เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1420

ตอนที่ 1420

ฟงจิวเก้ออยู่ในชุดคลุมสีแดงขาวและกำลังเผยรอยยิ้มที่อบอุ่น เขาดูสง่างามมาก

เขาไม่ได้แสดงเจตนาสังหารใดๆออกมา แต่สมาชิกนิกายเงายังรู้สึกกดดันมาก

“ฟงจิวเก้อ…” ฟางหยวนเดินออกไปและพึมพำ

ฟางหยวนอยู่ในชุดคลุมขาว ใบหน้าของเขาบริสุทธิ์ราวกับหยก ดวงตามืดและลึกเกินหยั่งถึง เขาดูหล่อเหลามาก

เห็นเช่นนี้หัวใจของเทพธิดากระต่ายขาวเต้นแรงขึ้น นางคิด ‘คนที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนภายใต้ระดับแปดต้องต่อสู้กันในที่สุด!’

แม้ฟางหยวนและฟงจิวเก้อจะไม่ได้พบกันบ่อยครั้ง แต่พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกล้ำและยาวนาน

หลายปีก่อนฟางหยวนคว้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูมาจากฟงจินฮวง เขาจึงถูกสังเกตเห็นโดยฟงจิวเก้อ

แต่เวลานั้นฟางยวนยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ที่ไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจในสายตาของฟงจิวเก้อ

อย่างไรก็ตามผู้ใดจะคิดว่าเพียงไม่กี่ปี ฟางหยวนจะกลายเป็นผู้อมตะ เจ้าของวิญญาณกาลเวลา ผู้ทำลายวังแแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เขายังเข้าร่วมในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่แม่น้ำหวนคืน และแฝงตัวอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาทัดเทียมกับฟงจิวเก้อเรียบร้อยแล้ว

ฟางหยวนช่วยชีวิตฟงจิวเก้อ ฟงจิวเก้อช่วยเขาเป็นการตอบแทน หนี้ชีวิตถูกชำระคืน

ปัจจุบันทั้งสองกำลังจะต่อสู้กันด้วยพลังที่แท้จริงของแต่ละคน

“ฟงจิวเก้อ เจ้าไล่ล่าพวกเรามาจนถึงที่นี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้านำชีวิตของตนเองมามอบให้ข้า!?” ฟางหยวนหัวเราะคิกคักและพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้ออย่างกะทันหัน

ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน!

ฟงจิวเก้อมองฟางหยวน เขาเคยเห็นพลังอำนาจของท่าไม้ตายที่มีชื่อเสียงระดับโลกนี้มาแล้ว

เขาเดาว่าเกราะหวนคืนต้องเป็นท่าไม้ตายที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลานานมากในการกระตุ้นใช้งาน หากเขาลอบโจมตี ฟางหยวนจะไม่มีเวลาใช้ท่าไม้ตายนี้ขณะที่ฟงจิวเก้อจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ

แต่น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่เปิดโอกาสนั้นให้กับฟงจิวเก้อ

เมื่อเห็นการโจมตีของฟางหยวน ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มกว้าง

เขากล่าว “ข้าสามารถมาที่นี่เพราะท่าไม้ตายอมตะที่ข้าสร้างขึ้นเองและสิ่งสำคัญที่สุดก็คือเพลงทางผ่านแสงของข้ายังไม่จบ”

หลังกล่าวจบคำ เขาก็ปลดปล่อยแสงสีทองออกมา

แสงสีทองไม่มีพลังโจมตีแต่มันนำฟงจิวเก้อหายไปจากจุดนั้น

“อันใด!?” ในเวลาเดียวกันฟางหยวนก็ได้ยินเสียงพิณโบราณดังขึ้น

เสียงดังและเบาสลับกัน มันให้ความรู้สึกว่าคนที่กำลังดีดพิณเคลื่อนไหวอยู่รอบๆตัวเขา

หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น เขาจดจำท่าไม้ตายที่ฟงจิวเก้อใช้ในสงครามห้าภูมิภาคได้ทันที

มันทำให้ฟงจิวเก้อกลายเป็นคลื่นเสียงและสามารถเคลื่อนที่ไปรอบๆ วิธีการปกติไม่สามารถต่อต้านท่าไม้ตายนี้

“ระวัง!” ไห่ลั่วหลันแจ้งเตือน

ตั้งแต่ได้ยินเสียงพิณ กลุ่มของไห่ลั่วหลันก็เริ่มล่าถอยออกไปโดยไม่รู้ตัว

แต่ความเร็วของพวกนางยังช้ากว่าเพลงทางผ่านแสง พวกนางไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของฟงจิวเก้อ

ทันใดนั้นฟงจิวเก้อพลันปรากฏตัวขึ้นด้านขวาของเทพธิดากระต่ายขาว

ฟงจิวเก้อชี้นิ้วไปที่นางและปลดปล่อยเสียงลึกลับออกมา

เทพธิดากระต่ายขาวกรีดร้องเมื่อตระหนักถึงอันตรายร้ายแรง

นางเร่งล่าถอยแต่คลื่นเสียงยังพุ่งตรงมาที่นาง

เป็นเพียงเวลานี้ที่หมอกดำปะทุออกมาจากร่างของนาง

ภายในหมอกสีดำนางเสือดำปรากฏตัวขึ้น บางบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เทพธิดากระต่ายขาวเป็นผู้อมตะระดับหก นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟงจิวเก้อ ในช่วงเวลาสำคัญ นางเสือดำช่วยชีวิตของพวกนางทั้งสองเอาไว้

อย่างไรก็ตามนางเสือดำยังได้รับบาดเจ็บสาหัส นางรีบรักษาตัวเองทันที

ฟงจิวเก้อไม่ได้ไล่ล่านาง

เขารู้ว่าการลอบโจมตีครั้งนี้ไม่สำเร็จ เมื่อทุกคนตื่นตัว วิธีนี้จะไม่ได้ผลอีกต่อไป

และที่สำคัญ…

ฟงจิวเก้อขมวดคิ้วและมองดูทะเลทรายด้านล่าง “นี่คือ?”

“ทะเลทรายไร้เสียง ที่ตายของเจ้า!” ฟางหยวนตะโกนและพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้ออีกครั้ง

“เป็นเช่นนี้” ฟงจิวเก้อเข้าใจในที่สุด เขาใช้คลื่นเสียงของเพลงทางผ่านแสงหลบออกไป

อย่างไรก็ตามฟงจิวเก้อที่ปรากฏตัวขึ้นที่อื่นกลับแสดงออกด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด

รอยยิ้มของเขาจางหายไปและแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

ทะเลทรายไร้เสียงของทะเลทรายตะวันตกไม่เอื้อประโยชน์ต่อผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเสียง

ในสถานที่แห่งนี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงจะถูกระงับ พลังอำนาจของท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเสียงจะลดน้อยลงอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ฟงจิวเก้อต้องการเคลื่อนย้ายสถานที่ไปด้านหลังเทพธิดากระต่ายขาวเพื่อฆ่านาง

แต่สุดท้ายเขากลับถูกเปิดเผยก่อนจะเข้าถึงตัวเป้าหมาย

สิ่งนี้ทำให้เทพธิดากระต่ายขาวรอดพ้นจากความตาย

‘ทะเลทรายไร้เสียงถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ฟางหยวนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? โอ้ ข้าเกือบลืมว่าเขาเป็นผู้นำคนใหม่ของนิกายเงา เป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้ความลับบางอย่าง’ ฟงจิวเก้อคาดเดา

แต่เขาเดาผิด นิกายเงาไม่รู้ความลับของสถานที่แห่งนี้

ฟางหยวนรู้เพราะประสบการณ์จากชีวิตแรกของเขา ในสงครามห้าภูมิภาค สถานที่แห่งนี้ถูกเปิดเผยและใช้ประโยชน์

“หือ?” การแสดงออกของฟงจิวเก้อเปลี่ยนไปเมื่อเขามองไปที่แขนของเขา

เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด แต่ตอนนี้มีชั้นน้ำแข็งปกคลุมอยู่บนแขนและแผ่นหลังของเขา

“เทพธิดามังกรไป่หนิงปิง?” ฟงจิวเก้อมองไป่หนิงปิงด้วยสายตาชื่นชม

ท่าไม้ตายอมตะเนตรแช่แข็ง!

นี่เป็นทักษะของไป่หนิงปิง

แม้ฟงจิวเก้อจะเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วแต่ท่าไม้ตายอมตะเนตรแช่แข็งยังเร็วกว่า

ฟงจิวเก้อหัวเราะเสียงดัง

เสียงระฆังดังขึ้นขณะที่ชั้นน้ำแข็งเริ่มหลอมละลาย

ไป่หนิงปิงสูดหายใจและยังจ้องมองอย่างดุเดือด

‘นี่ค่อนข้างลำบาก’ ฟงจิวเก้อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาใช้เพลงทางผ่านเสียงเคลื่อนย้ายสถานที่

แต่ในเวลาต่อมาเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ไม่เพียงเขาจะถูกโจมตีด้วยเนตรแช่แข็งของไป่หนิงปิงแต่เขายังถูกโจมตีด้วยเนตรจันทร์เสี้ยวของเทพธิดาเมี่ยวหยินอีกด้วย

ท่าไม้ตายอมตะเนตรจันทร์เสี้ยว!

คล้ายกับเนตรแช่แข็ง นี่เป็นการโจมตีด้วยการจ้องมอง มันเป็นการโจมตีที่รวดเร็วมาก

ร่างของฟงจิวเก้อสั่นสะท้านขึ้น

เทพธิดาเมี่ยวหยินตกใจ นางมั่นใจในพลังอำนาจของท่าไม้ตายนี้แต่มันกลับทำให้ร่างกายของฟงจิวเก้อสั่นสะท้านขึ้นเท่านั้น

รากฐานด้านการป้องกันของฟงจิวเก้อถือว่าไม่ธรรมดา

ย้อนกลับไปวูหยงยังต้องใช้เวลานานเพื่อต่อต้านท่าไม้ตายนี้

“จิ๊บ จิ๊บ”

เสียงนกร้องดังขึ้น

ฝูกวิหคเพลิงบินเข้าไปหาฟงจิวเก้อ

“บึม บึม บึม บึม…”

ในเวลาต่อมาวิหคเพลิงก็ระเบิดตัวเองอย่างต่อเนื่องแต่เสียงระเบิดกลับเงียบลงอย่างรวดเร็ว

เพราะที่นี่คือทะเลทรายไร้เสียง

คลื่นความร้อนระเบิดออกไปรอบๆ

แสงสีแดงส่องสะท้อนอยู่บนใบหน้าของฟางหยวนและคนอื่นๆ

อุณหภูมิของสถานที่แห่งนี้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ไห่ลั่วหลันยืนห่างออกไปด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่พุ่งทะยานขึ้น นี่คือท่าไม้ตายอมตะวิหคเพลิงพิโรธ

ฟงจิวเก้อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในระยะไกล

เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ วิหคเพลิงพิโรธไม่ส่งผลกระทบต่อเขา

ฟางหยวนและสมาชิกนิกายเงาพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อจากทุกทิศทาง

ฟงจิวเก้อหัวเราะโดยไร้เสียง “รับนี่”

ท่าไม้ตายอมตะเพลงสวรรค์พิภพ!

ราวกับโลกกำลังร้องเพลง

เสียงเพลงดังเข้าหูของผู้อมตะทั้งหมด ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านขึ้น พวกเขารู้สึกถึงฟ้าสูงและโลกกว้าง ตัวตนของพวกเขาดูไร้นัยสำคัญราวกับฝุ่นผง

ความรู้สึกต่ำต้อยปรากกฏขึ้นในใจของพวกเขา

เมื่อเปรียบเทียบกับสวรรค์พิภพ พวกเขาก็ไม่ต่างจากมดปลวกเท่านั้น

นี่คือพลังอำนาจของเพลงสวรรค์พิภพ

นอกจากมันจะสร้างแรงกดดันให้กับพวกเขา ท่าไม้ตายของพวกเขายังจะอ่อนกำลังลงหรือสูญเสียพลังอำนาจหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง

นี่เป็นท่าไม้ตายที่เป็นเอกลักษณ์ของฟงจิวเก้อ ย้อนกลับไปในการต่อสู้ที่หุบเขาเหล่าโป ฉินไป่เฉิงก็พบกับความทุกข์ทรมานจากท่าไม้ตายนี้เช่นกัน

ตอนนี้เป็นเวลาที่กลุ่มของฟางหยวนต้องเผชิญหน้ากับมัน

ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆรู้สึกไม่ดีแต่ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ

เกราะหวนคืนไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียงระลอกคลื่นบางๆที่ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของมันเท่านั้น สิ่งสำคัญก็คือมันยังสะท้อนพลังส่วนหนึ่งของเพลงสวรรค์พิภพกลับไปที่ฟงจิวเก้ออีกด้วย

ฟงจิวเก้อได้ลิ้มรสพลังอำนาจท่าไม้ตายของตนเองเป็นครั้งแรก

เมื่อเห็นฟางหยวนใกล้เข้ามา เขาขมวดคิ้วและใช้เพลงทางผ่านแสงเคลื่อนย้ายสถานที่อีกครั้ง

เกราะหวนคืนทำให้ผู้อมตะวังสวรรค์ สมาชิกถ้ำสวรรค์นิรันดร และราชันภูเขาม่วงไม่มีทางเลือก วูหยงไม่สามารถผ่านมันไปได้โดยไม่ต้องกล่าวถึงฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อรู้สึกปวดหัวเมื่อเห็นฟางหยวน

ในที่สุดเขาก็เข้าใจความรู้สึกของวูหยง

‘ลืมฟางหยวนไปก่อน ข้าควรกำจัดลูกน้องของเขาเป็นอันดับแรก!’ ฟงจิวเก้อไม่ต้องการต่อสู้กับฟางหยวนตอนนี้แต่เล็งเป้าไปที่คนอื่นๆ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท