ท่าไม้ตายใหม่ถูกกระตุ้นใช้งานในที่สุด
หัตถ์ภูตวายุ!
มือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นและคว้าจับมังกรวายุเอาไว้ในพริบตา
มังกรวายุกรีดร้องอย่างน่าเวทนาก่อนที่มันจะระเบิดและกลายเป็นสายลมกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง
การแสดงออกของฟงจิวเก้อกลายเป็นเคร่งขรึม
มังกรวายุเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หัตถ์ภูตวายุกลับทรงพลังกว่ามาก!
หากฟงจิวเก้อถูกโจมตีโดยสิ่งนี้ ผลลัพธ์อาจน่าอนาถเกินกว่าผู้ใดจะจินตนาการถึง
หากฟางหยวนไม่เข้าแทรกแซงในช่วงเวลาสำคัญ ฟงจิวเก้อต้องเผชิญหน้ากับมังกรวายุและหัตถ์ภูตวายุในเวลาเดียวกัน นั่นจะเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก
การแสดงออกของวูหยงกลายเป็นไม่น่ามองเช่นกัน
เขาใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการเตรียมท่าไม้ตายนี้และคิดว่ามันจะสามารถเอาชนะฟงจิวเก้อ
แต่การแทรกแซงของฟางหยวนกลับทำลายความหวังของเขา
ในความเป็นจริงวูหยงตั้งใจใช้ท่าไม้ตายหัตถ์ภูตวายุจับตัวฟงจิวเก้อทั้งเป้น
หากเขาบรรลุเป้าหมายนี้ เขาจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล
ประการแรก หากวูหยงสามารถจับตัวตนเช่นฟงจิวเก้อ มันจะเพิ่มชื่อเสียงให้เขาและส่งอิทธิพลอย่างมากต่อฝ่ายธรรมะของภาคใต้
ประการที่สอง การจับเป็นฟงจิวเก้อจะไม่สร้างความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ไขกับวังสวรรค์
หากเขาสามารถเจรจากับวังสวรรค์ เขาอาจได้รับวิญญาณอมตะจากค่ายกลวิญญาณกลับคืน แม้จะเป็นเพียงบางส่วน ศักดิ์ศรีของวูหยงในภาคใต้ก็ยังจะพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
มันจะทำให้ตระกูลวูเกิดเสถียรภาพ
แต่ฟางหยวนกลับขัดขวางแผนการของเขา
‘สองคนนี้…’
‘หากข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด ฟงจิวเก้อจะสามารถต่อต้านหรือกระทั่งตอบโต้’
‘หากข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับแปด แม้ข้าจะสามารถปราบปรามฟงจิวเก้อ แต่ข้าต้องผ่านเกราะหวนคืนของฟางหยวน เมื่อท่าไม้ตายถูกสะท้อนกลับ ข้าจะกลายฝ่ายที่พบกับความสูญเสีย’
เปลือกตาของวูหยงกระตุก
เขากำลังพบปัญหาและรู้สึกกังวลเล็กน้อย
หากเขาเผชิญหน้าเพียงฟางหยวน วูหยงสามารถปฏิบัติกับฟางหยวนเช่นกระสอบทราย หากเขาเผชิญหน้ากับฟงจิวเก้อ เขายังสามารถกำหราบอีกฝ่าย
แต่การเผชิญหน้าสองคนพร้อมกัน…
วูหยงรู้สึกกังวล
‘มีความหวังไม่มากนักที่จะทำลายเกราะหวนคืนในระยะเวลาสั้นๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นท่าไม้ตายนี้และข้าไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา’
‘บางทีวังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรอาจมีมาตรการตอบโต้เกราะหวนคืนแล้ว’
‘แต่วิธีเดียวในเวลานี้คือโจมตีพวกเขาต่อไปจนกว่าพวกเขาจะไม่สามารถรับมือการโจมตีของข้า เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะมีโอกาสฆ่าพวกเขา’
หากไม่มีโอกาสก็ต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ วูหยงก็หายไปจากวิสัยทัศน์ของฟางหยวนและฟงจิวเก้อ
“เขาอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนมองไปที่ฟงจิวเก้อ
วูหยงถอยหนึ่งก้าวเพื่อเดินหน้าต่อ วิธีการตรวจสอบของฟางหยวนไม่ดีนักและไม่สามารถรับรู้ตำแหน่งของวูหยง
ฟงจิวเก้อส่ายศีรษะ “ดูเหมือนเขาจะใช้เขตแดนเพื่อซ่อนตัว”
กระทั่งฟงจิวเก้อยังพบเพียงรายละเอียดที่คลุมเครือเท่านั้น
เมื่อเขากล่าวจบ สนามรบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทันที
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”
สายลมกรรโชกแรงทำให้เกิดเสียงกรีดเฉือนอากาศ
ดาบสายลมก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีศัตรู
“ดี” ฟางหยวนไม่ตกใจแต่มีความสุข
อย่างไรก็ตามดาบสายลมกับพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อ
วูหยงต้องการกำจัดฟงจิวเก้อก่อนจะจัดการฟางหยวน
นี่เป็นตัวเลือกที่ฉลาดมาก
เพราะมีเพียงฟงจิวเก้อเท่านั้นที่สามารถตอบโต้ เมื่อเขาตายหรือถูกจับกุม ฟางหยวนจะไม่สามารถทำสิ่งใด
ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มสดใส “น่าสนใจ ข้ากำลังถูกดูแคลน”
น้ำเสียงของเขาไม่มีความโกรธแต่แฝงไว้ด้วยความยินดีและอยากรู้อยากเห็น
ฟงจิวเก้อส่งหมัดและฝ่ามือออกไปทำลายดาบสายลม
แต่หลังจากถูกทำลาย ดาบสายลมยังสามารถควบรวมเป็นดาบเล่มใหม่
ฟงจิวเก้อไม่กล้าปล่อยให้ดาบสายลมสัมผัสร่างกาย แต่กระทั่งเขาจะสามารถทำลายพวกมัน สถานการณ์ของเขาก็ยังไม่ดีนัก
ฟางหยวนรีบเข้าไปช่วยฟงจิวเก้อ
ดาบสายลมที่ปะทะร่างของฟางหยวนถูกสะท้อนกลับทั้งหมด
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ถูกส่งกลับไปที่วูหยงแต่เป็นสนามรบแห่งนี้
แม้วูหยงจะเป็นผู้ควบคุมแต่เขาใช้เขตแดนเพื่อสร้างดาบสายลม ดังนั้นเขาจึงไม่ถูกโจมตีโดยตรง
วูหยงซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งและรู้สึกเบิกบานใจเมื่อเห็นสิ่งนี้
ฟางหยวนพยายามป้องกันอย่างเงียบๆ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าใด คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นเท่านั้น
สถานการณ์ของฟงจิวเก้อเริ่มดีขึ้นเมื่อได้รับการคุ้มครองจากฟางหยวน เขาคิดก่อนส่งเสียงไปหาฟางหยวน “ปกป้องข้าขณะที่ข้าทำลายเขตแดนนี้”
ฟางหยวนตะลึงก่อนจะเห็นด้วย
ก่อนหน้านี้เขาอนุมานมาแล้วว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำลายเขตแดนของวูหยงด้วยความแข็งแกร่งของเขา อีกด้านหนึ่งเขากำลังคิดวิธีทำลายกรงอากาศและใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเพื่อหลบหนี
ดังนั้นเขาจึงต้องถ่วงเวลาให้นานที่สุด
หากเขาปล่อยให้ฟงจิวเก้อต่อสู้กับวูหยงเพียงลำพัง ในไม่ช้าวูหยงจะสามารถปราบปรามฟงจิวเก้อและสามารถจัดการเขาได้ในที่สุด
ฟงจิวเก้ออาจมีพลังการต่อสู้ระดับแปดแต่เขายังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องเข้ามาช่วย
ฟงจิวเก้อเริ่มใช้ท่าไม้ตายของเขาและปล่อยให้ฟางหยวนป้องกัน
ความไว้วางใจนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้วูหยงจึงเร่งการโจมตี
ดาบสายลมไม่สามารถทำสิ่งใดฟางหยวนกับฟงจิวเก้อ
ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องที่แปลกประหลาดก็เริ่มดังขึ้น
หลายลมหายใจต่อมาประกายสายฟ้าก็แลบลั่นขึ้นรอบๆฟางหยวนและฟงจิวเก้อ
“ระวัง มันคือสายฟ้ามรกต” ฟงจิวเก้อเตือน
ประกายสายฟ้าทำให้ฟางหยวนต้องปิดเปลือกตาลง
เขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อเปลี่ยนดวงตาของเขาให้เป็นดวงตามังกร ด้วยวิธีนี้เขาจึงสามารถต้านทานประกายสายฟ้าเหล่านั้น
ฟางหยวนต้องรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลแต่เปลี่ยนได้เพียงดวงตา
สายฟ้ามรกตฟาดลงมาที่ฟางหยวนก่อนจะสะท้อนกลับไปและสร้างความเสียหายให้กับสนามรบ
สายฟ้ามรกตบางส่วนพุ่งเข้าปะทะร่างของฟงจิวเก้อแต่มันกลับหายไปเมื่อเข้าใกล้เขา
ฟงจิวเก้อกำลังเตรียมท่าไม้ตายอมตะ แต่เขาไม่ได้พึ่งพาฟางหยวนอย่างสมบูรณ์ เขาใช้วิธีป้องกันบางอย่างเพื่อปกป้องตนเอง
ฟางหยวนโล่งใจเมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้
เมื่อเห็นว่าสายฟ้ามรกตไม่มีประโยชน์ วูหยงจึงเปลี่ยนวิธี เขาส่งไข่มุกสีเขียวลงมาราวกับสายฝน
“ระวัง มันคือน้ำค้างหยก” ฟงจิวเก้อเตือนอีกครั้ง
ไข่มุกสีเขียวโปรยปรายลงบนร่างของฟางหยวนแต่สะท้อนกลับออกไปเช่นเดิม
อย่างไรก็ตามฟงจิวเก้อทำได้ไม่ดีนัก
แม้ไข่มุกส่วนใหญ่จะหายไปแต่บางส่วนยังตกลงบนร่างของเขาและสร้างเสียงคมชัด
ร่างของฟงจิวเก้อราวกับเครื่องดนตรีในร่างมนุษย์ มันส่งเสียงอันไพเราะออกมาอย่างต่อเนื่อง
วูหยงหัวเราะเสียงดังและเปิดเผยตัวเองออกมาราวกับเขากำชัยชนะเอาไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว “มันมีการโจมตีที่ซ่อนอยู่ ชื่อของมันคือเสียงอมตะ ฟงจิวเก้อ เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียง เหตุใดเจ้าไม่สามารถประเมินการโจมตีนี้?”
เมื่อเสียงหัวเราะเของวูหยงหยุดลง เสียงสายลมก็เริ่มดังขึ้นในสนามรบ
เสียงลมอันแผ่วเบาดังก้องอยู่ในจิตใจของฟางหยวน เกราะหวนคืนของเขาเริ่มสั่นไหวราวกับระลอกคลื่น
‘ไม่ดีแล้ว เสียงอมตะมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางการโจมตีทั้งสี่รูปแบบ แม้ข้าจะมีเกราะหวนคืนแต่ข้าก็ทำได้เพียงป้องกันตนเองเท่านั้น แล้วข้าจะช่วยฟงจิวเก้อได้อย่างไร?’ หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง
ท่าไม้ตายเขตแดนของวูหยงเรียกว่าสายลมทั้งสี่ มันสามารถใช้การโจมตีสี่รูปแบบ มันถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษของตระกูลวูและส่งผ่านมาจากรุ่นสู่รุ่น
การโจมตีทั้งสี่รูปแบบคือ ดาบสายลม สายฟ้ามรกต น้ำค้างหยก และเสียงอมตะ
มันเป็นไพ่ตายของตระกูลวูที่ทำให้พวกเขาสามารถปกครองภาคใต้มาตลอดช่วงเวลาอันยาวนาน