เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1410

ตอนที่ 1410

ทะเลทรายตะวันตก

ฟางหยวนอยู่ที่โอเอซิสขนาดเล็กที่มีน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติตั้งอยู่

อย่างไรก็ตามโอเอซิสแห่งนี้กำลังถูกทำลาย

เหตุผลเป็นเพราะฟางหยวนและคนอื่นๆต้องทำลายร่องรอยทั้งหมดของพวกเขาก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง

นอกจากวังสวรรค์ พวกเขายังต้องระวังศัตรูในทะเลทรายตะวันตกเมื่อเจตจำนงสวรรค์ยังวางแผนจัดการพวกเขาตลอดเวลา

‘การอนุมานครั้งนี้มีความก้าวหน้าในที่สุด’ ฟางหยวนถอนหายใจและมีความสุขเล็กน้อย

ตั้งแต่เขาถูกติดตามตัว เขาคิดวิธีแก้ไขปัญหามาตลอด

ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองมีประสิทธิภาพแต่ฟางหยวนต้องใช้มันตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงต้องคิดวิธีแก้ปัญหา

แต่ฟางหยวนมีพื้นฐานสำหรับเรื่องนี้ เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาขณะที่ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองก็เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถดัดแปลงมัน

และเขามีวิญญาณอมตะที่จำเป็น

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะดวงนี้ ฟางหยวนรู้สึกมั่นใจมาก

มันก็คือวิญญาณอมตะความพยายาม

วิญญาณอมตะความพยายามเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่สามารถสนับสนุนการทำงานของวิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ ตัวอย่างเช่นเมื่อฟางหยวนกลายเป็นมังกรดาบบรรพกาล ลมหายใจมังกรของเขาจะถูกปลดปล่อยออกไปทีละครั้ง แต่เมื่อเขาใช้วิญญาณอมตะความพยายาม เขาสามารถปล่อยลมหายใจมังกรออกไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องหยุดพักจนกว่าจะถึงขีดจำกัด

วิญญาณอมตะความพยายามเหมาะสมกับท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเอง

ตอนนี้เขาประสบความสำเร็จในการอนุมานเพื่อเพิ่มวิญญาณอมตะความพยายามเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองเรียบร้อยแล้ว

ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองได้นานขึ้น มันจะกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ไม่พึงประสงค์ของฟางหยวนอย่างต่อเนื่อง

‘แต่นี่ยังไม่เพียงพอที่จะชำระล้างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลทั้งหมด’ ฟางหยวนยังไม่พอใจ

เขาตระหนักถึงอีกปัญหาหนึ่ง นั่นก็คือเขาไม่มีเวลา

ตอนนี้เขากำลังถูกไล่ล่า แม้ผู้อมตะของวังสวรรค์จะไม่ปรากฏตัวในเวลานี้ แต่พวกเขาอาจกำลังมา

ไม่ว่าอย่างไรฟางหยวนและคนอื่นๆก็จะถูกไล่ล่าและโจมตีตลอดเวลา

ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนเพื่อกำจัดสิ่งไม่พึงประสงค์ทั้งหมดของฟางหยวน

ในเวลาหนึ่งเดือนเขาต้องใช้ท่าไม้ตายนี้อย่างไม่หยุดยั้ง

‘ตอนนี้ข้าต้องวิ่งหนีตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะมีเวลาว่างหนึ่งเดือน แม้ข้าจะมี แล้วคนอื่นๆ? พวกเขายังตกเป็นเป้าหมายเช่นเดิม’

ไม่มีความหวังสำหรับเรื่องนี้

ความกังวลของฟางหยวนก็คือวังสวรรค์จะออกมาและทำลายทุกสิ่งขณะที่เขากำลังจะประสบความสำเร็จ

เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะสูญเสียพลังงานอมตะจำนวนมาก หากต้องต่อสู้กับผู้อมตะของวังสวรรค์หรือแม้แต่การหลบหนี มันก็จะกลายเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง

‘นอกจากพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล ข้ายังต้องใมช้พลังจิตอย่างมากระหว่างกระบวนการใช้ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเอง’

‘ข้ายังไม่ชำนาญมันมากนัก หากล้มเหลว แม้จะไม่มีการแทรกแซงจากวังสวรรค์ ข้าก็ยังจะอ่อนแอลงอย่างมาก’

‘การหลบหนีไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นไปไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ข้าก็ยังถูกตรวจจับโดยวังสวรรค์และมันจะเป็นการเปิดเผยที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอีกด้วย นอกจากนั้นภาคเหนือยังอยู่ห่างไกลและต้องไม่ลืมว่ายังมีถ้ำสวรรค์นิรันดร’

อย่างไรก็ตามในไม่ช้าฟางหยวนก็พบวิธีแก้ปัญหา

นั่นคือการใช้ค่ายกลวิญญาณ

เขาต้องเปลี่ยนท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองให้เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะ

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

หลังจากทั้งหมดค่ายกลวิญญาณก็คือท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งค่ายกล

หากฟางหยวนมีค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง มันจะง่ายกว่า เขาจะใช้พลังงานอมตะและพลังจิตน้อยกว่าในการรักษามันไว้

นอกจากนี้คนอื่นๆก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ท่าไม้ตายอมตะชำระล้างตัวเองแต่สามารถใช้งานค่ายกลวิญญาณได้อย่างง่ายดาย

‘ข้าต้องเปลี่ยนท่าไม้ตายอมตะเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะ เพื่อทำสิ่งนี้ข้าต้องมีวิญญาณยันต์ค่ายกล วิญญาณธงค่ายกล หรือวิญญาณแผนภูมิค่ายกล มันจะดีมากหากมีวิญญาณอมตะ’

นิกายหลางหยามีวิญญาณยันต์ค่ายกลระดับอมตะ

พลังอำนาจของวิญญาณอมตะดวงนี้คือมันสามารถใช้ร่วมกับวิญญาณทุกประเภทเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะโดยที่ผู้อมตะไม่จำเป็นต้องมีความสำเร็จใดๆบนเส้นทางแห่งค่ายกล

สำหรับวิญญาณอมตะธงค่ายกล มันถูกใช้เพื่อจัดเก็บค่ายกลวิญญาณ ผู้อมตะสามารถเลือกใช้ค่ายกลวิญญาณที่ถูกจัดเก็บไว้ในวิญญาณดวงนี้ได้โดยตรง

ต่อมาคือวิญญาณอมตะแผนภูมิค่ายกล มันเป็นวิญญาณที่ใช้งานได้ครั้งเดียว

วิญญาณอมตะแผนภูมิค่ายกลจะบันทึกข้อมูลของค่ายกลวิญญาณ มันใช้งานได้เช่นเดียวกับวิญญาณอมตะยันต์ค่ายกลแต่มีข้อบกพร่องน้อยกว่า

นี่คือวิญญาณที่ฟางหยวนต้อง

…..

ทะเลทรายสั่นไหว

ทะเลทรายแห่งนี้จะเกิดแผ่นดินไหวตลอดเวลา

ลึกลงไปในทะเลทรายสั่นไหว ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกกระตุ้นการทำงานอย่างช้าๆ

ฮันหลี่เดินเข้าไปด้วยความกังวล เขาให้กำลังใจตนเอง “นี่เป็นการทดสอบสุดท้ายของด่านรับสืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งค่ายกลที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้อมตะเจิ้งหยวนซือ ฮันหลี่! เจ้าต้องทำได้!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท