เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1416

ตอนที่ 1416

ฟางหยวนไม่สามารถบังคับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

แม้เขาจะต้องการสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองแต่ปราศจากวิญญาณอมตะที่สำคัญเขาก็ไม่สามารถทำได้

‘นอกจากนั้นข้ายังต้องหยิบยืมพลังของนิกายหลางหยาเพื่อหลอมรวมวิญญาณ’

ฟางหยวนได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง แต่เขายังขาดวิญญาณอมตะ เขามีแผนการที่จะหลอมรวมวิญญาณอมตะอีกมากมาย

หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธ แล้วเขาจะทำอย่างไร?

ฟางหยวนต้องพิจารณาถึงปัญหานี้

เขามักจะทำสิ่งต่างๆโดยคำนึงถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก่อนเสมอ

‘หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธที่จะให้ยืมวิญญาณอมตะยันต์ค่ายกล ข้าต้องใช้มิติช่องว่างของผู้อื่น’

ฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมาก มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะเข้าไปในมิติช่องว่างของสมาชิกนิกายเงาคนอื่นๆ

เว้นเพียงพวกเขาจะวางมิติช่องว่างลงเพื่อสร้างสมดุลเท่านั้น

หลังจากฟางหยวนเข้าสู่มิติช่องว่างของอีกคน เขาจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเร่งเวลาของที่นั่น

ด้วยวิธีนี้หนึ่งวันของโลกภายนอกก็อาจเท่ากับหนึ่งเดือนในมิติช่องว่าง

สิ่งนี้จะช่วยให้เขาได้รับเวลาอันมีค่าในการทำงาน

เขาจะสามารถชำระล้างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลทั้งหมด

นี่คือแผนการของฟางหยวนในกรณีที่เขาไม่มีทางเลือกอื่น

แต่วิธีนี้มีข้อบกพร่องร้ายแรงเช่นกัน

หลังจากวางมิติช่องว่างลง พวกเขาต้องหยุดเดินทางขณะที่วังสวรรค์กำลังไล่ล่าพวกเขา มีความเป็นไปได้สูงมากที่ศัตรูจะมีวิธีทะลวงเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์

นอกจากนั้นหากฟางหยวนปรับเปลี่ยนเวลาในมิติช่องว่างบ่อยเกินไป สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในมิติช่องว่างของพวกเขาจะเกิดความปั่นป่วนและจะทำให้เวลาในมิติช่องว่างของพวกเขาหยุดเดิน

จากการคำนวณ ฟางหยวนตระหนักว่าหากเขาใช้วิธีนี้กับผู้ใด คนผู้นั้นจะพบภัยพิบัติทันที

นี่เป็นเรื่องยากลำบาก

เจตจำนงสวรรค์พยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารฟางหยวน

แม้ฟางหยวนจะใช้มิติช่องว่างของอีกคน แต่เจตจำนงสวรรค์ก็ยังมองเห็นทุกอย่างและสามารถจัดการฟาหงยวนในภัยพิบัติ มันจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อสังหารผู้อมตะที่ฟางหยวนเลือกระหว่างภัยพิบัติอย่างแน่นอน

ฟางหยวนและคนอื่นๆสามารถร่วมมือกันต่อต้านภัยพิบัติ

แต่วังสวรรค์กำลังไล่ล่าพวกเขา

เมื่อพิจารณาจากเวลาและความเร็ว วิธีการวางมิติช่องว่างลงเพื่อกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลมีความเสี่ยงสูงมาก พวกเขาต้องต่อสู้กับภัยพิบัติและยังต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะจากวังสวรรค์ในเวลาเดียวกัน

มันเสี่ยงเกินไป

หากฟางหยวนใช้มิติช่องว่างจักรพรรดิ มันจะยิ่งอันตราย

ฟางหยวนมีความกังวลข้อหนึ่ง ‘ก่อนหน้านี้มีเพียงฟงจิวเก้อที่ไล่ล่าพวกเรา ข้าสงสัยว่าผู้อมตะจากวังสวรรค์จะปรากฏตัวขึ้นกี่คนในครั้งต่อไป!?’

ดังนั้นในช่วงเวลานี้ฟางหยวนจึงต้องเดินทางอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่เปิดโอกาสให้วังสวรรค์ปิดล้อมพวกเขา

ทะเลทรายตะวันตกใหญ่โตมาก วังสรรค์ต้องเข้าสู่ภูมิภาคอื่น ขณะเดียวกันฟางหยวนก็สามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเคลื่อนย้ายสถานที่ มันเป็นเรื่องยากที่ฝ่ายตรงข้ามจะค้นหาและฆ่าพวกเขา

เมื่อถึงเวลาที่กำหนด หลายร่างก็บินเข้ามาหาฟางหยวน

พวกเขาก็คือไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน และคนอื่นๆ

โดยปกติแล้วเมื่อฟางหยวนอนุมาน พวกเขาจะกระจายตัวออกไปเพื่อเฝ้าระวังสภาพแวดล้อม

“ฟางหยวน เมื่อใดค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองจะเสร็จสมบูรณ์? เราต้องวิ่งต่อไปอีกนานเท่าใด?” ไป่หนิงปิงบินลงมาและขมวดคิ้วถาม

ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องมองไปรอบๆ เขารู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังมองมาที่เขาด้วยคำถามเดียวกัน

“รออีกหน่อย” ฟางหยวนกล่าว

ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็นด้วยความไม่พอใจ

นางเป็นคนใจร้อนที่สุดในกลุ่ม วิถีชีวิตเช่นนี้ไม่น่าตื่นเต้น นางรู้สึกเบื่อหน่าย

“เจ้าไม่จำเป็นต้องสร้างค่ายกลวิญญาณนั้น เพียงจัดตั้งค่ายกลวิญญาณล่อลวงศัตรูและสังหารพวกเขาให้หมด!” ไป่หนิงปิงแนะนำ

ฟางหยวนส่ายศีรษะ “เจ้าคิดว่ามันง่ายงั้นหรือ? เราจะหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลามากมายมาจากที่ใด?”

ค่ายกลวิญญาณที่เคยทำร้ายฟงจิวเก้อก่อนหน้านี้มาจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

ไห่ฟานสร้างค่ายกลวิญญาณนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันสัตว์อสูรแรกกำเนิด

เนื่องจากวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำจะดึงดูดอสูรปีแรกกำเนิดให้เข้าสู่มิติช่องว่างของผู้อมตะผ่านสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นไห่ฟานจึงต้องใช้ค่ายกลวิญญาณนี้เพื่อบังคับให้อสูรปีแรกกำเนิดกลับไปในสายธารแห่งกาลเวลา

แน่นอนว่าวิธีนี้เป็นไพ่ตายที่สามารถใช้ในเวลาที่ไม่มีทางเลือกอื่นเท่านั้น

ด้วยการทำลายสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา เวลาในมิติช่องว่างจะหยุดนิ่ง มันเป็นเรื่องยากที่จะดึงสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเข้าไปอีกครั้ง

“ข้ารู้สึกเช่นเดียวกัน ข้าไม่ชอบการถูกตามล่า”

“แต่ข้าจะรวบรวมความเกลียดชังเอาไว้ในใจเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการตอบโต้และจัดการคนเหล่านั้นอย่างรุนแรง”

“นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการมิใช่หรือ? ความตื่นเต้นในอนาคต”

“ฮืม!” ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็นอีกครั้งและหยุดกล่าว

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว” ฟางหยวนพึ่งกล่าวจบเมื่อการแสดงออกของไป่หนิงปิงและคนอื่นๆเปลี่ยนไป

บนท้องฟ้า เมฆสีแดงลอยลงมา

นางรำหงหยุน!

นางมองมาที่ฟางหยวนและคนอื่นๆที่อยู่บนเนินทราย

“สนมซุ้ย พวกเขาคือผู้ใด? เหตุใดเจ้าถึงอยู่กับพวกเขา?” นางรำหงหยุนถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ

สนมซุ้ยก็คือเทพธิดาซุ้ยป๋อ

“หงหยุน?” อิงอู๋เซี่ยรู้สึกประหลาดใจก่อนที่นางจะเปิดปากถามด้วยการแสดงออกที่สนุกสนาน “เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”

เมฆสีแดงเคลื่อนลงมาอย่างช้าๆขณะที่นางรำหงหยุนเฝ้ามองเทพธิดาซุ้ยป๋อผู้นี้

อิงอู๋เซี่ยใช้ร่างกายของเทพธิดาซุ้ยป๋อโดยการสลับวิญญาณ เป็นธรรมดาที่มันจะมีข้อบกพร่องบางอย่าง

หากเป็นผู้อมตะทั่วไป นางรำหงหยุนอาจเห็นข้อบกพร่อง แต่นี่คืออิงอู๋เซี่ย

แล้วอิงอู๋เซี่ยคือผู้ใด?

เขาคือร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาเหนือกว่าฟางหยวนหลายเท่า

เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เขามีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน ร่างแยกเหล่านี้แฝงตัวอยู่ในห้าภูมิภาคได้อย่างไร้ข้อบกพร่อง แน่นอนว่าอิงอู๋เซี่ยต้องมีวิธีปกปิดร่องรอยของตนเอง

ดังคาดหลังจากนางรำหงหยุนใช้วิธีตรวจสอบของนาง นางไม่พบสิ่งผิดปกติกับเทพธิดาซุ้ยป๋อผู้นี้

การแสดงออกของนางดูอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย “เจ้ากำลังมีปัญหา ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของเจ้าได้รับผลกระทบ ข้ากับสามีเป็นห่วงเจ้า ดังนั้นข้าจึงออกมาช่วยเจ้า แต่ดูเหมือนเจ้าจะสบายดี”

นางรำหงหยุนถามอีกครั้ง “พวกเขาคือผู้ใด? หือ เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับพวกเขา?”

นางรำหงหยุนมองไปที่ฟางหยวน

ทันใดนั้นการแสดงออกของนางก็เปลี่ยนแปลงไป นางตกใจมาก “หลิวกวนซื่อ?”

นางรำหงหยุนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะได้รับข้อมูลมากกว่าผู้อมตะทั่วไป

และตอนนี้ฟางหยวนก็อยู่ในร่างที่แท้จริงของเขา

“เป็นข้า” ฟางหยวนตอบอย่างเย็นชาและสงบนิ่ง

นางรำหงหยุนถอยห่างออกไปเล็กน้อย

เผชิญหน้ากับหลิวกวนซือ นางรู้สึกถึงแรงกดดัน

นี่คือคนที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด!

ไม่นานมานี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วโลก สถานะของเขาเท่าเทียมกับฟงจิวเก้อ

‘โชคดีที่ข้ามีเจตจำนงของสามีและวิญญาณอมตะระดับแปด มิฉะนั้น…’ นางรำหงหยุนรู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

นางกล่าว “สนมซุ้ย เจ้าทำให้สามีและข้ากังวล เจ้ารวมกลุ่มกับผู้อมตะจากภูมิภาคอื่น นอกจากนั้นเจ้ายังไม่แม้แต่จะส่งข่าวถึงพวกเรา!”

นางรำหงหยุนมีเป้าหมายของนางเอง นางกล่าวเรื่องนี้เพื่อสร้างความบาดหมางระหว่างบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและเทพธิดาซุ้ยป๋อ

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงชื่นชอบเทพธิดาซุ้ยป๋อมากที่สุด แน่นอนว่านางรำหงยุนอิจฉามาก ดังนั้นนางจะไม่ทิ้งโอกาสที่จะโจมตีเทพธิดาซุ้ยป๋อ

นางกล่าวกับอิงอู๋เซี่ยแต่แท้จริงแล้วเป้าหมายของนางคือเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

สายตาของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้มขณะที่ไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลันมองหน้ากัน

คำกล่าวของนางรำหงหยุนชัดเจนว่านางไม่สนใจหลิวกวนซือ ความมั่นใจของนางย่อมมาจากพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังนาง

ฟางหยวน ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลันเข้าใจเรื่องนี้ แต่อิงอู๋เซี่ย เทพธิดาเมี่ยวหยิน และเทพธิดากระต่ายขาวไม่ตระหนักถึง

“เอาล่ะ เล่าเรื่องของเจ้ามา ซุ้ยป๋อ ข้าอยากรู้มาก” เป็นเพียงเวลานี้ที่เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงออกมาจากร่างของนางรำหงหยุน

‘นางมีไพ่ตาย’ อิงอู๋เซี่ยคิด

‘นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ มาดูกันว่าอิงอู๋เซี่ยจะผ่านมันไปได้อย่างไร?’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆกังวลเล็กน้อย

อิงอู๋เซี่ยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ในความเป็นจริงเขายังเด็ก ทักษะการแสดงของเขาด้อยกว่าฟางหยวน มันเป็นเรื่องยากที่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะไม่รู้สึกถึงข้อบกพร่องบางอย่างจากการแสดงของอิงอู๋เซี่ย

แล้วเขาจะทำได้หรือไม่?

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท