เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1417

ตอนที่ 1417

“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…” เมื่อเวลาผ่านไป เทพธิดาซุ้ยป๋อก็อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนาง

ตามที่นางบอก นางพยายามค้นหามรดกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแต่นางบังเอิญพบผู้อมตะของวังสวรรค์

ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้ว่านางเป็นสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

เทพธิดาซุ้ยป๋อใช้ชื่อของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงข่มขู่ แต่นั่นยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้กับพวกเขา

ในการต่อสู้ เทพธิดาซุ้ยป๋อเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

โชคดีที่นางได้พบกับหลิวกวนซื่อและคนอื่นๆ

ปรากฏว่าวังสวรรค์กำลังไล่ล่าหลิวกวนซื่อ

ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร หลิวกวนซื่อช่วยเทพธิดาซุ้ยป๋อและหลบหนีมาพร้อมกัน

แต่เนื่องจากพวกเขาถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของวังสวรรค์ พวกเขาจึงไม่สามารถแยกทางเนื่องจากศัตรูจะสามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

โดยสรุปแล้วอิงอู๋เซี่ยสามารถอธิบายรายละเอียดได้อย่างไร้ที่ติ คำกล่าวของเขาแทบจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาประสบกับสถานการณ์นี้มาจริงๆ

ในความเป็นจริงตั้งแต่ฟางหยวนและคนอื่นๆจับตัวเทพธิดาซุ้ยป๋อ พวกเขาก็วางแผนไว้แล้ว

คำอธิบายของอิงอู๋เซี่ยเป็นการผสมผสานระหว่างความจริงและคำลวง ฟางหยวนและคนอื่นๆถูกเปลี่ยนสถานะจากศัตรูเป็นมิตร ในขณะที่ฟงจิวเก้อที่ปรากฏตัวขึ้นในคำอธิบายเหล่านี้ก็สมจริงมาก

มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ปัญหาเดียวคือเทพธิดาซุ้ยป๋อสูญเสียวิญญาณอมตะทั้งหมดและวิญญาณระดับมนุษย์ส่วนใหญ่ของนางในการต่อสู้

เรื่องนี้บังเอิญเกินไป

แต่ไม่มีทางเลือก

หากบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงต้องการให้อิงอู๋เซี่ยแสดงวิญญาณอมตะของเทพธิดาซุ้ยป๋ออกมาเพื่อเป็นการพิสูจน์ นั่นจะกลายเป็นหายนะ

ท้ายที่สุดวิญญาณของเทพธิดาซุ้ยป๋อก็เต็มไปด้วยเจตจำนงของนาง อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถใช้งานพวกมัน

ในความเป็นจริงตั้งแต่เทพธิดาซุ้ยป๋อถูกจับโดยไป่หนิงปิง นางก็ระเบิดทำลายวิญญาณอมตะทั้งหมดของนางไปแล้ว

ไม่เหลือทรัพยากรทิ้งไว้ให้ศัตรู!

ดังนั้นฟางหยวนและคนอื่นๆจึงต้องกล่าวเช่นนี้เพื่อชดเชยข้อบกพร่องดังกล่าว

นางรำหงหยุนตกใจมากกับเรื่องนี้

นางมองเทพธิดาซุ้ยป๋อโดยไม่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะพบอันตรายที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้

และความจริงก็คือกระทั่งไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน และคนอื่นๆก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

การแสดงของอิงอู๋เซี่ยยอดเยี่ยมมาก เขาไม่มีข้อบกพร่อง มันดูธรรมชาติและสมจริงอย่างไม่น่าเชื่อ

‘อิงอู๋เซี่ยได้รับทักษะนี้มาตั้งแต่เมื่อใด?’ ไห่ลั่วหลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

มีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่ไม่แปลกใจกับทักษะการแสดงของอิงอู๋เซี่ย

เหตุผลเป็นเพราะเขาให้อิงอู๋เซี่ยยืมวิญญาณทัศนคติ ด้วยวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ การแสดงของอิงอู๋เซี่ยจึงดูเป็นธรรมชาติมาก

โดยเฉพาะเมื่อเขาแสดงต่อหน้าผู้อมตะระดับเจ็ดและเจตจำนงของผู้อมตะระดับแปด

หากบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงมาด้วยตัวเอง มันอาจมีปัญหา แต่อิงอู๋เซี่ยสามารถจัดการเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้อย่างสมบูรณ์

ประสบความสำเร็จ!

ไม่ว่าจะเป็นนางรำหงหยุนหรือเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ทั้งสองไม่สงสัยในคำกล่าวของอิงอู๋เซี่ย

ฟางหยวนเห็นสิ่งนี้และเริ่มกล่าว “บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและเทพธิดาหงหยุน ผู้อมตะจากวังสวรรค์กำลังไล่ล่าพวกเรา แต่เทพธิดาซุ้ยป๋อได้รับความช่วยเหลือจากพวกเรา นั่นเป็นเรื่องจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธ”

เขากล่าวด้วยความหยิ่งยโส กระทั่งต่อหน้าผู้อมตะระดับแปด เขาก็ไม่เกรงกลัว

ฟางหยวนไม่มีวิญญาณทัศนคิตแต่ทักษะการแสดงของเขายอดเยี่ยมมาก เขาสามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย

เขาทำให้เทพธิดาซุ้ยป๋อตายแต่เขากลับแสดงตัวเป็นผู้มีพระคุณต่อนาง

นี่เป็นเรื่องไร้ยางอาย แต่ฟางหยวนทำตัวราวกับมันเป็นเรื่องจริง

เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเงียบ

แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ชื่อเสียงของหลิวกวนซื่อทำให้เขาสามารถพูดคุยได้อย่างเท่าเทียมกับเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

หากบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงมาด้วยตนเอง ฟางหยวนอาจไม่สามารถกล่าวในลักษณะนี้

แต่เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและตัวบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน

หลังจากคิด เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงเปิดปากกล่าว “เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นรางวัล?”

ริมฝีปากของฟางหยวนโค้งงอขึ้น

เขายิ้ม

รอยยิ้มที่สดใสราวกับดวงตะวันของเขาทำให้นางรำหงหยุนกลายเป็นมึนงง เขาหล่อมาก!

‘ข้าไม่ต้องการรางวัล แต่ข้ามีข้อเสนอ” ฟางหยวนกล่าว

“มันคือสิ่งใด?”

“พันธมิตร” ฟางหยวนกล่าว

“พันธมิตร?” เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเงียบลงอีกครั้ง

ฟางหยวนกระตุ้น “บรรพชนพันเปลี่ยนแปลง ท่านได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง ท่านถูกจับตามองโดยวังสวรรค์ ทัศนคติที่พวกเขามีต่อท่านสามารถบอกได้จากการโจมตีเทพธิดาซุ้ยป๋อ”

“เพราะเกราะหวนคืน ข้าจึงถูกวังสวรรค์ไล่ล่ามาจนถึงที่นี่ เรามีศัตรูร่วมกัน นั่นคือวังสวรรค์”

“การช่วยเหลือซึ่งกันและกันคือการช่วยเหลือตนเองถูกต้องหรือไม่?”

“ข้ามีวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่มีประสิทธิภาพ ข้าสามารถชะลอเวลาในมิติช่องว่างของท่านเพื่อผลักภัยพิบัติออกไป”

“นอกจากนี้ข้ายังมีมรดกบนเส้นทางแห่งโชค หม่าหงหยุนเสียชีวิตในมือของข้า ข้าได้รับมรดกโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดส่วนหนึ่งของเขา นี่เป็นมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด”

“สามี?” นางรำรู้สึกประทับใจอย่างมากกับลิ้นสองแฉกของฟางหยวน

“สามี ข้าคิดว่าเราสามารถสร้างพันธมิตร” อิงอู๋เซี่ยพยายามโน้มน้าวเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

ในที่สุดเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก็เปิดปากกล่าว แต่สิ่งที่เขากล่าวคือ

“เราสามารถเป็นพันธมิตร”

“แต่ความร่วมมือของเราต้องค่อยเป็นค่อยไป”

“หลิวกวนซื่อ เจ้าต้องการใช้ข้าจัดการผู้อมตะจากวังสวรรค์ แล้วเหตุใดเจ้าไม่บอกแผนการของเจ้า?”

“เราสามารถร่วมมือกันอย่างช้าๆ หากมันเป็นไปได้ด้วยดี ข้าสามารถออกไปปิดกั้นผู้อมตะจากวังสวรรค์ให้เจ้า หากความร่วมมือของเราไม่น่าพอใจ ข้าต้องขอดูความจริงใจของเจ้าก่อนที่เราจะร่วมงานกันต่อไป”

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาไม่ใช่ตัวตนที่จะหลอกลวงได้โดยง่าย

เขาเป็นนักวางแผนเช่นกัน เขาพยายามเปิดเผยแผนการของฟางหยวนและยังใช้แรงกดดันจากวังสวรรค์เพื่อบังคับให้ฟางหยวนสละผลประโยชน์บางอย่าง

“ความจริงใจ?” ฟางหยวนยิ้ม “มันควรเป็นความจริงใจจากทั้งสองฝ่าย เราช่วยเทพธิดาซุ้ยป๋อ นั่นคือการแสดงความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา แล้วความจริงใจของท่านคือสิ่งใด?”

ฟางหยวนหลีกเลี่ยงหัวข้อเกี่ยวกับวังสวรรค์และใช้คำกล่าวของเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงตอบโต้กลับไป

เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงคิดก่อนกล่าว “เราสามารถทดลองการร่วมมือกันก่อนเช่นการทำธุรกรรม เจ้าต้องการสิ่งใด ข้าจะพยายามเติมเต็มความพึงพอใจของเจ้า”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท