เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1377

ตอนที่ 1377

กลิ่นอายที่ทรงพลังพุ่งลงมา

ฟางหยวนและสมาชิกนิกายเงามองขึ้นไปด้วยความตื่นตระหนก

“หนึ่งในคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลอี้ ศาลาริมทะเล!” ฟางหยวนอุทานชื่อของมันออกมา

ด้วยข้อมูลที่ได้รับจากตระกูลวู ฟางหยวนสามารถจดจำคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ได้ทันที

ศาลาริมทะเลเป็นอาคารสองชั้นที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆที่อยู่กลางทะเล

มันเหมือนรูปแบบของทะเลตะวันออก

แม้ตระกูลอี้จะเป็นหนึ่งในกองกำลังใหญ่ของภาคใต้แต่ที่ตั้งของพวกเขาอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทะเลตะวันออก

ความสามารถที่โดดเด่นของศาลาริมทะเลคือการเดินทางระยะไกล มันสามารถทะลวงผ่านระยะทางกว่าเจ็ดหมื่นลี้ได้โดยตรง

ค่ายกลวิญญาณของภาคใต้ถูกรุกรานโดยนิกายเงาและวังสวรรค์ ตระกูลอี้ตัดสินใจใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะศาลาริมทะเลออกไล่ล่า

ฟางหยวนวางแผนหลบหนีไปยังรอยแยกใต้พิภพปล้นเงาของภาคใต้

แต่หลังจากเรียนรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตระกูลอี้ค้นพบร่องรอยของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและออกไล่ล่า

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดรวดเร็วมากแต่ศาลาริมทะเลสามารถทะลวงผ่านห้วงมิติเพื่อข้ามระยะทางนับหมื่นลี้

หลังจากเดินทางข้ามห้วงมิติหลายครั้ง ศาลาริมทะเลก็มาถึงที่นี่ในที่สุด

แม้ฟางหยวนและคนอื่นๆจะตกใจ แต่พวกเขาก็สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว

“ไป!” ฟางหยวนควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเพื่อโจมตีศาลาริมทะเล

ในเวลาเดียวกันฟางหยวนและคนอื่นๆก็กระโดดออกจากแผ่นหลังของมัน

ฟางหยวนคว้าร่างของอิงอู๋เซี่ยที่เหมือนศพมีชีวิตออกมาพร้อมกัน

“บึม!”

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดสะบัดปีกส่งลมกรรโชกแรงพุ่งเข้าโจมตีศาลาริมทะเล

ศาลาริมทะเลถูกผลักออกไปในระยะไกลแต่มันไม่ได้รับความเสียหาย

แสงสีฟ้าอ่อนแผ่พุ่งออกมาจากศาลาริมทะเลและอาบย้อมโลกให้เป็นสีฟ้า

จากนั้นช้างตัวโตแต่ยังเล็กกว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ปรากฏตัวขึ้น มีอาคารเจ็ดชั้นอยู่บนแผ่นหลังของมัน

“นี่คือสัตว์อสูรของทะเลตะวันออก ช้างน้ำเจ็ดชั้น มีอาคารเจ็ดชั้นอยู่บนแผ่นหลังของมัน นี่หมายความว่ามันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล” ฟางหยวนจดจำสัตว์อสูรชนิดนี้ได้

เขาคุ้นเคยกับช้างน้ำเพราะเขาเคยเห็นมันในงานประชุมการค้าของทะเลตะวันออก

อย่างไรก็ตามช้างน้ำที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แท้จริง มันเป็นภาพมายาที่เกิดจากพลังอำนาจของศาลาริมทะเล

สำหรับความแข็งแกร่งของมันยังเป็นเรื่องที่ต้องทดสอบ

ฟางหยวนออกคำสั่งอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอีกครั้ง “ฆ่าช้างน้ำตัวนี้!”

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกรีดร้องและปฏิบัติตามคำสั่งของฟางหยวน

มันส่งกรงเล็บพุ่งเข้าโจมตีศัตรูโดยตรงขณะที่ช้างน้ำเจ็ดชั้นแตกสลายไปทันที

“ความแข็งแกร่งนี้!”

“มันเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดจริงๆ!”

ผู้อมตะตระกูลอี้ที่อยู่ในศาลาริมทะเลอุทานด้วยความตกใจ

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดได้รับคริสตัลสวรรค์อย่างเพียงพอ นั่นทำให้มันสามารถปลดปล่อยพลังการต่อสู้ระดับแปดที่แท้จริงออกมา

ไห่ลั่วหลัน เทพธิดาเมี่ยวหยิน และคนอื่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก

‘ช้างน้ำตัวนี้อ่อนแอกว่าสัตว์อสูรบรรพกาลทั่วไป’

‘แม้จะเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่แท้จริง มันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด’

แต่ฟางหยวนยังหนักใจ

‘ศาลาริมทะเลสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น ตราบเท่าที่แสงสีฟ้ายังอยู่ การสูญเสียของศาลาริมทะเลก็ยังน้อยมาก’

ในเวลาต่อมาช้างน้ำระดับสัตว์อสูรบรรพกาลห้าตัวก็ปรากฏขึ้น

ฟางหยวนคิด ‘จากการวิเคราะห์ของตระกูลวู นอกจากวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารีและการเปลี่ยนแปลง มันยังใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งแสง มันเป็นเรื่องยากที่จะทำลายในระยะเวลาสั้นๆ ข้าไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่’

เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหวนตัดสินใจควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดพุ่งเข้าโจมตีศาลาริมทะเลโดยเพิกเฉยต่อช้างน้ำเจ็ดชั้นทั้งห้าอย่างสิ้นเชิง

ในเวลาเดียวกันเขาก็ออกคำสั่งสมาชิกนิกายเงา “เราจะช่วยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดทำลายช้างน้ำเหล่านี้”

ไห่ลั่วหลันเป็นคนแรกที่ตอบสนอง

นางใช้ฝ่ามือแทงไปที่ช้างน้ำเจ็ดชั้นอย่างแผ่วเบา

“ฮูม…”

เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นบนฝ่ามือของนางและพุ่งเข้าโจมตีช้างน้ำเจ็ดชั้นตัวหนึ่งด้วยความเร็วสูง

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะอย่างไม่ต้องสงสัย

ช้างน้ำเจ็ดชั้นถูกเผาทำลายในครั้งเดียว

เทพธิดาเมี่ยวหยินเป็นคนที่สองที่ลงมือ

แขนหกข้างปรากฏขึ้นราวกับดอกบัวอยู่บนแผ่นหลังของนาง

นิ้วมือทั้งหมดของนางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทุกการเคลื่อนไหวของนางปลดปล่อยแสงดาบที่ส่องประกายระยิบระยับออกมา

คลื่นเสียงที่ราวกับบทเพลงอันไพเราะพุ่งเข้าโจมตีช้างน้ำเจ็ดชั้นสามตัวและสร้างบาดแผลขึ้นบนร่างกายของพวกมัน แม้พวกมันจะพยายามหลบหนี แต่คลื่นเสียงยังสามารถติดตามพวกมันไปในทุกที่

ในไม่ช้าช้างน้ำเจ็ดชั้นสามตัวก็ถูกสังหารและกลายเป็นแสงสีฟ้าบินกลับไปยังศาลาริมทะเล

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเห็นท่าไม้ตายอมตะสองท่านี้

‘ไห่ลั่วหลันใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไฟ ลำแสงเพลิงแดง’

‘เทพธิดาเมี่ยวหยินใช้ไพ่ตายของนาง บทเพลงเทวะ’

ท่าไม้ตายอมตะทั้งสองมีต้นกำเนิดมาจากราชันภูเขาม่วง ดังนั้นฟางหยวนจึงเข้าใจมันอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับไป่หนิงปิง

ช้างน้ำเจ็ดชั้นอีกตัวถูกจัดการไปแล้วโดยไป่หนิงปิง

นางไม่ขยับเขยื้อนแต่นางใช้ท่าไม้ตายอมตะของนางออกไปแล้ว

ช้างน้ำเจ็ดชั้นตัวนี้ถูกแช่แข็งอย่างเงียบๆก่อนจะกลายเป็นแสงสีฟ้าและบินเข้าไปยังศาลาริมทะเล

ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็นเมื่อเห็นสิ่งนี้

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไตร่ตรองและเข้าใจผู้อมตะเหล่านี้มากขึ้น

‘ไห่ลั่วหลันถูกผูกมัดโดยข้อตกลงพันธมิตรและไม่มีทางเลือกนอกจากต้องติดตามข้า ดังนั้นนางจึงตอบสนองโดยไม่ลังเล’

‘เทพธิดาเมี่ยวหยินไม่ลังเลที่จะใช้ไพ่ตายของนางจัดการช้างน้ำเจ็ดชั้นสามตัวราวกับนางต้องการพิสูจน์ความภักดีต่อข้า’

‘สำหรับไป่หนิงปิง นางได้รับมรดกที่แท้จริงไป่เซียงและเป็นเพียงพันธมิตรกับนิกายเงา ท่าไม้ตายอมตะที่นางใช้เกี่ยวกับดวงตา นางพยายามแช่แข็งช้างน้ำเจ็ดชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มันกลับไปเป็นแสงสีฟ้า แต่น่าเสียดายที่มันไร้ประโยชน์’

ความคิดมากมายพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนขณะที่เขาโยนอิงอู๋เซี่ยไปด้านหลัง

ด้านหลังเขาคือเทพธิดากระต่ายข่าว

ตอนนี้นางยังอยู่ในร่างผู้อมตะระดับหกและตกอยู่ในความหวาดกลัว

“พาเขาหลบไปด้านหลัง” ฟางหยวนออกคำสั่งเทพธิดากระต่ายขาวโดยไม่หันหลังกลับ

เทพธิดากระต่ายขาวตอบสนองอย่างรวดเร็วและล่าถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง

ฟางหยวนบินไปข้างหน้าขณะที่ร่างของเขาปล่อยแสงสีเงินออกมา

พลังงานอมตะถูกมอบให้กับวิญญาณอมตะ

วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ระดับหก

วิญญาณอมตะเกล็ดมังกรระดับหก

วิญญาณอมตะลมหายใจมังกรระดับเจ็ด

วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของมังกรระดับเจ็ด

ในเวลาเดียวกันวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากก็ถูกกระตุ้นำช้งานเช่นกัน

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล!

ฟางหยวนหายตัวไปขณะที่มังกรดาบบรรพกาลสีเงินที่น่าเกรงขามปรากฏตัวขึ้น

มังกรดาบบรรพกาลคำรามเบาๆ มันถือกายาแห่งความฝันสองร่างไว้ในกรงเล็บและสะบัดหาง

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!

มังกรดาบบรรพกาลฟางหยวนหายตัวไป ณ จุดเกิดเหตุ

ในเสี้ยวพริบตาต่อมาเขาก็อยู่ด้านบนศาลาริมทะเลแล้ว

โดยปราศจากความลังเล ฟางหยวนสะบัดกายาแห่งความฝันทั้งสองลงไปราวกับกระสุนปืน

ภายใต้การจ้องมองด้วยความประหลาดใจของเทพธิดากระต่ายขาวและคนอื่นๆ กายาแห่งความฝันทั้งสองระเบิดตัวเองและกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝันปกคลุมศาลาริมทะเลเอาไว้ทันที

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเคลื่อนที่ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว

กลุ่มผู้อมตะในศาลาริมทะเลตกสู่ความโกลาหล

“โอ้ ไม่ นี่คือ…อาณาจักรแห่งความฝัน!”

“ไม่ดีแล้ว ศาลาริมทะเลไม่สามารถต่อต้านอาณาจักรแห่งความฝัน คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งหมดกำลังพังทลาย!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท