกังวล

แต่เขากลายเป็นคนไร้จิตวิญญาณและไม่สามารถพึ่งพา

“อิงอู๋เซี่ยมอบวิญญาณทั้งหมดของเจ้าให้ข้า” ฟางหยวนกล่าว

อิงอู๋เซี่ยไม่พูดและไม่ตอบสนอง

เสียงของฟางหยวนดังขึ้น “อิงอู๋เซี่ย ข้าเป็นผู้นำนิกายเงา เจ้าจะไม่เชื่อฟังข้างั้นหรือ?”

อิงอู๋เซี่ยไม่ขยับราวกับหัวใจของเขาจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและไม่ต้องการรับรู้สิ่งใด

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหว แรงกดดันที่รุนแรงกลับพุ่งลงมาจากด้านบน

คฤหาสน์วิญญาณอมตะ!

“เศษซากของนิกายเงา ตระกูลอี้อยู่ที่นี่ อย่าคิดว่าพวกเจ้าจะสามารถหลบหนี!”

——————

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท