เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1396

ตอนที่ 1396

“หึ พวกตัวตลก” ไป่หนิงปิงเย้ยหยัน

ไห่ลั่วหลันเงียบ

เทพไก่ฟ้า เทพธิดาอูฐ และตงลี่เฟิงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เปรียบเทียบกับภาคใต้ พวกเขายังไม่สามารถแข่งขันกับเฒ่าพฤกษาปาเต๋อและวูอี้ป๋อของตระกูลวู แต่พวกเขาสามารถต่อสู้กับวูอี้เหริน

อย่างไรก็ตามเปรียบเทียบกับฟางหยวนที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด พวกเขายังอ่อนแอเกินไป

‘โดยไม่รู้ตัว เขาเติบโตขึ้นถึงระดับนี้แล้ว ความเร็วในการเติบโตของเขาช่างน่าสะพรึงกลัวนัก!’ หัวใจของไห่ลั่วหลันตกสู่ความโกลาหล

ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องหลบหนีมาตลอดแต่นั่นเป็นเพราะศัตรูแข็งแกร่งเกินไปไม่ว่าจะเป็นวังสวรรค์ ถ้ำสวรรค์นิรันดร หรือกองกำลังพันธมิตรของผู้อมตะฝ่ายธรรมะภาคใต้

ในความเป็นจริงตราบเท่าที่ไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปด พวกเขาสามารถอาละวาดได้โดยปราศจากสิ่งกีดขวาง

‘โลกของผู้อมตะมีผู้อมตะระดับแปดอยู่น้อยมาก ตราบเท่าที่เรากำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลทิ้งไป เราจะสามารถซ่อนตัวและเติบโตขึ้นอย่างเงียบๆ ด้วยความแข็งแกร่งนี้ ผู้อมตะส่วนใหญ่ไม่สามารถขัดขวางความก้าวหน้าของพวกเรา!’

ไห่ลั่วหลันคิดเรื่องนี้ขณะที่ความทะเยอทะยานในหัวใจของนางพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

นางเป็นคนกล้าและน่าเกรงขาม นางมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่

แม้นางจะถูกควบคุมโดยข้อตกลงพันธมิตรของนิกายเงา แต่นางก็จะไม่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชื่อฟังของฟางหยวนตลอดไป

“เอาล่ะ ได้สิ่งที่เราต้องการแล้ว ไปกันเถอะ” ฟางหยวนกล่าว

ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน และเทพธิดาเมี่ยวหยินมารวมตัวกัน

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

ด้วยแสงอันเจิดจ้า คนทั้งสี่หายตัวไป

เมื่อพวกเขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็อยู่เหนือเนินทรายแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว

ดวงอาทิตย์แขวนอยู่บนท้องฟ้าขณะที่ด้านล่างเต็มไปด้วยคลื่นความร้อน

ฟางหยวนมองไปในระยะไกล

ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากทะเลทรายแปรผันค่อนข้างมาก

“เราจะพักผ่อนที่นี่ ตรวจสอบสภาพแวดล้อม” ฟางหยวนกล่าวหลังจากนำเทพธิดากระต่ายขาวออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ผู้อมตะทั้งสี่บินออกไปและใช้วิธีตรวจสอบของตนเอง

ฟางหยวนเข้าไปในถ้ำที่อยู่ใต้ทะเลทราย

มันเป็นถ้ำที่เรียบง่าย แต่ฟางหยวนใช้วิญญาณระดับมนุษย์จัดตั้งค่ายกลวิญญาณไว้ที่นี่

มันไม่เพียงแค่เสริมความแข็งแกร่งแต่มันยังปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาอีกด้วย

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล ค่ายกลวิญญาณระดับมนุษย์กลายเป็นเรื่องง่ายดายราวกับการหายใจสำหรับเขา

ฟางหยวนนั่งลงและปิดเปลือกตา

เขาต้องแข่งขันกับเวลาและใช้ท่าไม้ตายอมตะทันที

ท่าไม้ตายนี้เรียกว่าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พุ่งทะยาน มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ฟางหยวนได้รับมาจากราชันภูเขาม่วง

มันใช้วิญญาณอมตะเพียงดวงเดียวเป็นแกนกลาง นั่นคือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งกฎที่ฟางหยวนพึ่งได้รับมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

วิญญาณสนับสนุนส่วนใหญ่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญา

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด

ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานมันทีละขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน

วิญญาณจำนวนมากบินอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

เพียงไม่นานมันก็ปลดปล่อยแสงสว่างออกมา

“บึม!”

ด้วยเสียงระเบิด วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากถูกทำลาย กระทั่งวิญญาณอมตะจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ร่วงลงบนพื้น

ล้มเหลว!

ผลกระทบย้อนกลับทำให้ฟางหยวนได้รับบาดเจ็บทันที

ความคิดมากมายปะทะกันอยู่ในใจของเขา

แต่เขาเตรียมพร้อมรับมือสิ่งนี้ไว้แล้ว

หลังจากหลายสิบลมหายใจ ความคิดของเขาก็สงบลง

ฟางหยวนรักษาอาการบาดเจ็บของตนด้วยใบหน้าซีดขาว

บาดแผลบนร่างกายไม่รุนแรงนักแต่จิตใจของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

ท่าไม้ตายนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งแรก การอนุมานกับการใช้งานจริงเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน

ยิ่งท่าไม้ตายทรงพลังเท่าใด ผลกระทบย้อนกลับของมันก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น

และผลกระทบย้อนกลับมีหลายประเภท

เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่เขาได้รับผลกระทบทางจิตใจมากกว่าร่างกาย

ในปัจจุบันฟางหยวนไม่มีวิธีรักษาที่โดดเด่น เขามีวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าและวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเท่านั้น

ครั้งนี้จิตใจของเขาได้รับบาดเจ็บ ฟางหยวนต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อรักษาตัวเอง

โชคดีที่เขาได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง

ขณะเดียวกันร่างทารกอมตะที่ไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งของพลังงานแห่งเต๋าก็ช่วยให้วิธีรักษาของเขามีประสิทธิภาพมากขึ้น

แม้มันจะไม่ฟื้นฟูขึ้นอย่างสมบูรณ์ในทันทีแต่อาการตกค้างที่เหลืออยู่ก็ไม่ใช่ปัญหา

ฟางหยวนเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ เขายังพยายามใช้ท่าไม้ตายอมตะจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พุ่งทะยานต่อไป

เขาล้มเหลวในครั้งที่สองแต่ประสบความสำเร็จในครั้งที่สาม

ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ แสงสว่างส่องประกายขึ้น

“ไป!” ตามความต้องการของฟางหยวน แสงลึกลับพุ่งไปยังอิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยในร่างกายาแห่งความฝันนอนอย่างไร้ชีวิตชีวาอยู่บนพื้น

แสงลึกลับราวกับธารน้ำที่ไหลลงสู่ผืนดินที่แห้งแล้ง มันพุ่งเข้าสู่สมองของอิงอู๋เซี่ยโดยตรง

เพียงไม่นานมันก็ผสานเข้ากับจิตวิญญาณของเขา

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจร่างของอิงอู๋เซี่ยก็สั่นสะท้านขึ้น

ต่อมาดวงตาของเขาก็ส่องประกายแหลมคม

“อา…” เขาอ้าปากอุทานก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่ง

“บัดซบ!” เขากำหมัดแน่นจนนิ้วแทบแตก

“วังสวรรค์จับร่างหลักของข้าไว้ ยกโทษให้ไม่ได้!”

“ข้าต้องพาร่างหลักกลับมา ข้าต้องช่วยเขา ต่อให้เป็นสวรรค์ชั้นฟ้า ข้าก็ต้องทุกมันให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!”

“อ๊าก…’

อิงอู๋เซี่ยลุกขึ้นยืนและเงยหน้ากรีดร้องขึ้นสู่ท้องฟ้า

“ข้าต้องสู้!”

“ข้าต้องอดทน!”

“ก่อนหน้านี้ข้าอ่อนแอเกินไป นั่นไม่ถูกต้อง”

“โอ้ ฟางหยวน เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เมื่อท่านสีม่วงยอมรับเจ้า ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน!”

“ในโลกใบนี้ผู้ใดบ้างที่มีโอกาสทำลายวิญญาณชะตากรรม? เจ้าเป็นคนที่มีโอกาสมากที่สุด!”

“ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถนำพวกเราบุกไปยังวังสวรรค์เพื่อทำลายวิญญาณชะตากรรมและช่วยร่างหลักของข้า!”

อิงอู๋เซี่ยไม่หดหู่อีกต่อไป เขากลับมาเป็นอิงอู๋เซี่ยที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นคนเดิม

“ดี” ฟางหยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

พลังการต่อสู้ของอิงอู๋เซี่ยอยู่ในระดับเจ็ดแต่เขามีท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันที่กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังไม่สามารถป้องกันรวมถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

หากอิงอู๋เซี่ยช่วยพวเขาระหว่างการต่อสู้กับวูหยง วูหยงอาจตายไปแล้ว

เมื่อจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของอิงอู๋เซี่ยฟื้นคืน ฟางหยวนยังจะได้รับกำลังรบเพิ่มมากขึ้น

ผมที่หก!

ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ห้องหลอมรวม

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้

ร่างหนึ่งกระโดดออกมา

ร่างกายของคนผู้นี้ปกคลุมไปด้วยเขม่าควันสีดำและกำลังไออย่างดุเดือด

เขาก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

“แค๊ก แค๊ก ข้าล้มเหลวอีกครั้ง”

“บัดซบ!”

“หากข้าใช้วิธีหลอมรวมตามธรรมชาติของเผ่าพันธุ์มนุษย์ขน การหลอมรวมคงประสบความสำเร็จไปแล้ว แต่ฟางหยวนต้องการให้ข้าใช้วิธีหลอมรวมของมนุษย์เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะ นี่เป็นการสร้างความลำบากให้ข้า!?”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบ่นไม่หยุด

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงดังมาจากนอกประตู “ข้าคือผมที่หก ข้าขอพบผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”

“ผมที่หก มีสิ่งใดงั้นหรือ?” เมื่อเผชิญหน้ากับมนุษย์ขน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะแสดงออกอย่างเป็นมิตร

“ข้าต้องการช่วยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งหลอมรวมวิญญาณ มันจะช่วยยกระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของข้า” ผมที่หกตอบ

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเชี่ยวชาญการหลอมรวมวิญญาณด้วยวิธีของมนุษย์ขน

แต่ฟางหยวนไม่ต้องการใช้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้วิธีนี้เพราะมันจะดึงดูดเจตจำนงสวรรค์และยังสามารถเรียกภัยพิบัติ

มีเพียงวิธีการหลอมรวมของมนุษย์เท่านั้นที่สามารถใช้งาน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่รู้เรื่องนี้ นอกจากนั้นเขาก็ไม่ชำนาญวิธีการหลอมรวมของมนุษย์

ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ขน เขาเย้ยหยันวิธีการหลอมรวมของมนุษย์และดูแคลนมัน ในแง่ของอัตราความสำเร็จ วิธีของมนุษย์ขนเหนือกว่าวิธีของมนุษย์มาก

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่คุ้นเคยกับวิธีนี้แต่ผมที่หกแตกต่างออกไป

ผมที่หกเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขามีทักษะในการหลอมรวมวิญญาณด้วยวิธีการของมนุษย์ แต่หลายปีที่เขาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาไม่เคยเปิดเผยพรสวรรค์นั้น

จนถึงตอนนี้

‘โอ้ ฟางหยวน เมื่อเจ้าได้รับการยอมรับจากท่านอิงอู๋เซี่ย ข้าก็จะยอมรับเจ้าในฐานะผู้นำนิกายเงา’

‘ข้าจะช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะ’

นี่คือสิ่งที่ผมที่หกสามารถช่วยฟางหยวนได้ดีที่สุด

แม้การเปิดเผยความสามารถนี้จะมีความเสี่ยงและดึงดูดความสงสัยของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มันกระทั่งจะทำให้ผมที่หกตกอยู่ในอันตราย แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถสนใจเรื่องนี้

สิ่งที่เขาต้องทำก็คือช่วยนิกายเงาอย่างดีที่สุด!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท