เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1419

ตอนที่ 1419

“เอาล่ะ ช่วยอิงอู๋เซี่ยก่อน ไห่ลั่วหลัน ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” ฟางหยวนออกคำสั่ง

ไห่ลั่วหลันพยักหน้า ดวงวิญญาณของนางออกจากร่างและเข้าสู่มิติช่องว่างของฟางหยวนขณะที่ร่างของนางลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับเขยื้อน

ในไม่ช้ากายาแห่งความฝันก็บินออกมา

มันคือไห่ลั่วหลัน!

ไห่ลั่วหลันบินเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันและดึงร่างของอิงอู๋เซี่ยออกมาอย่างรวดเร็ว

อิงอู๋เซี่ยยังไม่ตื่น

แม้ร่างของเขาจะออกมาแล้ว แต่ดวงวิญญาณของเขายังติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

ฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน แต่หากเขาใช้มัน เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและนางรำหงหยุนจะตื่นขึ้นเช่นกัน

ในปัจจุบันฟางหยวนยังไม่สามารถควบคุมบางส่วนอาณาจักรแห่งความฝัน

โดยรวมแล้วมีความเสี่ยงสูงมาก

ฟางหยวนมีกายาแห่งความฝัน ดังนั้นเขาจึงเลือกวิธีนี้

กายาแห่งความฝันถูกสร้างขึ้นโดยม่านเยี่ยนซื่อ มันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความฝัน แต่มันมีข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ นั่นคืออายุขัย เมื่อถึงเวลา มันจะระเบิดตัวเองและกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน

อย่างไรก็ตามกายาแห่งความฝันมีข้อได้เปรียบเช่นกัน

ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือมันสามารถเข้าและออกจากอาณาจักรแห่งความฝันได้อย่างง่ายดาย ดวงวิญญาณของมันจะได้รับการปกป้องและไม่สูญสลายไปในอาณาจักรแห่งความฝัน

ย้อนกลับไปในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ ไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง และคนอื่นๆหลบหนีเข้าไปในมิติช่องว่างของกายาแห่งความฝันก่อนที่พวกมันจะเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย

หลังจากวิกฤตผ่านพ้น พวกมันจะออกมาอย่างปลอดภัย

ฟางหยวนมองเห็นข้อได้เปรียบนี้และรู้สึกประทับใจ

ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้

หลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันกับอิงอู๋เซี่ย เขาตื่นขึ้น อาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณของเขาถูกรักษาโดยวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

ขั้นตอนต่อไปเป็นส่วนสำคัญ

หากทำได้ดี นอกจากฟางหยวนจะสามารถจับนางรำหงหยุน เขายังจะได้รับวิญญาณอมตะระดับแปดอีกด้วย

นางรำหงหยุนเป็นคนที่จัดการได้ง่ายที่สุดเพราะนางเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด

สิ่งที่ต้องกังวลคือเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและวิญญาณอมตะระดับแปด

เจตจำนงจะอ่อนแอลงเรื่อยๆในอาณาจักรแห่งความฝัน

ยิ่งคิดมากเท่าใด เจตจำนงก็ยิ่งหมดเร็วเท่านั้น

แต่ทันทีที่เจตจำนงออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน พวกมันจะสามารถฟื้นตัวขึ้น สิ่งนี้ไม่เหมือนดวงวิญญาณ

หากเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงสามารถออกมา มันจะใช้วิญญาณอมตะระดับแปดโจมตีกลุ่มของฟางหยวน

เมื่อเวลานั้นมาถึง ฟางหยวนและคนอื่นๆต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีระดับแปด

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือฟางหยวนและคนอื่นๆไม่รู้ว่าวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ทำสิ่งใดได้บ้าง พวกเขาไม่สามารถป้องกันโดยไม่เตรียมตัว

การรอให้เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงหมดลงก่อนที่จะลากนางรำหงหยุนออกมาเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางสายอื่นไม่ส่งผลกระทบต่ออาณาจักรแห่งความฝัน ไห่ลั่วหลันไม่สมารถตรวจสอบว่าเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงหมดลงหรือยัง

ในทางกลับกันท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันไม่มีผลต่อเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

หลังจากทั้งหมดเจตจำนงไม่ใช่ดวงวิญญาณ

ดังนั้นจุดสำคัญของแผนการนี้ก็คือเวลา

หากพวกเขารอสามถึงห้าปี เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะสูญสิ้นไปอย่างแน่นอน

แต่ถึงเวลานั้นร่างหลักบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงย่อมมาถึงแล้ว

ยังไม่ต้องกล่าวถึงหลายปี ตอนนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาไม่สามารถรอคอยแม้แต่สามวัน

ยิ่งนานก็ยิ่งอันตราย วังสวรรค์และเจตจำนงสวรรค์จะทำทุกอย่างเพื่อกำจัดพวกเขา

ดังนั้นแผนของฟางหยวนก็คือรอหนึ่งวัน นั่นคือขีดจำกัด

วันต่อมา ไห่ลั่วหลันจะนำร่างของนางรำหงหยุนออกจากอาณาจักรแห่งความฝันและตรวจสอบการคงอยู่ของเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

แน่นอนว่าวิธีนี้มีความเสี่ยง

ดังนั้นฟางหยวนและคนอื่นๆจึงต้องซ่อนตัวอยู่ห่างออกไป มีเพียงไห่ลั่วหลันเท่านั้นที่ยังอยู่

หากพวกเขาทำสำเร็จ ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอมตะระดับแปดดวงใหม่

คนอื่นๆต้องแบกรับความเสี่ยง มีเพียงฟางหยวนที่ได้รับผลประโยชน์ นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนต้องการ

‘ข้อกังวลเดียวของข้าคือวังสวรรค์หรือบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงมาที่นี่ในช่วงเวลานี้’ ฟางหยวนคิดกับตนเองขณะที่การแสดงออกของเทพธิดาเมี่ยวหยินเปลี่ยนแปลงไป

“ฟงจิวเก้ออยู่ที่นี่ เขากำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเราด้วยความเร็วสูง!” เทพธิดาเมี่ยวหยินแจ้งเตือน

“เขารอดจากสายธารแห่งกาลเวลามาได้จริงๆ!?” เทพธิดากระต่ายขาวกรีดร้องด้วยความตกใจ

“ในช่วงเวลานี้…” ไห่ลั่วหลันกัดฟันแน่น

ไป่หนิงปิงจ้องมองอย่างเย็นชา “หากเรารู้ตัวล่วงหน้า เราจะสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะก่อนหน้านี้ ฟงจิวเก้อจะได้ลิ้มรสพลังอำนาจของมัน”

“ลืมมันไปเถอะ” ฟางหยวนตัดสินใจเด็ดขาด “ฟงจิวเก้อได้รับการสนับสนุนจากวังสวรรค์ ไม่แปลกที่เขาจะสามารถหลบหนีจากสายธารแห่งกาลเวลา เราต้องไปเดี๋ยวนี้ ทิ้งอาณาจักรแห่งความฝันไว้ กระทั่งราชันมังกรจะมาที่นี่ด้วยตนเอง เขาก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด!”

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

กลุ่มของฟางหยวนหายตัวไปทันที

“แน่วแน่มาก” ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มชมเชยหลังจากมาถึง

ต่อมาสายตาของเขาก็มองไปยังอาณาจักรแห่งความฝัน “นี่คืออาณาจักรแห่งความฝันงั้นหรือ?”

โดยไม่จำเป็นต้องรายงาน เทพธิดาจื่อเว่ยสามารถมองเห็นสถานการณ์ปัจจุบัน

“เหตุใดอาณาจักรแห่งความฝันถึงมาอยู่ที่นี่?”

“เหตุผลคือสิ่งใด? ข้าเกรงว่านี่จะไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องตรวจสอบ”

ขณะที่นางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เทพธิดาจื่อเว่ยก็บอกตำแหน่งของฟางหยวนให้ฟงจิวเก้อรับรู้

ฟงจิวเก้อออกไล่ลาทันที

ฟางหยวนและคนอื่นๆรู้สึกถึงแรงกดดัน

พวกเขาตระหนักว่าฟงจิวเก้อกำลังไล่ตามพวกเขามาอย่างรวดเร็ว

“ฟงจิวเก้อเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะงั้นหรือ?”

“ด้วยความช่วยเหลือจากวังสวรรค์ มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้?”

“สิ่งสำคัญในเวลานี้คือนอกจากฟงจิวเก้อยังมีผู้ใดอีก”

ทั้งสองฝ่ายไล่ล่าและวิ่งหนีตลอดครึ่งวัน นี่ทำให้ฟางหยวนและคนอื่นๆต้องขมวดคิ้วลึก

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศไม่สามารถใช้งานได้อย่างไม่รู้จบสิ้น หลังจากทั้งหมดมันต้องใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของผู้อมตะ

หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป โดยยังไม่ต้องต่อสู้กับฟงจิวเก้อ พลังการต่อสู้ของพวกเขาก็จะลดลงอย่างมาก

แต่การต่อสู้กับฟงจิวเก้อเสี่ยงเกินไป

นอกจากฟงจิวเก้ออาจมีผู้อมตะระดับแปดคนอื่นซ่อนตัวอยู่ โอกาสที่ฟางหยวนจะได้รับชัยชนะมีน้อยมาก

“ฟงจิวเก้อเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ไม่สามารถเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา นอกจากนั้นมิติช่องว่างเทียมของวังสวรรค์ก็ไม่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิต เราไม่สามารถหลบหนีได้ตลอดไป แม้จะมีบางคนอยู่ด้านหลังฟงจิวเก้อ พวกเขาก็ถูกทิ้งไว้ไกลแล้ว” ไป่หนิงปิงกล่าว

นางต้องการต่อสู้

ฟางหยวนพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้น รอเขาอยู่ที่นี่ หากเราไม่โจมตีเขา สุดท้ายเขาก็จะตามทันในที่สุด”

ไป่หนิงปิงตะลึง นางเริ่มมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง

นางเข้าใจฟางหยวน โดยปราศจากค่ายกลวิญญาณอมตะ สถานที่ที่เขาเลือกเป็นสนามรบต้องพิเศษมาก

อย่างไรก็ตามก่อนที่ไป่หนิงปิงจะพบสิ่งใด เสียงพิณโบราณก็ดังขึ้น

ต่อมาแสงสีทองก็ปรากฏขึ้น

ฟงจิวเก้อเดินออกมาและเผชิญหน้ากับกลุ่มของฟางหยวนอีกครั้ง

“ทุกคน พบกันอีกแล้ว” ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มทักทาย

ไป่หนิงปิงแสดงออกอย่างไร้อารมณ์ขณะที่การแสดงออกของไห่ลั่วหลัน เทพธิดาเมี่ยวหยิน และเทพธิดากระต่ายขาวกลายเป็นมืดครึ้ม

ชื่อเสียงของคนผู้นี้สร้างแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ต่อพวกเขา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท