นี่คือห้องโถงสีทองแดง
กลางห้องโถงมีโคมไฟโลหะตั้งอยู่
เปลวไฟที่อ่อนโยนส่องสว่างอยู่ในความมืด
ผู้ใช้วิญญาณหนุ่มร่างผอมยืนอยู่บนกระเบื้องที่มีเสาสีแดงขนาดใหญ่อยู่รอบๆ
ร่างของผู้ใช้วิญญาณหนุ่มถูกซ่อนอยู่ในความมืดครึ่งหนึ่ง
เขาก็คือฮันหลี่
หน้าผากของฮันหลี่ปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขาเต็มไปด้วยความกังวล
‘ข้ามั่นใจเกินไป!’
‘ผู้อาวุโสเจิ้งหยวนซืออาจเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ แต่คนเช่นข้ายังไม่มีคุณสมบัติรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเขา’
‘ข้ามาถึงจุดนี้โดยใช้พลังทั้งหมดแล้ว บางขั้นตอนข้าก็ผ่านมาด้วยโชค!’
ฮันหลี่ผ่านสิ่งต่างๆมามากมาย เขาเข้าใจถึงอันตรายของห้องโถงแห่งนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกหวาดกลัว
แท้จริงแล้วการสืบทอดมรดกของฝ่ายธรรมะมักไม่มีอันตราย มีเพียงมรดกของฝ่ายปีศาจที่เต็มไปด้วยกลอุบายที่ชั่วร้าย
แม้การทดสอบของผู้อมตะเจิ้งหยวนซือจะอันตราย แต่ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วงสำหรับผู้อมตะ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์เช่นฮันหลี่ มันอันตรายมาก
ฮันหลี่เป็นคนโชคดีและด้วยการเชื่อมโยงโชคกับฟางหยวน การบ่มเพาะของเขาจึงพุ่งทะยานขึ้นถึงระดับสี่อย่างรวดเร็ว
ความเร็วในการบ่มเพาะดังกล่าวโดยปราศจากความช่วยเหลือจากผู้อมตะหาได้ยากมาก
ฮันหลี่ยืนอยู่ตรงจุดนั้นและไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า เขาหันหลังกลับไปมองเส้นทางที่เขาเข้ามาและต้องการล่าถอย
มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะเจิ้งหยวนซือเกินความสามารถเขาเข้า แม้มันจะดึงดูดใจ แต่ฮันหลี่ตระหนักถึงความจริงแล้ว
เขาคิดก่อนจะเริ่มก้าวถอยหลัง
วินาทีต่อมาวิสัยทัศน์ของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป
‘ข้าไปข้างหน้างั้นหรือ?’
ฮันหลี่มองไปรอบๆด้วยใบหน้าซีดเผือด
เขาพบว่าตนเองก้าวไปข้างหน้ามากกว่าสิบก้าว
เขาเข้าใกล้โคมไฟโลหะมากขึ้น
ตราบเท่าที่เขาไปถึงที่นั่น ฮันหลี่จะสามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเจิ้งหยวนซือ
แต่ฮันหลี่ตัดสินใจล่าถอยแล้ว
ความก้าวหน้าของเขาเป็นเรื่องบังเอิญ เขาไม่ได้ตั้งใจทำมัน ความตั้งใจแท้จริงของเขาคือการหลบหนีออกจากสถานที่แห่งนี้แต่มันกลับกลายเป็นการก้าวไปข้างหน้า
เห็นได้ชัดว่าหากเขาเลือกที่จะเดินไปข้างหน้าหรือทิศทางอื่น ผลลัพธ์จะเป็นหายนะ
ฮันหลี่ในฐานะผู้บ่มเพาะสันโดษไม่มีรากฐานบนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาไม่รู้สิ่งใดเลย
เขามาที่นี่ได้เพียงเพราะความเฉลียวฉลาด การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว และโชคเท่านั้น
จากองค์ประกอบเหล่านี้ โชคมีส่วนสำคัญที่สุด
สิ่งนี้ทำให้ฮันหลี่รู้สึกไม่มั่นใจ
เพราะโชคไม่สามารถเชื่อถือ
‘เห้อ…ตอนนี้ข้ากำลังเดิมพันชีวิต…ดูเหมือนการไปทางขวาจะปลอดภัยกว่า’ ตอนนี้ฮันหลี่ทำได้เพียงพึ่งพาความรู้สึกเท่านั้น
แต่เมื่อเขาก้าวออกไป วิสัยทัศน์ของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ผลลัพธ์น่าตกใจมากเพราะเขายังก้าวไปข้างหน้าอีกหลายสิบก้าว
ตอนนี้โคมไฟโลหะอยู่ใกล้มาก ฮันหลี่แทบสามารถสัมผัสมันด้วยการยื่นมือออกไป
แน่นอนว่ายังมีระยะห่างอีกเล็กน้อย
ฮันหลี่ลังเล
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ เขารู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่ต้องสงสัย ท้ายที่สุดความสำเร็จก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
‘นี่ถูกต้องหรือไม่?’ ฮันหลี่ครุ่นคิดด้วยความยากลำบาก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ในการรับรู้ของเขา เขารู้สึกว่ามันผ่านไปเพียงชั่วครู่
การตัดสินใจที่ยากลำบากทำให้เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเขา แต่สุดท้ายเหตุผลก็เอาชนะความโลภ
‘คนผู้หนึ่งจะเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไปบนถนนแห่งการบ่มเพาะได้อย่างไร?’ ฮันหลี่สูดหายใจลึกและสงบจิตใจลง
เขาเริ่มหาทางหลบหนีอีกครั้ง
ห้องโถงแห่งนี้คือค่ายกลวิญญาณ ปัจจุบันฮันหลี่อยู่ที่จุดศูนย์กลางของมัน
อย่างไรก็ตามเส้นทางล่าถอยเห็นได้ชัดเจนมากในเวลานี้
กระทั่งฮันหลี่ก็ยังสามารถบอกได้
ฮันหลี่ตัดสินใจก้าวไปยังทิศทางนั้น
‘ข้าหวังว่ามันจะเป็นการเดินทางที่ราบรื่น’ ฮันหลี่คิดขณะที่วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เขาตกใจมากเมื่อพบว่าเขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าโคมไฟโลหะ!
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฮันหลี่ไม่เข้าใจ
เสียงแก่ชราดังขึ้นในใจของฮันหลี่ “ไม่เลว ไม่เลว เจ้าโชคดีมาก เจ้าสามารถผ่านอุปสรรคมาถึงที่นี่ นี่แสดงว่าเจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงนี้”
ฮันหลี่ตกตะลึง “ข้า…ข้าจะได้รับมันจริงๆงั้นหรือ!?”
เสียงสายเดิมดังขึ้นอีกครั้ง “ฮ่าฮ่า นี่คือความตั้งใจของเจิ้งหยวนซือ เมื่อเขาสร้างค่ายกลวิญญาณนี้ ทุกการตัดสินใจที่จะเข้าใกล้โคมไฟโลหะจะเป็นเส้นทางที่ผิด มีเพียงผู้อมตะที่มีสติปัญญาและมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลอันลึกซึ้งเท่านั้นที่จะเข้าใจสิ่งนี้ ทางเดียวที่จะก้าวไปข้างหน้าคือการถอยหลัง แต่บางคนที่รู้ว่าเมื่อใดควรถอย พวกเขาก็มีโอกาสรับมรดกที่แท้จริงเนื่องจากความฉลาดของพวกเขาเช่นกัน”
ฮันหลี่เข้าใจในที่สุด “นี่หมายความว่าข้าเป็นประเภทที่สอง แล้วท่านไม่ใช่เจตจำนงของผู้อาวุโสเจิ้งหยวนซือเช่นนั้นหรือ?”
“ไม่อย่างแน่นอน ข้าคือจิตวิญญาณค่ายกล ข้าถูกสร้างขึ้นโดยท่านเจิ้งหยวนซื่อ ไม่มีผู้ใดรู้จักข้า” เสียงสายเดิมยังกล่าวต่อ
ฮันหลี่ไม่เข้าใจ “จิตวิญญาณค่ายกล?”
“เจ้าไม่เข้าใจงั้นหรือ? แดนศักดิ์สิทธิ์มีจิตวิญญาณแผ่นดิน ถ้ำสวรรค์มีจิตวิญญาณสวรรค์ ค่ายกลวิญญาณอมตะก็สามารถมีจิตวิญญาณค่ายกล หือ? เหตุใดเจ้าถึงเป็นผู้ใช้วิญญาณ? เจ้าไม่ใช่ผู้อมตะงั้นหรือ!?” จิตวิญญาณค่ายกลอุทานออกมาอย่างกะทันหัน
“ขอโทษด้วย ข้ามาที่นี่โดยบังเอิญ หากข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะรับสืบทอดมรดกนี้ ข้าจะออกไปได้หรือไม่?” ฮันหลี่ยิ้มเจื่อน
จิตวิญญาณค่ายกลกล่าวเสียงดัง “นี่มันแย่มาก! ท่านเจิ้งหยวนซือวางแผนที่จะมอบมรดกให้ผู้อมตะ แต่เจ้าไม่มีพลังงานอมตะ เจ้าไม่สามารถกดขี่สัตว์อสูรแรกกำเนิดภูตราชสีห์ เมื่อเจ้าได้รับมรดกที่แท้จริง ค่ายกลวิญญาณนี้จะพังทลายลง แต่เจ้าไม่สามารถกำหราบภูตราชสีห์ตัวนี้ หนี? ไม่ เจ้าไม่สามารถหลบหนี เจ้าจบแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าเจ้านายคนใหม่ของข้าที่พึ่งได้รับมรดกที่แท้จริงกำลังจะตายเช่นนี้!”
“ไม่ ต้องมีทาง!” ฮันหลี่ไม่ต้องการยอมแพ้
“ไม่มีความหวัง ความแข็งแกร่งแตกต่างกันมากเกินไป เห้อ…” จิตวิญญาณค่ายกลมองโลกในแง่ร้ายมาก
เช่นเดียวกับที่มันกล่าว ค่ายกลวิญญาณเริ่มแยกออกจากกัน ห้องโถงเริ่มสูญสลายไป
สภาพแวดล้อมที่แท้จริงของมันเผยตัวออกมา
ที่นี่คือหลุมขนาดใหญ่ใต้ทะเลทราย
ทรายจำนวนมากเริ่มตกลงมา โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากค่ายกลวิญญาณอมตะ ถ้ำแห่งนี้เริ่มพังทลายลง
ไม่มีเส้นทางหลบหนีสำหรับฮันหลี่
ด้านหน้าเขามีภูตราชสีห์ตัวใหญ่โตนอนอยู่บนพื้น
ตอนนี้มันกำลังหลับ หากเขาเป็นผู้อมตะ เขาจะสามารถกำหราบมันได้ด้วยแผนการที่จัดเตรียมไว้โดยเจิ้งหยวนซือ แม้เขาจะไม่สามารถกำหราบมัน แต่เขาก็ยังสามารถทำให้มันนอนหลับต่อไป
กล่าวได้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งในบททดสอบของเจิ้งหยวนซือ
ภูตราชสีห์เป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด หากผู้สืบทอดมีความแข็งแกร่งเพียงพอ พวกเขาจะสามารถควบคุมภูตราชสีห์ตัวนี้
แต่ฮันหลี่ไม่ใช่
ไม่เพียงเท่านั้น เขากระทั่งอาจจะถูกมันกินเป็นอาหาร
ทรายยังร่วงหล่นลงมาตลอดเวลา ทรายที่ตกลงบนร่างกายของภูตราชสีห์ปลุกมันให้ตื่นขึ้น
ฮันหลี่โจมตีอย่างดุเดือด แต่ท่าไม้ตายของเขาราวกับสายลมอ่อนที่พัดไปยังภูตราชสีห์และไม่มีอันตรายต่อมัน
ภูตราชสีห์กระโจนร่างออกมาข้างหน้าและอ้าปากกลืนร่างของฮันหลี่เข้าไปในครั้งเดียว