เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1408

ตอนที่ 1408

ในวันนี้ผู้คนทั้งหมดของภาคใต้ต่างตื่นตระหนกและตกใจ

เส้นโลหิตปฐพีเกิดการสั่นสะเทือนทำให้สถานที่สำคัญหลายแห่งถูกทำลาย

มนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิต กองกำลังต่างๆพบความสูญเสียที่ไม่คาดคิด

แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองที่ตึงเครียดของภาคใต้สงบลง

พวกเขาละทิ้งความขัดแย้งและเริ่มตรวจสอบสาเหตุของความโกลาหลดังกล่าว

อาจกล่าวได้ว่าตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน นี่เป็นครั้งแรกที่เรื่องเช่นนี้ขึ้น

โลกของผู้อมตะภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจ หรือผู้บ่มเพาะสันโดษ พวกเขาต่างสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุของความปั่นป่วนครั้งนี้

“สัญญาณของยุคที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นแล้ว” ฟางหยวนที่อยู่ในทะเลทรายตะวันตกได้รับข้อมูลของภาคใต้เช่นกัน

ในเวลานี้พวกเขาต้องออกเดินทางอีกครั้ง

ราตรีล่วงไปเมื่อแสงแรกของรุ่งอรุณส่องสว่างขึ้นที่ขอบฟ้า

ในไม่ช้าดวงอาทิตย์ก็ขึ้นและทำให้โลกกลับมาสดใส

ฟางหยวนในชุดคลุมขาวมองไปที่ดวงอาทิตย์ด้วยอารมณ์อันลึกซึ้ง

เปรียบเทียบกับดวงอาทิตย์ที่สว่างไสว อนาคตของเขายังคงมืดมน

ในอดีตเขาถูกขังอยู่ในความมืดแต่หลังจากได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับยุคที่ยิ่งใหญ่

ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง

สิ่งนี้แตกต่างจากชีวิตแรกของเขา ในช่วงชีวิตแรกของฟางหยวน เทพปีศาจจิตวิญญาณประสบความสำเร็จในการท้าทายโชคชะตา เขาสามารถต่อต้านวังสวรรค์และเจตจำนงสวรรค์ สุดท้ายยังสามารถเลือนเวลาของยุคที่ยิ่งใหญ่ออกไปถึงห้าร้อยปี

เจตจำนงสวรรค์ถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ดังนั้นมันจึงต้องเสี่ยงใช้ฟางหยวนเป็นเครื่องมือและส่งเขากลับมาในอดีตโดยใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อขัดขวางแผนการของนิกายเงา

แน่นอนว่าฟางหยวนประสบความสำเร็จ

ด้วยวิธีนี้โลกทั้งใบจึงกลับสู่เส้นทางเดิมของมัน

โดยปราศจากนิกายเงาและเทพปีศาจจิตวิญญาณ ยุคที่ยิ่งใหญ่จะมาถึงอย่างรวดเร็ว

แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นแห่งยุคที่ยิ่งใหญ่นี้

‘ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง กำแพงภูมิภาคจะหายไป แต่ก่อนหน้านี้เส้นโลหิตปฐพีของทั้งห้าภูมิภาคจะรวมเป็นหนึ่ง’

‘หลังจากนี้แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงภาคใต้ แต่อีกสี่ภูมิภาคก็ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกัน’

‘เหตุผลที่ภาคใต้เกิดขึ้นก่อนเพราะภาคใต้มีเส้นโลหิตปฐพีอยู่มากที่สุด เมื่อยุคที่ยิ่งใหญ่มาถึง โลกทั้งใบจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ช่วงแรกของยุคนี้จะสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่’

ฟางหยวนไตร่ตรอง

ยุคที่ยิ่งใหญ่ขัดขวางแผนการเดิมของเขา

ตามแผนเดิมของเขา เขามีเวลาอีกมากมาย

ฟางหยวนยังสามารถบ่มเพาะและใช้อาณาจักรแห่งความฝันเพื่อเสริมสร้างรากฐานให้กับตนเอง เมื่อสงครามห้าภูมิภาคเริ่มขึ้นในยุคที่ยิ่งใหญ่ เขาจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีรากฐานที่ลึกล้ำ แม้เขาจะไม่ใช่ปรมาจารย์ในทุกเส้นทางแต่อย่างน้อยมันก็ใกล้เคียง

ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับประโยชน์สูงสุดในสงครามห้าภูมิภาค

แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว

ยุคที่ยิ่งใหญ่มาถึงเร็วเกินไป แผนการของฟางหยวนถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกไล่ล่าโดยวังสวรรค์และเจตจำนงสวรรค์ เขาต้องวิ่งหนีทุกนาทีและระวังตัวตลอดเวลา ศัตรูที่แข็งแกร่งสามารถปรากฏตัวขึ้นได้เสมอ

‘นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่’

‘ตอนนี้มีเพียงข้า วังสวรรค์ นิกายเงา และกองกำลังอื่นอีกสองสามแห่งเท่านั้นที่รู้ความจริงเบื้องหลังการสั่นสะเทือนของเส้นโลหิตปฐพีในครั้งนี้’

‘อย่างไรก็ตามผู้อมตะคนอื่นๆไม่ได้โง่เขลา หลังจากตรวจสอบ พวกเขาจะรู้ความจริงในไม่ช้า’

‘หลังจากนั้นทุกคนจะเข้าใจตรงกันว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกำลังจะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้’

‘เห้อ…ความได้เปรียบของการกำเนิดใหม่ของข้ากำลังลดน้อยลงอีกครั้ง’

‘หากไม่ใช่เพราะการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน ข้าก็ยังสามารถใช้ตัวตนของวูอี้ไห่ต่อไป แผ่นดินไหวที่ภาคใต้จะทำให้สัตว์อสูรและพืชอสูรหายากปรากฏตัวขึ้น’

‘นี่เป็นการเก็บเกี่ยวที่ยอดเยี่ยม กองกำลังทั้งหมดจะต่อสู้เพื่อพวกมัน สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำในทั้งห้าภูมิภาค แต่ภาคใต้จะได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะเส้นโลหิตปฐพีของภาคใต้มีรากฐานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มันเหมือนคลังสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด สำหรับภูมิภาคที่น่าสงสารที่สุดคือทะเลตะวันออก เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดจากเส้นโลหิตปฐพี ทะเลตะวันออกจะได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้น้อยที่สุด’

ฟางหยวนจำเรื่องเหล่านี้ได้

ทะเลตะวันออกมีทรัพยากรมากที่สุดในห้าภูมิภาคมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้ผู้อมตะภูมิภาคอื่นจึงยินดีแบกรับความเสี่ยงเพื่อไปสำรวจมัน

อย่างไรก็ตามทะเลตะวันออกกลับได้รับประโยชน์น้อยที่สุดจากการสั่นสะเทือนของเส้นโลหิตปฐพี

มีทฤษฎีจากชีวิตแรกของฟางหยวนอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ามันเป็นของขวัญจากสวรรค์พิภพเพื่อสร้างสมดุลให้กับห้าภูมิภาค

หากฟางหยวนยังสามารถใช้ตัวตนของวูอี้ไห่ เขาจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล ด้วยความทรงจำของเขา เขารู้แหล่งทรัพยากรเกิดใหม่มากมายรวมถึงวิญญาณอมตะ!

โชคไม่ดีที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับของขวัญเหล่านี้

ฟางหยวนรู้สึกเสียดายแต่เขาไม่รู้ว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ช่วยเขาเอาไว้

เนื่องจากการสั่นสะเทือนของเส้นโลหิตปฐพี ค่ายกลวิญญาณของตระกูลวูจึงถูกทำลายย แผนการของวูหยงล้มเหลว ขณะที่ฟางหยวนรอดพ้นวิกฤตมาได้อย่างฉิวเฉียด

แน่นอนว่าเรื่องนี้เกิดจากโชคที่ระเบิดขึ้นของฟางหยวน

‘โชคดีที่ข้าได้รับวิญญาณอมตะรักตัวเองระดับเจ็ด หลังจากใช้ท่าไม้ตายชำระล้างตัวเอง ข้าสามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เป็นอันตรายทั้งหมดบนร่างของข้า นี่รวมถึงข้อตกลงพันธมิตรของตระกูลวู’

ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถออกจากตระกูลวูได้อย่างสมบูรณ์และไม่มีความเชื่อมโยงกับพวกเขาอีกต่อไป

‘ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของข้าแตกสลายไปแล้ว วูหยงไม่สามารถใช้สิ่งนี้เพื่อจัดการข้าได้อีก’

แม้ความกังวลของเขาจะหมดไปแต่ฟางหยวนยังเห็นจุดอ่อนของท่าไม้ตายนี้

ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองสามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อผู้อมตะแต่ผลลัพธ์ของมันไม่เป็นไปตามความต้องการของฟางหยวน

ตัวอย่างเช่นฟางหยวนสามารถกำจัดข้อตกลงพันธมิตรของตระกูลวูได้อย่างสมบูรณ์ แต่ข้อตกลงพันธมิตรระหว่างเขากับกองกำลังอื่นเช่นชูตู๋ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มนุษย์กลายพันธุ์ และสามปีศาจคลั่งยังอยู่

นี่เป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของข้อตกลงพันธมิตรเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อฟางหยวน ดังนั้นท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองจึงไม่กำจัดพวกมันทิ้งไป

หากฟางหยวนละเมิดข้อตกลง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้จะลงโทษเขา ในกรณีนี้มันจะสายเกินไปที่เขาจะชำระล้างพวกมัน

สิ่งสำคัญที่สุดคือท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของเทพธิดาจื่อเว่ย

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้อันตรายต่อฟางหยวนเป็นอย่างมาก เป็นธรรมชาติที่ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองจะกำจัดพวกมัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าตกใจก็คือหลังจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านั้นถูกทำลาย เพียงไม่นานพวกมันก็ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง

ด้วยความเร็วของมัน ในเวลาเพียงหกชั่วโมง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เกิดจากท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของวังสวรรค์จะฟื้นฟูขึ้นอย่างสมบูรณ์

‘การชำระล้างตัวเองเป็นวิธีที่ทรงพลังที่สุดในด้านนี้ของราชันภูเขาม่วง’

‘แม้มันจะได้ผลแต่ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป’

‘ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพธิดาจื่อเว่ยขณะเดียวกันนางก็ได้รับประโยชน์จากกระดานหมากรุกกลุ่มดาว’

ฟางหยวนคาดเดาและค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้

เหตุผลเป็นเพราะเขาเคยเห็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าลักษณะนี้มาก่อน

วิญญาณกาลเวลาเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ขณะที่ร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนถูกผนึกไว้ด้วยวิธีการบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนได้เรียนรู้ว่าผู้อมตะระดับเก้าสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ถูกดัดแปลงขึ้นใหม่

ฟางหยวนเดาว่าเทพธิดาจื่อเว่ยใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวเพื่อกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ

เนื่องจากกระดานหมากรุกกลุ่มดาวเป็นของเทพอมตะกลุ่มดาวที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของนาง

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าชนิดพิเศษเหล่านี้ไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือวิญญาณอมตะระดับแปดโชคชะตาท้าทายสวรรค์ที่ส่งผลกระทบต่อโชคของหม่าหงหยุนจนกว่าเขาจะตาย แก่นแท้ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์นี้คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างกายของเขาดึงดูดโชคของคนรอบข้างเพื่อเพิ่มโชคให้กับเขาอย่างไม่รู้จบสิ้น สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานอมตะแม้แต่น้อย

อีกตัวอย่างหนึ่งคือท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

ผนึกศักดิ์สิทธิ์และผลึกภูตผี

ท่าไม้ตายอมตะทั้งสองจะสร้างชุดคลุมบางๆขึ้นในจิตวิญญาณของพวกเขา แน่นอนว่ามันก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะทั้งสองจะคงอยู่ตลอดไปโดยไม่พึ่งพาพลังงานอมตะใดๆ ในเวลาเดียวกันหากมันเกิดความเสียหาย มันก็สามารถฟื้นฟูตัวเอง

‘เป็นที่ยอมรับกันในวงกว้างว่าผู้อมตะระดับเก้าเป็นปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางของพวกเขา’

‘จากประสบการณ์การบ่มเพาะของราชันภูเขาม่วง ความสำเร็จระดับปรมาจารย์สามารถเลียนแบบเส้นทางสายอื่น ปรมาจารย์เอกสามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในธรรมชาติ ขณะที่ปรมาจารย์สูงสุดสามารถสร้างพลังงานแห่งเต๋าเฉพาะตัวเป็นของตนเอง นี่ทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากขีดจำกัดเรื่องพลังงานอมตะ?’

มรดกของราชันภูเขาม่วงทำให้ฟางหยวนเข้าใจระดับความสำเร็จของผู้อมตะได้อย่างชัดเจน

กล่าวได้ว่าเขาได้รับความรู้ใหม่มากมาย

กับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในร่างผีดิบอมตะของเขาสามารถแก้ไข แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่บนร่างทารกอมตะยากที่จะจัดการ

‘ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองสามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลได้ส่วนหนึ่ง แต่ยิ่งข้าลบมันมากเท่าใด มันก็ยิ่งฟื้นฟูเร็วขึ้นเท่านั้น’

‘การใช้ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองหนึ่งครั้งสามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลได้สิบส่วน แต่ในครึ่งวันพวกมันก็สามารถฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์’

‘นี่หมายความว่าหากข้าต้องการกำจัดพวกมันทั้งหมด ข้าต้องชำระล้างตัวเองตลอดเวลาเป็นเวลาประมาณครึ่งเดือนโดยไม่หยุดพัก!’

ฟางหยวนประเมินตามข้อมูลที่เขามี

นี่เป็นปัญหา ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของวังสวรรค์ยากลำบากกว่าที่เขาคาดไว้ไปมาก

สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาจะสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตังเองอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึงครึ่งเดือนได้งั้นหรือ?

แล้วเขาควรทำอย่างไร?

“หากเจ้ามีเวลาเตรียมตัว เจ้าอาจแก้ไขได้ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เจ้าไม่มีโอกาสเหลืออยู่” ในวังสวรรค์ เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มมั่นใจ

เพราะนี่เป็นวิธีการของเทพอมตะกลุ่มดาว

อาจกล่าวได้ว่าตราบเท่าที่ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบนี้ยังอยู่ ตำแหน่งของฟางหยวนจะถูกค้นพบโดยกระดานหมากรุกกลุ่มดาวและไม่สามารถหลบหนีไปจากเงื้อมมือของเทพธิดาจื่อเว่ย

การกำจัดฟางหยวนเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น

เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างสมบูรณ์

ตราบเท่าที่เทพธิดาจื่อเว่ยไม่ให้เวลาฟางหยวนมากพอ ความได้เปรียบของนางและวังสวรรค์จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท