เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1400

ตอนที่ 1400

หลุมลึกที่ใจกลางวังวนทรายลึกลงไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

ยิ่งฟงจิวเก้อเคลื่อนที่ลึกลงไปเท่าใด เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของกาลเวลาที่เข้มข้นเท่านั้น

ทันใดนั้นแสงสว่างก็ปรากฏขึ้น

‘วิญญาณป่าระดับมนุษย์?’ ฟงจิวเก้อตระหนักว่ามันเป็นวิญญาณระดับสาม

มันคือวิญญาณวันระดับมนุษย์

สิ่งที่ทำให้ฟงจิวเก้อรู้สึกสนใจก็คือวิญญาณชนิดนี้มักอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา

มีวิญญาณวันป่าอยู่ที่นี่ นั่นหมายความว่ามีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่?

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาค่อนข้างหาได้ยากในห้าภูมิภาคและสองสวรรค์

กองกำลังใหญ่จะต่อสู้กันเพื่อให้ได้มันมา หากพวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ พวกเขาจะพยายามปิดซ่อนมันและใช้มันเพื่อตนเอง

วิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลายังสามารถใช้ในการหลอมรวมวิญญาณ

ตัวอย่างเช่นวิญญาณวันระดับสามดวงนี้ หากใช้มันในการหลอมรวมวิญญาณ ผู้อมตะสามารถลดเวลาการหลอมรวมได้สามวัน

นอกจากนั้นยังมีวิธีการยืดอายุบนเส้นทางแห่งกาลเวลาโดยใช้วิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปี แน่นอนว่าวิธีเหล่านี้มีข้อบกพร่อง มันจะทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้วิญญาณอายุยืนได้ในอนาคต

แต่วิญญาณอายุยืนหายากมาก หากไม่มีมัน อายุขัยของพวกเขาจะสิ้นสุดลง แล้วพวกเขาจะไม่ใช้วิธีการเหล่านี้ได้อย่างไร?

‘หากมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่ นิกายเงาต้องพบมันและซ่อนมันไว้’ ฟงจิวเก้อยังเดินทางต่อไป

ในไม่ช้าเขาก็พบวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นวิญญาณวัน วิญญาณเดือน หรือวิญญาณปี

ไม่นานหลังจากนั้นระลอกคลื่นสีขาวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าฟงจิวเก้อ

มันเหมือนระลอกคลื่นบนผิวทะเลสาบที่เงียบสงบ

ฟงจิวเก้อชะลอความเร็วและระวังตัวมากขึ้น

นี่คือระลอกคลื่นของกาลเวลา

มันเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติเหมือนลมในทะลทราย หมอกบนภูเขา และฝนจากฟากฟ้า

รูปแบบชีวิตที่เข้าสู่ระลอกคลื่นแห่งกาลเวลาจะได้รับผลกระทบ เวลาของพวกเขาจะเดินเร็วขึ้น พวกเขาจะแก่ลงอย่างรวดเร็ว หรือบางทีพวกเขาอาจรู้สึกว่าโลกเคลื่อนที่เร็วขึ้นในมุมมองสายของพวกเขา

แต่ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า อายุขัยของพวกเขาก็จะถูกกลืนกิน

ฟงจิวเก้อไม่กล้าทดสอบ เขาชะลอความเร็วและอ้อมมันไป

เมื่อออกจากระยะของระลอกคลื่นแห่งกาลเวลา ฟงจิวเก้อยิ่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่ามีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่

ผู้อมตะระดับแปดที่ถูกส่งมาโดยวังสวรรค์บอกเขาอย่างชัดเจนว่ามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงถูกซ่อนไว้บนเกาะบัวหิน หากฟางหยวนต้องการรับสืบทอดมัน เขาต้องเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา วิธีที่ดีที่สุดคือการหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเหมือนทางเข้า มันต้องใหญ่พอที่จะเข้าไปได้

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่เชื่อมต่อกับมิติช่องว่างของผู้อมตะไม่ใหญ่พอ

มีเพียงสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาของห้าภูมิภาคและสองสวรรค์เท่านั้นที่ผู้อมตะสามารถเข้าไป

เมื่อเวลาผ่านไป ฟงจิวเก้อพบวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากขึ้นเรื่อยๆ

กลิ่นอายของสายธารแห่งกาลเวลาเข้มข้นขึ้น ฟงจิวเก้อกระทั่งได้ยินเสียงน้ำไหล

ต่อมาฟงจิวเก้อก็พบบางสิ่ง

‘สาขาของสายธารแห่งกาลเวลา!’ หัวใจของฟงจิวเก้อสั่นไหว มันอยู่ที่นี่จริงๆ

‘แต่ฟางหยวนกับคนอื่นๆอยู่ที่ใด?’ ฟงจิวเก้อคิดเรื่องนี้เมื่อร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากระลอกคลื่นแห่งกาลเวลาและพุ่งเข้ามาหาเขา

ฟงจิวเก้อเร่งหลบเลี่ยงและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียง เพลงเงียบ!

ฟงจิวเก้อบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงและปรารถนาที่จะสร้างเก้าบทเพลงที่เป็นตัวแทนของทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ตอนนี้เขาสร้างได้เจ็ดบทเพลงแล้ว เพลงแยกเป็นหนึ่งในนั้น

แต่นอกเหนือจากเจ็ดเพลง เขายังมีวิธีบนเส้นทางแห่งเสียงอื่นๆอีกด้วย

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงเพลงเงียบเป็นหนึ่งในนั้น

ฟงจิวเก้อเชี่ยวชาญมันมาก ดังนั้นเขาจึงประสบความสำเร็จในครั้งเดียว

เขาชกหมัดและฝ่ามือออกไปโจมตีเงาดำจากระยะไกล

หมัดส่งเสียงเหมือนกลอง ฝ่ามือส่งเสียงเหมือนระฆัง มันเป็นมรดกสามเสียงของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

นอกจากหมัดกลองและฝ่ามือระฆัง ยังมีเสียงนกหวีดเป็นเสียงที่สาม แต่ฟงจิวเก้อยังไม่ได้เรียนรู้มัน เขาฝึกท่าไม้ตายนี้เพียงเพื่อเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดบางอย่างเท่านั้น

สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่คำรามขณะพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อ

แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือเสียงคำรามของมันหายไปทันทีที่มันอ้าปาก

หมัดของฟงจิวเก้อทำให้เกิดเสียงกลองขณะที่ฝ่ามือสร้างเสียงระฆัง อย่างไรก็ตามในขณะนี้มันกลับไม่เกิดเสียงใดๆขึ้นที่นี่

ในไม่ช้าฟงจิวเก้อก็กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ การโจมตีของเขารุนแรงขึ้นขณะที่สัตว์ประหลาดกลายเป็นมึนงงและไม่สามารถตอบโต้

ฟงจิวเก้อพบว่ามันคืออสูรปี

อสูรปีวอก

และมันเป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดาย มันไม่แม้แต่จะเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล

ฟงจิวเก้อหรี่ตามอง

นอกจากวิญญาณป่าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ในสายธารแห่งกาลเวลายังมีสัตว์ป่าและพืชพรรณอีกด้วย อสูรปีหายากมากในห้าภูมิภาค แต่มันพบเห็นได้ทั่วไปในสายธารแห่งกาลเวลา

อย่างไรก็ตาม…

อสูรปีตัวนี้ถูกส่งมาโดยฟางหยวนหรือเป็นอสูรปีตามธรรมชาติ?

ฟงจิวเก้อกำลังพิจารณาปัญหาข้อนี้

หากมันถูกส่งมาโดยฟางหยวน นั่นหมายความว่าร่องรอยของเขาถูกค้นพบแล้วใช่หรือไม่?

‘อสูรปี…’ ฟางหยวนเฝ้ามองการต่อสู้ขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง

ในสวรรค์สีเหลืองมีคนขายอสูรปีอย่างเปิดเผย นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก

ฟางหยวนถูกล่อลวงอย่างไม่ต้องสงสัย

หากเขาสามารถซื้อและกดขี่พวกมัน พวกมันจะกลายเป็นกำลังเสริมที่ดี

อย่าลืมว่าเขามีท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย

ด้วยการคงอยู่ของอสูรปีเหล่านี้และท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย ฟางหยวนจะสามารถจับทาสอสูรปีแรกกำเนิด

แม้เขาจะสูญเสียอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่หากเขามีอสูรปีแรกกำเนิด เขาจะได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปดอีกครั้ง

แต่ปัญหาคือผู้ขายต้องการทำธุรกรรมขนาดใหญ่

ฟางหยวนต้องการซื้ออสูรปีเหล่านี้แต่เขาไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการ

จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ของเขาก็คือเขามีเงินทุนไม่เพียงพอ หากเขาต้องการซื้ออสูรปีเหล่านี้ เขาต้องขายอินทรีย์เดียวดายและอินทรีย์บรรพกาลที่เขาซื้อมาก่อนหน้านี้

แน่นอนว่าฟางหยวนสามารถขายวิญญาณอมตะ

แต่เขาจะไม่ทำเช่นนั้นจนกว่าเขาจะไม่มีทางเลือก

ในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนต้องเอาชีวิตรอด แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แห่งชีวิตและความตาย

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกำลังตัดสินใจ

เขาได้รับข้อเสนอมากมายแต่มีเพียงสามข้อเสนอที่เขาสนใจ

หนึ่งเสนอหินวิญญาณอมตะจำนวนมหาศาล กระทั่งบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงยังรู้สึกตกตะลึง

สองเสนอทรัพยากรอมตะมากมาย สิ่งนี้กระตุ้นความสนใจของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

สามต้องการแลกเปลี่ยนด้วยสัตว์อสูรประเภทนกอินทรีย์จำนวนมาก ข้อเสนอนี้เหมาะสมกับเขา

ขณะที่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกำลังลังเล หนึ่งในสามกลับเพิ่มเสนอ

‘พวกเขาจะใช้วิญญาณอมตะแลกเปลี่ยนงั้นหรือ?’ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่ลังเลอีกต่อไป

เขาขายอสูรปีทั้งหมดให้กับหนึ่งในนั้น

การทำธุรกรรมสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วและทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึง

ทะเลทรายตะวันตก ในหลุมทราย

อสูรปีวอกกรีดร้องอย่างน่าเวทนา

แต่เสียงกรีดร้องของมันหายไปเนื่องจากท่าไม้ตายของฟงจิวเก้อ

ในการต่อสู้อันเงียบงัน อสูรปีวอกไม่สามารถต่อต้านฟงจิวเก้อและถูกสังหารอย่างไร้ปรานี

ฟงจิวเก้อตรวจสอบและเก็บศพของมันไว้ในมิติช่องว่างของตน

การต่อสู้ทั้งหมดใช้เวลาเพียงชั่วครู่

เห็นได้ชัดว่าฟงจิวเก้อยังไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงของเขาออกมา การกำจัดอสูรปีเดียวดายง่ายเกินไป

เขาไม่จำเป็นต้องพักผ่อนและเดินหน้าต่อทันที

ยิ่งเข้าใกล้เท่าใด กลิ่นอายของกาลเวลาก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น

ทันใดนั้นอสูรปีหลายตัวก็โผล่ออกมาและพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อตกใจเล็กน้อย

‘ข้าถูกค้นพบงั้นหรือ?’ ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของท่าไม้ตายอมตะ

อสูรปีกลุ่มนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง มีอสูรปีระดับสัตว์อสูรเดียวดายห้าตัวและอสูรปีระดับสัตว์อสูรบรรพกาลอีกสามตัว

ฟงจิวเก้อก่นเสียงเย็นเย้ยหยันขณะที่เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาปะทุขึ้น

ตั้งแต่เขาถูกค้นพบ เขาก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกต่อไป

“ฟางหยวน ออกมา!” ฟงจิวเก้อเรียก

แต่ครู่ต่อมารูม่านตาของเขากลับหดเล็กลง

อสูรปีมากกว่าสิบตัวกระโดดออกมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและพุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง

‘เกิดสิ่งใดขึ้น? มีรังของอสูรปีอยู่แถวนี้งั้นหรือ?’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท