เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1398

ตอนที่ 1398

ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง รังสีความร้อนพุ่งลงมายังทะเลทรายที่กว้างใหญ่ราวกับลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วน

มีรูปปั้นทรายจำนวนมากอยู่ที่นี่ มันมีทั้งรูปปั้นมนุษย์และสัตว์อสูร บางรูปปั้นกำลังต่อสู้ บางรูปปั้นนอนราบอยู่บนพื้น

มีทั้งรูปปั้นขนาดใหญ่และรูปปั้นขนาดเล็ก แต่รูปปั้นขนาดเล็กที่สุดยังสูงถึงสามเมตร

พวกมันทำให้ทะเลทรายแห่งนี้ดูเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่

มันคือทะเลทรายหมื่นรูปปั้น

ทะเลทรายแห่งนี้มีรูปปั้นทรายจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้คนของทะเลทรายตะวันตกรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

มันมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับล้านปี ทะเลทรายแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในเหตุการณ์สำคัญ

ในยุคของเทพปีศาจคลั่ง เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์มนุษย์กลายพันธุ์ หลังจากหนึ่งร้อยวันและคืน แม่น้ำโลหิตไหลรินจนกลายเป็นทะเลสาบ

ในยุคนั้นผู้คนบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นหลัก

แม้มนุษย์จะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธุ์ก็มีผู้เสียชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของพวกเขาเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและทำให้เกิดทะเลทรายหมื่นรูปปั้นขึ้นในที่สุด

มันกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของการบ่มเพาะเนื่องจากมันเต็มไปด้วยทรัพยากร

รูปปั้นทรายทุกชิ้นเป็นทรัพยากรอมตะที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

ไม่เหลือแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่อีกต่อไป หลังจากผ่านไปหนึ่งล้านปี แดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นถูกทำลายหรือถูกยึดครองไปหมดแล้ว

แต่ที่นี่มีวิญญาณป่าจำนวนนับไม่ถ้วน มันมีกระทั่งวิญญาณอมตะป่า

อย่างไรก็ตามที่นี่อันตรายมาก ไม่มีผู้ใดกล้ามาที่นี่โดยประมาท

สำหรับผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตก พวกเขามักจะเดินทางอ้อมสถานที่แห่งนี้

หนึ่งในเหตุผลสำคัญก็คือบรรพชนหมื่นเปลี่ยนแปลง!

ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงอาศัยอยู่ที่นี่มานานนับพันปีแล้ว

พลังการต่อสู้ระดับแปดทำให้ผู้คนไม่กล้าเป็นศัตรูกับเขา

ทะเลทรายหมื่นรูปปั้นเป็นอาณาเขตของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ผู้อมตะที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องเผชิญหน้ากับความโกรธของผู้อมตะระดับแปด นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวเกินไป

ลึกลงไปใต้ทะเลทรายหมื่นรูปปั้น

วังขนาดใหญ่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่

เสียงแห่งความเจ็บปวดทุกข์ทรมานดังขึ้น

“อ๊าก…”

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเงยหน้ากรีดร้อง ดูเหมือนเขาจะเจ็บปวดมากและแสดงออกด้วยท่าทางที่น่ากลัว

ทุกครั้งที่เขากรีดร้อง คลื่นเสียงของเขาจะแผ่พุ่งออกมา

แต่กำแพงวังแห่งนี้มีม่านแสงที่ช่วยดูดซับคลื่นเสียงทั้งหมด

ดังนั้นความปั่นป่วนที่เกิดจากบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงไม่หลุดออกไปยังโลกภายนอก

เจ็บปวด!

ทุกข์ทรมมาน!

ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสกำลังทำร้ายร่างกายและจิตใจของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาแตกขณะที่เขากลิ้งไปมาอยู่บนพื้นอย่างน่าสังเวช

หากผู้อมตะคนอื่นเห็นสิ่งนี้ พวกเขาจะตกใจมาก สิ่งใดที่ทำให้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงพบกับความทุกข์ทรมานและสูญเสียความสง่างามได้ถึงเพียงนี้?

โซ่เหล็กมากกว่าสิบเส้นมัดร่างของเขาผูกกับกำแพงรอบๆอย่างแน่นหนา

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงถูกคุมขังงั้นหรือ!?

“ไม่ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ข้าจะเป็นบ้าตาย ความเจ็บปวดครอบงำความมีเหตุผลของข้าและกำลังทำให้ข้าเป็นบ้า! หมื่นภัยพิบัติระดับแปดน่ากลัวเกินไป”

ความดื้อรั้นปรากฏขึ้นในดวงตาของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

ด้วยการใช้สติสัมปชัญญะครั้งสุดท้าย บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงตัดสินใจ

ท่าไม้ตายอมตะตัดเนื้อ!

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ ในช่วงเวลาสำคัญแม้เขาจะเจ็บปวดแต่ท่าไม้ตายนี้ยังไม่ล้มเหลว

กลิ่นอายระดับแปดปะทุขึ้น

ร่างของบรรพชนพันเปลี่ยแปลงขยายใหญ่ขึ้นจนดูเหมือนลูกชิ้นเนื้อก้อนใหญ่

ก้อนเนื้องอกปรากฏขึ้นด้านข้างลำคอของเขา

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาบวมขึ้นกระทั่งดวงตาก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้อีกต่อไป

ไม่นานหลังจากนั้นก้อนเนื้องอกที่ลำคอของเขาก็ระเบิดออก

เลือดและหนองสาดกระเซ็นไปทั่วขณะที่อสูรปีตัวหนึ่งกระโดดลงมาบนพื้น

“โฮ่ง โฮ่ง”

มันเริ่มเห่า

อสูรปีจอที่ปลดปล่อยกลิ่นอายไม่ธรรมดาปรากฏขึ้น

มันเป็นอสูรปีระดับสัตว์อสูรเดียวดายร่างสุนัข

เห็นอสูรปีจอที่อยู่บนพื้น บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ราวกับเขาสามารถวางภูเขาที่แบกอยู่ลง

ต่อมาร่างของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก็เกิดเนื้องอกก้อนใหม่ขึ้นอีกครั้ง

ไม่นานมันก็ระเบิดออกพร้อมกับอสูรปีที่ปรากฏตัวขึ้น

อสูรปีหลายชนิดปรากฏตัวออกมา นอกจากอสูรปีระดับสัตว์อสูรเดียวดายยังมีอสูรปีระดับสัตว์อสูรบรรพกาล

หลังจากไม่นานอสูรปีเหล่านี้ก็รวมกลุ่มและเริ่มโจมตีบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่แปลกใจ ตรงข้ามใบหน้าของเขากลับดูผ่อนคลายลง

ความเจ็บปวดของเขาลดลงอย่างมาก แม้มันจะยังอยู่แต่ตอนนี้มันอยู่ในระดับที่สามารถรับได้

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงคำรามขณะเผชิญหน้ากับฝูงอสูรปี

โซ่จำนวนมากพุ่งออกจากกำแพงราวกับสายฟ้า

ในเสี้ยวพริบตาอสูรปีทั้งหมดก็ถูกกำหราบ

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงพ่นลมหายใจออกมา “ในที่สุดข้าก็สามารถหายใจ”

เขาคว้าอสูรปีมะเส็งร่างอสรพิษเข้ามาและสังเกตมัน

อสูรปีมะเส็งยังส่งเสียงขู่และแลบลิ้นออกมา มันต้องการกัดบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแต่ถูกยับยั้งและไม่สามารถขยับเขยื้อน

ครู่ต่อมาบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงแสดงออกด้วยความตกใจ

“แม้ข้าจะใช้วิธีทั้งหมดไปแล้วแต่อสูรปีตัวนี้ยังแสดงความเกลียดชังต่อข้า มันต้องการให้ข้าตาย”

“ท่าไม้ตายอมตะตัดเนื้อของข้ามาจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง เมื่อข้าใช้มัน รูปแบบชีวิตจะถูกสร้างขึ้นจากร่างกายของข้า ข้าสามารถใช้งานพวกมันเหมือนแขนขาเพราะพวกมันเกิดจากร่างกายส่วนหนึ่งของข้า”

“แต่อสูรปีเหล่านี้ไม่อยู่ในการควบคุมของข้า แม้ข้าจะใช้วิธีการทั้งหมดไปแล้ว มันก็ยังไร้ประโยชน์”

“หมื่นภัยพิบัติช่างน่ากลัวจริงๆ”

หน้าผากของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเต็มไปด้วยเหงื่อ

เขานึกถึงหมื่นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเมื่อครึ่งเดือนก่อนและยังรู้สึกหวาดกลัว

ผู้อมตะระดับแปดต้องผ่านหมื่นภัยพิบัติสามครั้ง

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงพึ่งผ่านครั้งแรก

“หากไม่ใช่เพราะคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพปีศาจคลั่ง ข้าคงไม่รอดชีวิตจากหมื่นภัยพิบัติครั้งแรก แม้ตอนนี้ข้าจะผ่านมันมาแล้วแต่ข้ายังได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายตัดเนื้อเพื่อลดความสูญเสีย”

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงต้องการหาวิธีอื่น แต่หลังจากครึ่งเดือน เขาก็ถึงขีดจำกัดและไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป

เขาต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะตัดเนื้อเพื่อกำจัดบางส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บอย่างไม่มีทางเลือก

ครั้งนี้เขาพบกับหมื่นภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งกาลเวลา บาดแผลบนร่างของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงต้องกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทั้งหมดโดยวิธีตัดเนื้อ

เนื้องอกเหล่านั้นกลายเป็นอสูรปีที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ดังนั้นพวกมันจึงไม่อยู่ในการควบคุมของเขาและกระทั่งกลายเป็นศัตรู

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงรู้สึกถึงการสูญเสียครั้งใหญ่

ค่าใช้จ่ายของมันมากเกินไป

ไม่เพียงมิติช่องว่างของเขาจะได้รับความเสียหาย การตัดเนื้อออกไปไม่ต่างจากการสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า นอกจากเขาจะสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เขายังสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย

การสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเป็นเรื่องใหญ่

หลังจากก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติ นอกจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเขาจะไม่เพิ่มขึ้น เขายังขาดทุนเล็กน้อย

“แต่มันยังดีกว่าไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ”

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงรู้สึกขมขื่น

เขาถอนหายใจยาว

มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

ในอดีตเขาบ่มเพาะและมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว กระทั่งไม่นานมานี้ที่เขาแทบไม่สามารถต่อต้านภัยพิบัติได้อีกต่อไป

รากฐานของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่เติบโตและยังอ่อนแอลงง

“ข้าประมาทเกินไป”

“หนึ่งพันปีก่อน ด้วยการพึ่งพามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง ข้าคิดว่าตนเองสามารถเติบโตได้อย่างไร้อุปสรรค”

“ภัยพิบัติพิภพ ภัยพิบัติสวรรค์ ภัยพิบัติใหญ่ ข้าผ่านพวกมันทั้งหมดมาได้อย่างง่ายดาย แต่หมื่นภัยพิบัติกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง!”

“ข้าประเมินพลังอำนาจของมันต่ำเกินไป หลายปีที่ผ่านมา ข้าหยิ่งจองหองมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว อาการบาดเจ็บในครั้งนี้เป็นทั้งพรและหายนะสำหรับข้า”

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาเป็นคนที่น่าทึ่งโดยธรรมชาติ

เขาทบทวนประสบการณ์ของตนและไตร่ตรองหลังจากการสูญเสียครังใหญ่

อย่างไรก็ตามในเวลานี้เสียงของผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งพลันดังมาจากนอกวัง “สามี มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับป้ายวิญญาณของน้องซุ้ยป๋อ โคมไฟวิญญญาณของนางริบหรี่ลง นางไปที่ทะเลทรายแปรผัน แต่พวกเราไม่สามารถติดต่อนางได้ในเวลานี้ นี่เป็นเรื่องสำคัญ ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมาแจ้งท่านให้ทราบ!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท