เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1418

ตอนที่ 1418

“ธุรกรรม?” ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

เขาเข้าใจความคิดของฝ่ายตรงข้ามทันที

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง หลังจากหลายปี เขามีรากฐานเพียงพอที่จะทำธุรกรรมกับฟางหยวนอย่างไม่ต้องสงสัยแม้เขาจะพบความสูญเสียครั้งใหญ่ในภัยบิบัติครั้งล่าสุดก็ตาม

แต่เนื่องจากภัยพิบัติ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่ต้องการต่อสู้ หากเขาตกลงเป็นพันธมิตรกับฟางหยวน เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะจากวังสวรรค์

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่ได้โง่เขลา เขาจะกลายเป็นเครื่องมือของฟางหยวนได้อย่างไร?

แต่…

ข้อเสนอของฟางหยวนดึงดูดใจเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นวิธีชะลอเวลาของไห่ฟานหรือมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชค พวกมันล้วนเป็นวิธีรับมือภัยพิบัติที่หาได้ยาก

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงพบความสูญเสียครั้งใหญ่จากภัยพิบัติของเขา ตอนนี้เขาต้องการวิธีการเหล่านี้เป็นอย่างมาก

เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน ช่วยไม่ได้ที่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะต้องการร่วมมือกับหลิวกวนซื่อ แต่ผลประโยชน์จะกลายเป็นปัญหาในอนาคตเมื่อหลิวกวนซื่อเผชิญหน้ากับวังสวรรค์ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานั้น

ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หากเขาต่อสู้อย่างดุเดือด เขาจะเปิดเผยความอ่อนแอออกมา

ดังนั้นบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงต้องการทำธุรกรรมกับฟางหยวนซึ่งถือเป็นรูปแบบหนึ่งของความร่วมมือ

ด้วยวิธีนี้นอกจากเขาจะสามารถตอบแทนความเมตตาของฟางหยวนที่ช่วยเทพธิดาซุ้ยป๋อ เขายังสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับฟางหยวนอีกด้วย

เรื่องนี้เป็นประโยชน์

หลังจากพัฒนาความสัมพันธ์กับฟางหยวน ในอนาคตหากเขาต้องการความช่วยเหลือ เขาสามารถใช้เหตุการณ์นี้เป็นข้ออ้าง

ผู้อมตะระดับแปดล้วนเป็นจอมวางแผน แม้นี่จะเป็นเพียงเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง มันก็ยังมีสติปัญญาที่ยอดเยี่ยมและสามารถคำนวณกำไรขาดทุนได้อย่างแม่นยำ

ฟางหยวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “ตกลง ข้าต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกล ท่านมีสิ่งใดบ้าง?”

แท้จริงแล้วฟางหยวนมีความหวังเพียงเล็กน้อย

แต่นางรำหงหยุนกลับตกตะลึง

เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเผยรอยยิ้ม “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญนัก ข้าไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งค่ายกล เป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่มี แต่ระหว่างทางมาที่นี่ เราได้รับมรดกที่แท้จริงที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกล”

“โอ้?”

“หงหยุน นำผลประโยชน์ของเจ้าออกมาให้หลิวกวนซื่อเลือก” บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกล่าว

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลไม่มีประโยชน์ต่อร่างหลักของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง แต่มันสมบูรณ์แบบสำหรับจุดประสงค์นี้

นางรำหงหยุนไม่กล้าปฏิเสธ

แม้นางจะ์ไม่พอใจ แต่นางก็ไม่รีรอและนำมรดกบนเส้นทางแห่งค่ายกลออกมาทันที

ฟางหยวนและคนอื่นๆตกใจมาก

ค่ายกลวิญญาณอมตะสามารถเคลื่อนย้ายได้จริงๆ

นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยาก

เพราะสิ่งนี้ใกล้เคียงกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

กล่าวได้ว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นแก่นแท้บนเส้นทางแห่งค่ายกล พวกมันเป็นท่าไม้ตายอมตะและเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะเคลื่อนที่

หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เขารู้สึกถึงสิ่งดีๆที่กำลังเกิดขึ้น

จากคำอธิบายของนางรำหงหยุน ฟางหยวนได้เรียนรู้ว่าค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ถูกเก็บไว้ในวิญญาณอมตะธงค่ายกล

วิญญาณอมตะธงค่ายกลระดับเจ็ด นี่เป็นหนึ่งในวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนต้องการ!

‘ยอดเยี่ยม!’

‘ด้วยวิญญาณอมตะดวงนี้ข้าไม่จำเป็นต้องเจรจากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อยืมวิญญาณอมตะยันต์ค่ายกลอีกต่อไป’

‘มันจะสะดวกมากในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองเพื่อกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลทั้งหมด’

ฟางหยวนมองเห็นความหวัง

แต่ภายนอกเขายังสงบนิ่ง

เขามองเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงขณะกล่าว “ค่ายกลวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์นี้ไม่เลว กล่าวตามตรง ข้ากำลังต้องการค่ายกลวิญญาณเพื่อป้องกันการไลล่าของผู้อมตะจากวังสวรรค์ ข้ายินดีจ่ายด้วยทรัพยากรอมตะเพื่อแลกกับค่ายกลวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์นี้”

“กระไรนะ!?” การแสดงออกของนางรำหงหยุนเปลี่ยนไป นางคิด ‘หลิวกวนซื่อผู้ช่างโลภมากนัก เขาต้องการค่ายกลวิญญาณอมตะทั้งหมดงั้นหรือ?”

ฟางหยวนคิดและมอบรายการทรัพยากรอมตะให้เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

“ท่านบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง มีทรัพยากรอมตะไม่มาก แต่นั่นคือทั้งหมดที่ข้าให้ได้ ข้าต้องการค่ายกลวิญญาณอมตะนี้จริงๆ”

“หากธุรกรรมนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ข้าจะจดจำสิ่งนี้ตลอดไป ในอนาคต หากท่านต้องการสิ่งใด ข้าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่”

ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง

นางรำหงหยุนมองรายการทรัพยากรและรู้สึกโกรธมาก

นางไม่พอใจมาก ‘หลิวกวนซื่อผู้นี้ไร้ยางอายเกินไป! เขากล้ากล่าวเช่นนี้จริงๆ!’

แต่เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกลับตอบตกลง “เอาล่ะ ข้าจะยอมรับทรัพยากรอมตะเหล่านี้ เจ้าจะได้รับค่ายกลวิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์นี้ ตอนนี้เราไม่ติดค้างกันอีกต่อไป เจ้าช่วยซุ้ยป๋อและข้าทำธุรกรรมกับเจ้า นี่เป็นการสร้างความร่วมมือของเรา”

เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงหยุดก่อนกล่าวต่อ “หลิวกวนซื่อ แม้เจ้าจะเป็นรุ่นน้องแต่ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามานานแล้ว เจ้าเป็นคนพิเศษ การผูกมิตรกับเจ้าไม่มีอันตราย นี่คือวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลของข้า หากเจ้าต้องการทำข้อตกลงใดๆในอนาคต ติดต่อข้าได้โดยตรง ลาก่อน”

“ท่านบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงช่างเอื้อเฟื้อนัก นับถือ นับถือ นี่คือวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลของข้า ข้าหวังว่าท่านจะเก็บมันไว้” ฟางหยวนแสดงออกอย่างจริงใจและมอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้ฝ่ายตรงข้าม

“ซุ้ยป๋อ ไปเถอะ” บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกล่าว

อิงอู๋เซี่ยมองฟางหยวนก่อนจะเผยรอยยิ้มให้กับคนที่เหลือ “ขอบคุณสำหรับการดูแลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา”

“แล้วพบกัน”

พวกเขาจากไปด้วยเมฆาแดงเริงระบำ

“อิงอู๋เซี่ยส่งข้อมูลกลับมาแล้ว พวกเขากำลังเดินทางกลับไปในเส้นทางเดิม จุดหมายของพวกเขาคือทะเลทรายหมื่นรูปปั้น เอาล่ะ มาดำเนินการตามแผนการของเรา” ฟางหยวนกล่าว

เทพธิดากระต่ายขาวเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวนขณะที่ไห่ลั่วหลัน ฟางหยวน ไป่หนิงปิง และเทพธิดาเมี่ยวหยินยังอยู่

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

แสงสว่างขึ้นและนำฟางหยวนและคนอื่นๆไปยังทะเลทรายผีเขียว

ฟางหยวนจัดตั้งค่ายกลวิญญาณโดยมีเทพธิดาเมี่ยวหยินและเทพธิดากระต่ายขาวคอยช่วยเหลือ

ไห่ลั่วหลันลาดตระเวนพื้นที่รอบๆเพื่อป้องกันอสูรวิญญาณ

ไป่หนิงปิงบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อตรวจสอบตำแหน่งของนางรำหงหยุน

นางรำหงหยุนเดินทางกลับด้วยเส้นทางเดิม แต่ฟางหยวนและคนอื่นๆใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเดินทางมารออยู่ด้านหน้านาง

ค่ายกลวิญญาณอมตะของราชันภูเขาม่วงถูกจัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนไม่สามารถทอดทิ้งอิงอู๋เซี่ย

มันไม่ใช่เพียงเพราะพลังการต่อสู้ของเขาและท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน แต่มันยังเกี่ยวกับผมที่หก

หากอิงอู๋เซี่ยเสียชีวิต ผมที่หกจะไม่ทำงานให้ฟางหยวน เขาอาจคิดว่าฟางหยวนพยายามสังหารอิงอู๋เซี่ยและพยายามฆ่าฟางหยวนโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก

ในขณะเดียวกันฟางหยวนยังต้องการใช้ผมที่หกหลอมรวมวิญญาณให้เขา

เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือสภาพจิตใจพันธมิตร

หากฟางหยวนทอดทิ้งอิงอู๋เซี่ยตอนนี้ เขาจะทอดทิ้งเทพธิดาเมี่ยวหยินและเทพธิดากระต่ายขาวในอนาคต พวกนางจะเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่วางใจ

เทพธิดาเมี่ยวหยินและเทพธิดากระต่ายขาวไม่เหมือนไห่ลั่วหลัน ฟางหยวนไม่สามารถควบคุมพวกนาง

โดยใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ ฟางหยวนจะวางกับดักและกำจัดฝ่ายตรงข้าม

นั่นคือแผน

แน่นอนว่าแผนการนี้มีพื้นฐานมาจากอิงอู๋เซี่ยที่ได้รับความไว้วางใจจากเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

นอกเหนือจากแผนการนี้ ฟางหยวนยังมีแผนสำรองอื่นอีกมากมาย

ยิ่งเขาเตรียมตัวมากเท่าใด โอกาสชนะก็ยิ่งมากเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นฟางหยวน ไห่ลั่วหลัน หรืออิงอู๋เซี่ย พวกเขาจะไม่ต่อสู้โดยไม่เตรียมตัว

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนจัดตั้งค่ายกลวิญญาณได้หกสิบส่วน ไป่หนิงปิงกลับเปิดปากกล่าว “ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งค่ายกลอีกต่อไป อิงอู๋เซี่ยประสบความสำเร็จแล้ว”

ฟางหยวนและคนอื่นๆหยุดสร้างค่ายกลและบินเข้าไปหาไป่หนิงปิง

บนท้องฟ้าที่ห่างไกลปรากฎอาณาจักรแห่งความฝันขึ้นกลางอากาศ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ครั้งนี้อิงอู๋เซี่ยทำได้ดีมาก!” ไป่หนิงปิงหัวเราะ “เขากำจัดเจตจำนงของบรรพชันพันเปลี่ยนแปลงและผู้อมตะระดับเจ็ดหงหยุนโดยไม่ต้องต่อสู้ น่าตื่นเต้น!”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

นี่เป็นแผนการหนึ่งที่พวกเขาวางไว้นานแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงหรือผู้ใดก็ตาม ตราบเท่าที่พวกเขาไว้วางใจ แผนการนี้จะประสบความสำเร็จ

ทักษะเดียวครองพิภพ!

กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์ก็ยังไม่กล้าเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน

ตราบเท่าที่ความรู้เกี่ยวกับเส้นทางแห่งความฝันยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น ศัตรูจะไม่สามารถต่อต้านวิธีการบนเส้นทางแห่งความฝัน

การอยู่แถวหน้าของยุคนี้มีข้อดีมากมาย

กระทั่งร่างหลักของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงก็ยังไม่สามารถตอบโต้โดยไม่ต้องกล่าวถึงเจตจำนงของเขา

ย้อนกลับไปสองชั่วโมงก่อน

บนก้อนเมฆสีแดง เทพธิดาซุ้ยป๋อเริ่มหัวเราะ

“ดูเหมือนซุ้ยป๋อจะได้รับผลประโยชน์ มิฉะนั้นเจ้าจะไม่หัวเราะเช่นนี้” เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกล่าว

“สามีเข้าใจข้าดีที่สุด แม้ข้าจะสูญเสียวิญญาณอมตะแต่กำไรของข้าก็มหาศาล สามี หงหยุน ดูนี่” อิงอู๋เซี่ยนำกายาแห่งความฝันออกมา

“นี่คือ…เส้นทางแห่งความฝัน?” เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงตกตะลึง “ซุ้ยป๋อ เจ้าได้มันมาได้อย่างไร?”

“ในช่วงเวลาที่วังสวรรค์ไล่ล่าหลิวกวนซื่อ ข้าได้รับมันมาเพราะหลิวกวนซื่อและคนอื่นๆไม่เข้าใจมัน” อิงอู๋เซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “สามี ข้าทำผลงานครั้งใหญ่ ท่านจะตอบแทนข้าอย่างไร?”

นางรำหงหยุนลอบสบถอยู่ในใจ “มารยา! ไร้ยางอาย!”

เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงหัวเราะเสียงดัง “ข้าต้องตบรางวัลใหญ่ให้เจ้าอย่างแน่นอน”

“บึม!”

ร่างกายาแห่งความฝันระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน

ทุกคนติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนี!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท