เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1402

ตอนที่ 1402

ภายใต้ผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะทาสแห่งชัยชนะทำให้รูปแบบชีวิตที่พ่ายแพ้ต่อฟางหยวนตกเป็นทาสของเขา มีโอกาสสูงที่พวกมันจะถูกสะกดข่ม

แกนกลางของท่าไม้ตายนี้คือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงใหม่ที่ฟางหยวนพึ่งได้รับมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎ

ท่าไม้ตายอมตะทาสแห่งชัยชนะถูกสร้างขึ้นโดยผีดิบอมตะต้าลี่

ผีดิบอมตะต้าลี่เป็นร่างแยกรุ่นที่สองของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งปัญญา เขามีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง

อย่างไรก็ตามหลังจากผู้อมตะลึกลับที่มีสัญลักษณ์รูปดอกบัวอยู่กลางหน้าผากปรากฏตัวและต่อสู้กับเขา เขาพ่ายแพ้และถูกผนึกไว้โดยคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล

นี่คือที่มาของท่าไม้ตายอมตะทาสแห่งชัยชนะ มันเป็นท่าไม้ตายที่ผสมผสานระหว่างเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งปัญญา

ฟางหยวนได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง ดังนั้นเขาจึงได้เรียนรู้ท่าไม้ตายนี้

แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้งานมัน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนเตรียมตัวมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้มันได้อย่างราบรื่น

ท่าไม้ตายอมตะส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้งานได้โดยไม่ฝึกซ้อม มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นการทำร้ายตนเอง

ฟางหยวนรู้ว่าวังสวรรค์กำลังไล่ล่าพวกเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ล่วงหน้า

แม้ฟางหยวนจะอัญเชิญอสูรปีออกมามากมาย แต่มันยังมีข้อบกพร่อง พวกมันจะไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อฟางหยวน หากศัตรูแข็งแกร่งเกินไป พวกมันจะล่าถอยทันที

สิ่งนี้แตกต่างจากการอัญเชิญอสูรวิญญาณ

อสูรวิญญาณที่ถูกอัญเชิญมาโดยสมาชิกนิกายเงาอยู่ภายใต้การควบคุมของเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกมันจะต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตนเองเพื่อคนที่อัญเชิญพวกมันออกมา

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีของไห่ฟานเป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งกาลเวลา นอกจากนั้นเขายังด้อยกว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณ

แน่นอนว่าประสิทธิภาพในการอัญเชิญอสูรปีของเขาก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับการอัญเชิญอสูรวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญาณ

แต่โดยรวมแล้วมันยังมีประโยชน์มาก

ด้วยการใช้วิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ มันสามารถอัญเชิญกองทัพอสูรปี จำนวนมากเพื่อสร้างความได้เปรียบ เว้นเพียงศัตรูจะเป็นตัวตนเช่นฟงจิวเก้อหรือผู้อมตะระดับแปด

แต่ในโลกของผู้อมตะ ตัวตนเช่นฟงจิวเก้อและผู้อมตะระดับแปดมีอยู่กี่คน?

“ปัง ปัง ปัง…”

กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนตบอสูรปีที่กำลังล่าถอยลงสู่พื้น

เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจของฟงจิวเก้อ อสูรปีเหล่านี้ต้องการล่าถอยกลับสู่สายธารแห่งกาลเวลา

แต่ฟางหยวนไม่อนุญาตให้พวกมันหลบหนี เขาใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนกำหราบและทำให้พวกมันตกเป็นทาสของเขา

แม้บางส่วนยังพยายามต่อต้าน แต่ฟางหยวนก็ใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนตบพวกมันอีกครั้ง

“ปัง ปัง ปัง…”

ด้วยการตบหลายครั้ง อสูรปีเหล่านี้จึงอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนักโดยเฉพาะเมื่อพวกมันได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของฟงจิวเก้อมาก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังมีทาสอสูรปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เขาเก็บอสูรปีที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

กระทั่งอสูรปีจะตายเพราะการโจมตีที่รุนแรงเกินไป พวกมันก็ถือเป็นทรัพยากรอมตะระดับหกและระดับเจ็ด

แน่นอนว่าฟางหยวนจะไม่ปล่อยพวกมันไป

ในสนามรบ ฟงจิวเก้อสามารถกำจัดอสูรปีได้อย่างง่ายดาย ขณะที่ฟางหยวนยังอัญเชิญอสูรปีออกมาอย่างต่อเนื่อง

นี่ทำให้ฟางหยวนสามารถจับอสูรปีและเก็บไว้ในมิติช่องว่างของเขาได้เป็นจำนวนมาก

‘ด้วยอัตรานี้ ข้าจะสามารถรวบรวอสูรปีได้หลายร้อยตัวอย่างรวดเร็ว’ ฟางหยวนรู้สึกมีความสุข

แม้เขาจะไม่สามารถขายอสูรปีในสวรรค์สีเหลือง แต่เขายังสามารถเก็บพวกมันไว้ใช้งาน

‘อย่างไรก็ตาม…ด้วยรากฐานด้านจิตวิญญาณของข้า ข้าสามารถสะกดข่มอสูรปีได้ประมาณหนึ่งร้อยตัวเท่านั้น’ ฟางหยวนประเมิน

รากฐานด้านจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่ง แต่อย่าลืมว่าเขามีฝูงอินทรีย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง

‘ข้าควรขายอินทรีย์เหล่านี้ออกไปหรือไม่?’ ฟางหยวนลังเล แต่ในเวลานี้ร่างกายของเขากลับสั่นสะท้านขึ้น

กลิ่นอายที่ทรงพลังปะทุออกมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่อยู่ข้างหลังเขา

‘อสูรปีแรกกำเนิด! มันถูกดึงดูดมาที่นี่โดยวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ!’ ฟางหยวนเข้าใจทันที

ฟางหยวนไม่ได้เก็บวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำไว้ในมิติช่องว่างของเขา ดังนั้นวิญญาณอมตะดวงนี้จึงดึงดูดอสูรปีแรกกำเนิดมาที่นี่

หลังจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอสูรปีแรกกำเนิด อสูรปีในสนามรบก็เริ่มคลั่ง พวกมันกล้าหาญมากขึ้น

ฟงจิวเก้อรู้สึกถึงแรงกดดันและความยากลำบากที่เพิ่มสูงขึ้น

เป็นเพียงเวลานี้ที่กรงเล็กพยัคฆ์ขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

มันสร้างคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในแม่น้ำ กรงเล็บพยัคฆ์พุ่งเข้ามาหาฟางหยวน

แต่ฟางหยวนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาเก็บวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำรวมถึงสมาชิกนิกายเงากลับเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เมื่อกรงเล็บพยัคฆ์มาถึง เขาก็บินออกไปแล้ว

กรงเล็บพยัคฆ์ทำลายค่ายกลวิญญาณที่ฟางหยวนสร้างขึ้นอย่างง่ายดาย

“โฮก…”

อสูรปีขาลแรกกำเนิดตระหนักว่าวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำกำลังจะจากไป ดังนั้นมันจึงส่งเสียงคำรามราวกับเสียงฟ้าร้องออกมา

คลื่นขนาดใหญ่ซัดสาดออกมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา อสูรปีขาลแรกกำเนิดต้องการออกจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แต่ร่างกายของมันใหญ่โตเกินไปขณะที่สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเล็กเกินไปสำหรับมัน

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา มันพยายามใช้กรงเล็บพยัคฆ์เพื่อเปิดเส้นทาง

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

จุดทรัพยากรบนเส้นทางแห่งกาลเวลาแห่งนี้ถูกทำลาย แม้ขนาดของมันจะขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า แต่มันก็สูญเสียเสถียรภาพ ไม่นานหลังจากนี้สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาแห่งนี้จะไหลกลับไปยังแม่น้ำสายหลัก

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบต่ออสูรปีแรกกำเนิด มันไม่สนใจเรื่องนี้

ฟงจิวเก้อเห็นฟางหยวนเข้ามาใกล้และเริ่มระวังตัวมากขึ้น

อสูรปีแรกกำเนิดไล่ล่าฟางหยวนมาจากด้านหลัง สถานการณ์ของเขาดูเหมือนอันตรายแต่เขากลับเผยรอยยิ้มมั่นใจ

เขาไม่ได้ใช้เกราะหวนคืนแต่กระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายน้ำอีกครั้ง

‘ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะระดับแปด!’ รูม่านตาของฟงจิวเก้อหดเล็กลง

แต่เขาไม่แปลกใจ ฟางหยวนได้รับมรดกของนิกายเงา เป็นเรื่องปกติที่เขาจะมีสมบัติเช่นนี้

‘ข้าต้องการกำจัดผู้ไล่ล่าจากวังสวรรค์ทั้งหมด แต่น่าเสียดายที่มีเพียงฟงจิวเก้อเท่านั้นที่มาที่นี่!’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาขณะที่แสงสีขาวส่องประกายออกมาจากวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ

อุโมงค์ที่มืดมิดถูกเติมเต็มด้วยแสงสว่าง

ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งานในที่สุด

“นี่คือ?” ฟงจิวเก้อพบว่าเขาติดอยู่ในค่ายกลวิญญาณ ก่อนหน้านี้มันถูกซ่อนไว้อย่างไร้ที่ติ

วิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณนี้

ฟงจิวเก้อเฝ้าระวังแต่ดูเหมือนพลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณนี้จะไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขา

ราวกับเขื่อนที่สะสมน้ำมานานหลายปีปล่อยน้ำออกมาอย่างกะทันหัน สาขาของสายธารแห่งกาลเวลากลายเป็นแม่น้ำที่โหมกระหน่ำในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา

ปรากฏว่าเป้าหมายที่แท้จริงของค่ายกลวิญญาณนี้คือสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา!

ฟงจิวเก้อกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาดูเหมือนแม่น้ำสายหลักเป็นอย่างมาก

น้ำในแม่น้ำสร้างคลื่นขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง

คลื่นน้ำพุ่งเข้ากลืนกินฟางหยวนก่อนจะเคลื่อนที่เข้าไปหาฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อต้องการหลบหนี แม้จะมีอสูรปีอยู่มากมาย แต่พวกมันไม่สามารถกีดขวางเขา

อย่างไรก็ตามสายธารแห่งกาลเวลาไม่สามารถทำความเข้าใจได้ด้วยตรรกะทั่วไป

‘เร็วมาก!’

ฟงจิวเก้อตื่นตระหนก เขาพบว่าคลื่นน้ำอยู่เหนือศีรษะของเขาแล้ว

สายธารแห่งกาลเวลาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์พิภพบนเส้นทางแห่งกาลเวลา มันไม่มีแนวคิดเรื่องความเร็วของการไหล มีเพียงเวลาเท่านั้นที่สำคัญ

มวลน้ำในสายธารแห่งกาลเวลาต้องการเวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้นเพื่อเดินทางข้ามระยะทางสิบล้านลี้หรืออาจใช้เวลาหนึ่งล้านปีในการเดินทางเพียงหนึ่งนิ้ว

‘ข้าไม่สามารถหลบหนีจากมัน…’ ฟงจิวเก้อเข้าใจเรื่องนี้ทันทีและเร่งกระตุ้นใช้วิธีป้องกันตัวของตนเอง

ร่างของฟงจิวเก้อจมลงไปใต้น้ำอย่างสมบูรณ์

แต่ฟางหยวนสามารถโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำโดยใช้พลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณ

‘ค่ายกลวิญญาณปล่อยน้ำ หยุด!’

ฟางหยวนตะโกนอยู่ในใจขณะที่ค่ายกลวิญญาณแยกออกจากกัน

โดยปราศจากค่ายกลวิญญาณปล่อยนน้ำ สายธารแห่งกาลเวลาจะถูกดึงกลับไปยังแม่น้ำสายหลักของมันทันที

เนื่องจากก่อนหน้านี้คลื่นน้ำที่ท่วมท้นออกมาเกินขีดจำกัดของแม่น้ำสาขาย่อย ดังนั้นมันจึงดึงมวลน้ำจากแม่น้ำสายหลักออกมา

ตอนนี้มันไม่ใช่พลังของค่ายกลวิญญาณอีกต่อไปแต่เป็นพลังอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพสายธารแห่งกาลเวลาที่ดึงมวลน้ำกลับสู่สภาพเดิม

“ครืน…ครืน…”

ด้วยแรงดึงที่รุนแรง ฟงจิวเก้อถูกกวาดไปยังแม่น้ำสายหลัก กระทั่งอสูรปีขาลแรกกำเนิดที่ต้องการออกมายังถูกดึงกลับไปเช่นกัน

หลังจากไม่กี่ลมหายใจ สายธารแห่งกาลเวลาก็หายไปอย่างสมบูรณ์ มีเพียงระลอกคลื่นเล็กๆของกาลเวลาเท่านั้นที่ยังสั่นสะเทือนอยู่อย่างเงียบๆและแผ่วเบา

กองทัพอสูรปีในสนามรบถูกดึงกลับสู่สายธารแห่งกาลเวลาทั้งหมด

“ลาก่อน ฟงจิวเก้อ” ฟางหยวนกล่าวเบาๆก่อนจะบินออกจากสถานที่แห่งนี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท