เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1421

ตอนที่ 1421

ฟงจิวเก้อได้รับการสนับสนุนจากวังสวรรค์ เขาไม่ขาดแคลนข้อมูล

นอกจากฟางหยวนยังมีไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน อิงอู๋เซี่ย นางเสือดำ และเทพธิดาเมี่ยวหยิน

ไป่หนิงปิงเป็นเทพธิดามังกรที่งดงาม นางมีอารมณ์รุนแรงที่สุดและน่าจะเป็นผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงไป่เซียง

ไห่ลั่วหลันมีดวงตาที่เฉียบคม แม้นางจะเป็นหญิง แต่นางเต็มไปด้วยความกล้าหาญ นางมีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงแต่ใช้วิธีการโจมตีบนเส้นทางแห่งไฟ

ตอนนี้อิงอู๋เซี่ยอยู่ในร่างของเทพธิดาซุ้ยป๋อ เขาสวมชุดสีเขียวและมีดวงตาที่เย้ายวน วิธีการต่อสู้ของเขาถูกปกปิดเอาไว้ ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงไม่สามารถจดจำเขาและยังสงสัยเล็กน้อย

นางเสือดำแสดงออกอย่างไร้ปรานี อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของนางหายเป็นปกติแล้ว นางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งความมืด นางดูเหมือนนักฆ่าที่เคลื่อนไหวไปรอบๆและรอโอกาสแก้แค้น

สำหรับเทพธิดาเมี่ยวหยิน นางแสดงทักษะเฉพาะตัวของนางออกมาแล้ว นางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงเช่นเดียวกับฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อใช้เพลงทางผ่านแสงหลบฟางหยวน ในเวลาเดียวกันเขากำลังประเมินฝ่ายตรงข้าม

เกราะหวนคืนของฟางหยวนไม่สามารถตอบโต้ แต่มีข้อดีก็มีข้อเสีย หากฟางหยวนต้องการรักษามันไว้ เขาจะไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ

กล่าวได้ว่าในเวลานี้พลังโจมตีของฟางหยวนค่อนข้างอ่อนแอขณะที่การป้องกันแข็งแกร่งมาก หากฟงจิวเก้อต้องการต่อสู้กับนิกายเงา เขาต้องกำจัดคนอื่นๆก่อน

นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด

แต่ผู้ใดที่ฟงจิวเก้อจะเลือกเป็นเป้าหมาย?

คำถามนี้อยู่ในใจของฟางหยวนและทุกคน

ฟงจิวเก้อไม่โง่แต่กลุ่มของฟางหยวนก็เช่นกัน พวกเขาสามารถคาดเดากลยุทธ์ของฝ่ายตรงข้าม

เกราะหวนคืนทรงพลังเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่วังสวรรค์จะคิดวิธีต่อต้านมันได้ในระยะเวลาสั้นๆ

มันเป็นเรื่องยากที่จะคิดวิธีทำลายท่าไม้ตายอมตะ

แต่การต่อต้านหรือบรรเทาเป็นเรื่องง่าย

อย่างไรก็ตามแม่น้ำหวนคืนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ มันมีพลังอำนาจเทียบเท่ากับวิญญาณอมตะระดับเก้า แล้วมันจะถูกทำลายหรือต่อต้านอย่างง่ายดายได้อย่างไร?

‘การบ่มเพาะของไห่ลั่วหลันต่ำที่สุด นางจะเป็นเป้าหมายของฟงจิวเก้อหรือไม่?’

‘ฟางหยวนไม่มีปัญหา แต่ศัตรูอาจกำหนดเป้าหมายไปที่เทพธิดาเมี่ยวหยิน ท้ายที่สุดทั้งสองก็บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงเช่นเดียวกัน ด้วยรากฐานอันลึกล้ำของฟงจิวเก้อ เขาต้องมีวิธีที่น่าเหลือเชื่อในการต่อสู้กับเทพธิดาเมี่ยวหยิน’

‘ก่อนหน้านี้เขาโจมตีเทพธิดากระต่ายขาว ตอนนี้เขาอาจโจมตีนางเสือดำในขณะที่นางยังบาดเจ็บอยู่’

‘แล้วไป่หนิงปิง? พลังการต่อสู้ของนางสูงที่สุด นางเป็นหอกที่แหลมคมและแข็งแกร่งที่สุด หากนางถูกโค้นล้ม ความได้เปรียบของฟงจิวเก้อจะเพิ่มขึ้นอีกมาก’

‘อิงอู๋เซี่ยอาจเป็นเป้าหมายได้เช่นกัน เขาใช้ร่างของเทพธิดาซุ้ยป๋อ ฟงจิวเก้อไม่คุ้นเคยกับเขามากที่สุด เขาอาจโจมตีเพื่อตรวจสอบ’

ความคิดทุกประเภทปะทุขึ้นในใจของฟางหยวนและคนอื่นๆ

หากพวกเขาสามารถคาดเดาเป้าหมายของฟงจิวเก้อ พวกเขาจะสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

แต่ฟงจิวเก้อจะเลือกผู้ใด?

ในเวลาต่อมาพวกเขาก็ได้รับคำตอบ

ฟงจิวเก้อใช้เพลงทางผ่านแสงเคลื่อนที่ไปยังใจกลางสนามรบ

ท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสงยังไม่หายไปแต่กลิ่นอายของมันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

ฟงจิวเก้อตะโกน “เหตุใดพวกเจ้าไม่ฟังเพลงหยกเขียวของข้า?”

ได้ยินเช่นนี้ทุกคนเร่งล่าถอย มีเพียงฟางหยวนที่หัวเราะและก้าวออกไปข้างหน้า “ฟงจิวเก้อ ในที่สุดเจ้าก็ใช้วิธีที่เหมาะสม”

“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง…”

เสียงดนตรีที่ฟังดูเหมือนไข่มุกตกลงบนจานหยกดังขึ้น

ฟางหยวนเพิกเฉยต่อมันและใช้เกราะหวนคืนสะท้อนพลังอำนาจของเพลงหยกเขียวส่วนหนึ่งกลับไปที่ฟงจิวเก้อ

แต่โดยไม่คาดคิด เพลงหยกเขียวของฟงจิวเก้อกลับอยู่ไม่นาน

ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ

ในเวลาต่อมาร่างที่คลุมเครือก็โผล่ออกมาจากร่างของฟงจิวเก้อ มันดูเหมือนฟงจิวเก้อที่สร้างขึ้นจากหยกเขียว

‘มันคือท่าไม้ตายใด?’ สมาชิกนิกายเงารู้สึกถึงภัยคุกคาม

‘นักรบเพลง!’ หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขาจำข้อมูลจากชีวิตแรกได้

นี่เป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลังของฟงจิวเก้อ มันเป็นการใช้บทเพลงทั้งเก้าของเขาเพื่อสร้างร่างแยกและโจมตีศัตรู

ในชีวิตแรกของฟางหยวน ฟงจิวเก้อใช้เพลงทั้งเก้าของเขาสร้างชื่อเสียง จุดอ่อนเดียวคือเขาสามารถใช้งานมันได้ครั้งละเพลงเท่านั้น พวกมันจะคงอยู่ได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ

หลังผ่านการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน ฟงจิวเก้อตระหนักถึงจุดอ่อนนี้ เขาปิดประตูฝึกตนและสามารถสร้างท่าไม้ตายนักรบเพลง ท่าไม้ตายนี้จะสร้างร่างแยกออกจากบทเพลงของเขาเพื่อต่อสู้กับศัตรู

‘มันคล้ายท่าไม้ตายหมื่นตัวตนและกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนของข้า’

‘ในชีวิตแรกของข้า เขาสามารถสร้างนักรบเพลงได้หลังจากห้าร้อยปี แต่เหตุใดตอนนี้เขาถึงสามารถใช้งานมัน?’

‘ไม่ ในชีวิตแรกของข้า นิกายเงาประสบความสำเร็จ ยุคที่ยิ่งใหญ่ถูกผลักออกไป บางทีฟงจิวเก้ออาจได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้?’

‘หรือบางทีเขาอาจสร้างนักรบเพลงได้เพราะความช่วยเหลือจากวังสวรรค์?’

ความคิดนับไม่ถ้วนปะทุขึ้นในหัวของฟางหยวน

นักรบเพลงหยกเขียวไม่ได้โจมตีฟางหยวนแต่มันพุ่งไปที่อิงอู๋เซี่ย

เปลือกตาของอิงอู๋เซี่ยกระตุก เขารีบล่าถอย เขาไม่ต้องการต่อสู้

ฟงจิวเก้อใช้เพลงทางผ่านแสงอีกครั้งเพื่อถอยห่างจากฟางหยวน

เพลงสวรรค์พิภพ!

นักรบเพลงสวรรค์พิภพพุ่งเข้าโจมตีไป่หนิงปิง

ไป่หนิงปิงตะโกน “เข้ามา!”

นางเผชิญหน้ากับนักรบเพลงสวรรค์พิภพขณะที่หิมะโปรยปรายลงมา

‘บัดซบ! สถานการณ์นี้ไม่สามารถดำเนินต่อไป!’

‘ไป่หนิงปิงและอิงอู๋เซี่ยถูกพัวพัน เราไม่สามารถปราบปรามฟงจิวเก้อ’

‘ดังนั้นเป้าหมายของฟงจิวเก้อจึงไม่ใช่คนใดคนหนึ่งแต่เป็นทุกคนยกเว้นฟางหยวน!’

หลังจากเข้าใจกลยุทธ์ของฟงจิวเก้อ สมาชิกนิกายเงาจึงตระหนักถึงอันตรายที่ยิ่งใหญ่

สถานการณ์เอนเอียงไปทางฟงจิวเก้อแต่พวกเขาไม่สามารถทำสิ่งใด

นี่เป็นเพราะฟงจิวเก้อสามารถใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม

ในความเป็นจริงนักรบเพลงมีจุดแข็งและจุดอ่อน พวกมันอาจมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่การโจมตีระยะไกลอาจทำให้พลังของนักรบเพลงอ่อนแอลง

แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฟงจิวเก้อไม่กังวล

ประการแรก ฝ่ายตรงข้ามไม่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

ประการที่สอง ฟงจิวเก้อไม่ต้องเผชิญหน้ากับสายธารแห่งกาลเวลา

ขณะไล่ล่ากลุ่มของฟางหยวน ฟงจิวเก้อพยายามทำให้แน่ใจว่าสมาชิกนิกายเงาจะไม่มีเวลาจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ

แม้เขาจะไม่สามารถใช้นักรบเพลงเอาชนะศัตรูทั้งหมด เขาก็ยังสามารถแยกกลุ่มฝ่ายตรงข้ามและป้องกันไม่ให้พวกเขาร่วมมือกัน

นี่คือการตัดสินใจด้วยประสบการณ์การต่อสู้ของทหารผ่านศึก

ฟงจิวเก้อมีประสบการณ์มากมายจากการต่อสู้

รวมกับความสามารถอันยิ่งใหญ่ของเขา การต่อสู้ครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับสมาชิกนิกายเงา

นอกจากเพลงหยกเขียวและเพลงสวรรค์พิภพ เขายังใช้นักรบเพลงยอมจำนนและเพลงแยก

“สารเลว!” ไห่ลั่วหลันกัดฟันแน่น นางถอยกลับและโจมตีจากระยะไกล แต่เมื่อวิหคเพลิงพิโรธเข้าใกล้นักรบเพลงหยกเขียว มันก็กลายเป็นวิหคหยกเขียวก่อนจะตกลงบนพื้นและแตกสลายไป

“ดาบน้ำแข็ง” ไป่หนิงปิงพึมพำและใช้ดาบน้ำแข็งขนาดใหญ่โจมตีนักรบเพลงยอมจำนน แต่ในช่วงเวลาสำคัญ นักรบเพลงแยกกลับพุ่งเข้ารับการโจมตีนี้

ดาบน้ำแข็งแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพลงแยกสามารถแยกทุกสิ่งรวมถึงท่าไม้ตายอมตะ

นักรบเพลงสวรรค์พิภพสามารถปราบปรามอิงอู๋เซี่ยและเทพธิดาเมี่ยวหยิน

ฟางหยวนรู้สึกหนักใจ

‘ฟงจิวเก้อต้องการสร้างเก้าบทเพลงเพื่ออธิบายถึงตัวตนของเขา ชีวิต และสวรรค์พิภพ เขาสร้างเพลงแยกสำเร็จแล้ว ตามข้อมูลในชีวิตแรกของข้า ตอนนี้เขามีเพลงอยู่เจ็ดเพลง’

ฟางหยวนได้สัมผัสกับพลังอำนาจของเพลงหยกเขียว เพลงสวรรค์พิภพ เพลงยอมจำนน และเพลงแยกแล้ว

อีกสองเพลงคือเพลงรับสมบัติและเพลงสู่สวรรค์ ทั้งสองใช้สนับสนุนการบ่มเพาะ

สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือเพลงสุดท้าย

‘เพลงนั้นไม่ง่ายที่จะควบคุม หากเขาล้มเหลว มันอาจถึงตาย แต่หากฟงจิวเก้อสามารถใช้มัน ความสูญเสียของเราจะรุนแรงมาก…’

ฟางหยวนกังวลแต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใด พลังโจมตีของเขาต่ำมาก เขาไม่สามารถกดดันฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อมีพลังการต่อสู้สูงมาก เขายังสามารถสร้างร่างแยกสี่ร่าง นี่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของเขาที่ไม่ด้อยกว่าฟางหยวน

หลังจากทั้งหมดเขาเป็นผู้อมตะมาหลายปีแล้ว

‘และนี่ยังเป็นการต่อสู้ในทะลทรายไร้เสียง พลังอำนาจของฟงจิวเก้อลดลงไปมากแล้ว แน่นอนว่าเทพธิดาเมี่ยวหยินก็เช่นกัน’

‘ข้าต้องเสี่ยง มิฉะนั้นหากเราพลาดโอกาสนี้ เราจะไม่มีโอกาสอีกในอนาคต’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

เขาหยุดใช้เกราะหวนคืน!

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล!

ฟางหยวนกลายเป็นมังกรดาบบรรพกาล แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาสและความแข็งแกร่ง หมื่นตัวตน!

นี่เป็นการหลอมรวมสองท่าไม้ตายให้เป็นหนึ่ง

หมื่นมังกร!

ทันใดนั้นมังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันคำรามและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ออกมา

‘ท่าไม้ตายนี้…มันคือท่าไม้ตายที่เขาใช้ทำลายค่ายกลวิญญาณอมตะของเราในทะเลตะวันออก!’ หัวใจของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้น

“ฟางหยวน” ไป่หนิงปิงพึมพำ ความรู้สึกพึ่งพาได้ปรากฏขึ้นในใจของนาง

“น่าประทับใจ” กระทั่งฟงจิวเก้อยังรู้สึกทึ่ง

วิสัยทัศน์ของเขาถูกปกคลุมไปด้วยมังกรดาบบรรพกาล นักรบเพลงทั้งสี่รวมถึงตัวฟงจิวเก้อเองราวกับจมอยู่ในมหาสมุทรแห่งมังกรดาบ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท