เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1388

ตอนที่ 1388

ผู้อมตะวัยกลางคนปรากฏตัวต่อหน้าฟางหยวนและวูหยง

คนผู้นี้อยู่ในชุดสีแดงขาว เขายืนตัวตรงราวกับหอกหรือดาบ คิ้วของเขาแหลมคม ดวงตาส่องประกาย ใบหน้ามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนแต่ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา

เขาเป็นผู้อมตะภาคกลางที่มีชื่อเสียงกระจายไปทั่วทั้งห้าภูมิภาค เขาเป็นเสาหลักของนิกายคฤหาสน์วิญญาณและเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด

เขาก็คือฟงจิวเก้อ!

แล้วเขามาที่นี่เพราะเหตุใด?”

วูหยงและฟางหยวนประหลาดใจและประหลาดใจ

แม้วูหยงจะไม่เคยพบฟงจิวเก้อ แต่เขายังสามารถจดจำคนผู้นี้ได้ทันที

หลังจากทั้งหมดผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดแทบไม่เคยปรากฏขึ้นตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา

หากไม่มีหลิวกวนซื่อ ฟงจิวเก้ออาจยังเป็นคนเพียงผู้เดียวที่ประสบความสำเร็จในแง่นี้

วูหยงสงบจิตใจลงและเย้ยหยัน “ผู้อมตะภาคกลางกล้าปรากฏตัวต่อหน้าข้างั้นหรือ? ดี ดี”

ในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน วังสวรรค์ฉกชิงผลประโยชน์จากจากฝ่ายธรรมะของภาคใต้

ตอนนี้ฟงจิวเก้อยังเข้ามาวุ่นวาย มันจึงกระตุ้นความเกลียดชังของวูหยง

ฟางหยวนมองไปที่ฟงจิวเก้อ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบฟงจิวเก้อ

ในชีวิตแรกของฟางหยวน การปรากฏตัวของฟงจิวเก้อได้ทิ้งความประทับใจไว้ในหัวใจของฟางหยวนแล้ว เขาเปล่งประกายมากในสงครามห้าภูมิภาค น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ความตายของเขาทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ภาคกลางสั่นสะเทือนขณะที่อีกสี่ภูมิภาครู้สึกมีความสุข

กระทั่งหลังจากกำเนิดใหม่ ฟางหยวนก็ยังเคยพบฟงจิวเก้อ

ในด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ฟางหยวนช่วยชีวิตฟงจิวเก้อเอาไว้โดยไม่คาดคิด

แม้ฟางหยวนจะไม่ได้ตั้งใจแต่ฟงจิวเก้อก็รอดชีวิตมาได้เพราะฟางหยวน

ฟางหยวนมองฟงจิวเก้อและตะโกนเสียงดัง “ฟงจิวเก้อ เจ้าเป็นคนที่วังสวรรค์ส่งมากำจัดข้างั้นหรือ?”

ฟงจิวเก้อชำเลืองมองวูหยงก่อนจะหันหน้าไปทางฟางหยวน

เมื่อเห็นฟางหยวนอีกครั้ง ฟงจิวเก้อลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

ความก้าวหน้าของฟางหยวนรวดเร็วเกินไป

ครั้งแรกที่ฟงจิวเก้อรู้จักฟางหยวน ฟางหยวนตัดหน้าฟงจินฮวงและฉกชิงแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไปจากนาง

เพราะบุตรสาวของเขา ฟงจิวเก้อจึงรู้สึกชื่อฟางหยวน

แต่เขาไม่เคยกังวลแม้แต่น้อย

เหตุผล?

เพราะเวลานั้นฟางหยวนเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ความแตกต่างระหว่างผู้อมตะกับมนุษย์ไม่ต่างจากสวรรค์กับพื้นพิภพ พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

อย่างไรก็ตามพัฒนาการของฟางหยวนเหนือความคาดหมายของฟงจิวเก้อไปไกลมาก

ฟางหยวนมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเป็นปีศาจต่างโลก เขาเป็นเจ้าของวิญญาณกาลเวลา เป็นผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดและอื่นๆ เขาก้าวจากขอบเขตมนุษย์สู่ขอบเขตอมตะอย่างรวดเร็วก่อนจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญท่ามกลางผู้มอตะทั้งหมด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป

ผู้อมตะส่วนใหญ่จะไม่มีความสำเร็จดังกล่าวแม้จะพยายามอย่างเต็มที่ตลอดชีวิตก็ตาม

แต่ฟางหยวนทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

‘ข้าไม่ได้คาดหวังว่าหลิวกวนซื่อจะเป็นฟางหยวน ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง วีรบุรุษและผู้เชี่ยวชาญมากมายกำลังจะปรากฏตัวขึ้นและตอนนี้ดูเหมือนฟางหยวนจะเป็นหนึ่งในนั้น’ ฟงจิวเก้อคิด

ในเวลาเดียวกันเขาก็เปิดปากกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารีบร้อนเดินทางมาจากภาคกลางเพื่อไล่ล่าวิญญาณอมตะบางดวงที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์เคยใช้ แต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะมาพบกับเหตุการณ์นี้”

‘เขากำลังจะบอกว่าเขาไม่ได้ถูกส่งตัวมาโดยวังสวรรค์งั้นหรือ?’ ฟางหยวนขมวดคิ้ว

พิจารณาจากตัวตนของฟงจิวเก้อ เขาไม่จำเป็นต้องโกหก

อย่างไรก็ตามวูหยงไม่เชื่อ “ผู้ใดจะคิดว่าฟงจิวเก้อจะมีด้านที่แสแสร้งเช่นกัน เมื่อข้ากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายเขตแดน เจ้าสามารถจากไปได้อย่างง่ายดายหากเจ้าไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้”

ฟงจิวเก้อพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าตั้งใจเข้ามา มันเป็นเพราะข้าติดหนี้ชีวิตต่อฟางหยวน ดังนั้นครั้งนี้ข้าจึงต้องช่วยเขา”

“กระไรนะ!?” วูหยงรู้สึกประหลาดใจ

ฟางหยวนมึนงงเล็กน้อย

วูหยงถามกลับด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? เจ้าติดหนี้ชีวิตเขา เจ้าจึงต้องการช่วยเขางั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า”

วูหยงหัวเราะเสียงดัง

ฟงจิวเก้อเป็นผู้อมตะภาคกลางที่ยิ่งใหญ่และจะกลายเป็นสมาชิกวังสวรรค์ในอนาคต

แต่เขากลับมาช่วยฟางหยวน?

ฟางหยวนคือผู้ใด? ปีศาจต่างโลก เป้าหมายอันดับต้นๆของวังสวรรค์

แต่ฟงจิวเก้อยังต้องการช่วยเขา?

นี่เป็นเรื่องที่น่าขันอย่างแท้จริง

วูหยงหัวเราะ แต่ฟงจิวเก้อก็เผยรอยยิ้มเช่นกัน

เสียงหัวเราะของวูหยงหยุดลงในที่สุด

เขารู้ว่าฟงจิวเก้อจริงจัง

เขาเป็นคนบ้า!

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะต้องการช่วยผู้อมตะฝ่ายปีศาจ!

ฟงจิวเก้อไม่เพียงเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ แต่เขายังเป็นตัวตนที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

ขณะเดียวกันฟางหยวนก็ไม่ใช่ปีศาจธรรมดา เขาเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เขาเป็นเจ้าของวิญญาณกาลเวลา เกราะหวนคืน มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู เขาทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เขาขัดขวางแผนการท้าทายสวรรค์ของเทพปีศาจจิตวิญญาณ และเมื่อไม่นานมานี้เขายังแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวู สุดท้ายยังกลายเป็นผู้นำนิกายเงา

ฟงจิวเก้อต้องการช่วยคนเช่นฟางหยวนจริงๆงั้นหรือ?

วูหยงเป็นผู้อมตะระดับแปดฝ่ายธรรมะ แต่ฟงจิวเก้อยังต้องการเผชิญหน้ากับเขาเพื่อช่วยฟางหยวน!

‘ไม่ ฟงจิวเก้อแตกต่างจากข้า เขาไม่ได้เป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะตั้งแต่แรก ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นปีศาจอมตะ!’ วูหยงคิด

‘ปีศาจที่ไร้เหตุผล!’ วูหยงรู้สึกโกรธ

ฟางหยวนคิดถึงอดีตของฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษและไร้ชื่อเสียง

เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงและมุ่งมั่นกับมันมาตลอดชีวิต

ครั้งหนึ่งเขาเคยร้องเพลงประสานเสียงกับผู้อมตะอีกสองคนอยู่ในหุบเขา

พวกเขาร้องเพลงตั้งแต่เวลากลางคืนจนถึงเช้า ทั้งสามหัวเราะและพูดคุยด้วยความปิติยินดี

หลังจากหลายปีฟงจิวเก้อได้เรียนรู้ว่าผู้อมตะทั้งสองเป็นปีศาจอมตะที่ฉกชิงวิญญาณอมตะมาจากเจดีย์สวรรค์สีดำและกำลังถูกไล่ล่าโดยนิกายโบราณทั้งสิบ

ฟงจิวเก้อรีบไปช่วยพวกเขา

ผู้อมตะทั้งสองประหลาดใจที่เห็นฟงจิวเก้อและเปิดปากถาม

ฟงจิวเก้อตอบว่า “เมื่อสองสามปีก่อน เราร้องเพลงด้วยกัน ข้าร้องเพลงเกี่ยวกับดวงจันทร์ขณะที่พวกท่านร้องเพลงเกี่ยวกับภูเขาสีเขียวและทะเลสาบสีขาว คนที่สามารถร้องเพลิงเช่นนี้จะเป็นคนใจแคบและปล้นชิงวิญญาณอมตะของผู้อื่นได้อย่างไร ข้าเชื่อใจพวกท่านทั้งสอง”

ผู้อมตะทั้งสองซาบซึ้งจนน้ำตาไหล

หนึ่งในนั้นกล่าว “ท่าน…เข้าใจเรา เราได้รับมรดกที่แท้จริงเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด แต่เราถูกกล่าวหาโดยนิกายเจดีย์สวรรค์สีดำ เจดีย์สวรรค์สีดำเป็นหนึ่งในสิบนิกายโบราณ ไม่ว่าเราจะอธิบายอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดเชือ”

อีกคนกล่าวกับฟงจิวเก้อ “เราเคยร้องเพลงด้วยกันเพียงครั้งเดียว เราเป็นคนแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง เราสองคนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายและไม่มีความหวังเหลืออยู่ มันยังไม่สายที่ท่านจะจากไป”

อย่างไรก็ตามฟงจิวเก้อกลับส่ายศีรษะและยืนยันที่จะช่วยพวกเขา

ผู้อมตะทั้งสองกล่าวด้วยความกังวล “หากท่านไม่จากไป ท่านจะถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจเช่นเดียวกับพวกเรา”

ฟงจิวเก้อหัวเราะ “ไม่มีธรรมะหรือปีศาจ มีเพียงฟงจิวเก้อบนโลกใบนี้ จะอยู่หรือไป ข้าจะเป็นผู้กำหนดชีวิตและความตายของตนเอง”

ผู้อมตะทั้งสองหลั่งน้ำตาด้วยความชื่นชมและยินดี

ฟงจิวเก้อเอาชนะนิกายเจดีย์สวรรค์สีดำครั้งแล้วครั้งเล่า

เมื่ออีกเก้านิกายตระหนักถึงเรื่องนี้ พวกเขาเร่งส่งกำลังเสริมออกมา

ฟงจิวเก้อประกาศท้าทายผู้อมตะทั้งหมด แต่ผู้อมตะจากสิบนิกายโบราณกลับพ่ายแพ้อย่างยับเยิน

สิบนิกายโบราณพบกับความพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช เรื่องนี้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ในที่สุดนิกายคฤหาสน์วิญญาณก็เคลื่อนไหว เทพธิดาไป่ชิงซึ่งเป็นผู้นำนิกายในเวลานั้นใช้ความรักเปลี่ยนแปลงฟงจิวเก้อและนำเขาเข้าสู่นิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ย้อนกลับไปเพราะฟงจิวเก้อช่วยผู้อมตะแปลกหน้าสองคนที่ร่วมร้องเพลงกับเขาเพียงครั้งเดียว ดังนั้นเขาจึงถูกตราหน้าว่าเป็นปีศาจ

มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากตอนนี้ฟงจิวเก้อจะช่วยปีศาจฟางหยวน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฟางหยวนเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้

ฟงจิวเก้อยังเป็นคนเดิมไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน

ฟางหยวนตระหนักถึงความหมายที่อยู่เบื้องหลังการถอนหายใจของฟงจิวเก้อได้ในที่สุด

ฟงจิวเก้อต้องการช่วยฟางหยวนแต่เขายังต้องคิดถึงภรรยาและบุตรสาวตลอดถึงสถานะของตนเอง ดังนั้นเขาจึงต้องกระทำการอย่างลับๆ

แต่น่าเสียดายที่วูหยงตระหนักถึงการคงอยู่ของเขา

ฟงจิวเก้อไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปรากฏตัวออกมา

เช่นเดียวกับในอดีต

ไม่มีธรรมะหรือปีศาจ มีเพียงฟงจิวเก้อบนโลกใบนี้

จะอยู่หรือไป ข้าจะเป็นผู้กำหนดชีวิตและความตายของตนเอง

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายปีศาจ ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดข้า

เพราะข้าคือฟงจิวเก้อ

และจะเป็นฟงจิวเก้อตลอดไป!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท