เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1423

ตอนที่ 1423

ทะเลทรายตะวันตก

บนท้องฟ้าที่สดใส ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง

อาณาจักรแห่งความฝันสีแดงลอยอยู่กลางอากาศ

นางรำหงหยุนและเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงถูกขังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและไม่สามารถหลบหนี

นางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนบินไปรอบๆอาณาจักรแห่งความฝัน

วิญญาณหลายดวงบินออกมาจากมือของพวกนางและถูกจัดตั้งไว้รอบๆอาณาจักรแห่งความฝัน

พวกนางกำลังสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อปิดผนึกอาณากจักรแห่งความฝันนี้

เหตุผลก็คือทุกกองกำลังบนโลกใบนี้กำลังค้นคว้าเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน

ในยุคนี้มีผู้อมตะเพียงไม่กี่คนที่มีวิธีการต่อต้านอาณาจักรแห่งความฝัน

แม้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะเป็นผู้อมตะระดับแปดและได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกใดๆต่อหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน

แต่เขาไม่สามารถละทิ้งนางรำหงหยุนและวิญญาณอมตะระดับแปด

หลังจากไตร่ตรอง บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงตัดสินใจผนึกอาณาจักรแห่งความฝันเอาไว้

“มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น”

“ข้าจะดูแลความปลอดภัย เจ้าจงทำขั้นตอนสุดท้ายให้สำเร็จ”

นางบำเรอรัตติกาลเฝ้าระวังขณะที่นางกำนัลชิงเหลียนกำลังจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ

ท่ามกลางนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง นางบำเรอรัตติกาลมีพลังการต่อสู้สูงที่สุด นางกำนัลชิงเหลียนยังด้อยกว่านาง

ก่อนหน้านี้เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงลึกลับบอกตำแหน่งของเทพธิดาซุ้ยป๋อ พวกนางตื่นตัวอย่างมาก

นางกำนัลชิงเหลียนนำวิญญาณอมตะระดับเจ็ดออกมาเพื่อจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ

‘วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎส่งผ่าน?’ เมื่อเห็นวิญญาณอมตะดวงนี้ ดวงตาของฟงจิวเก้อที่ซ่อนตัวอยู่ส่องประกายขึ้น

‘หากข้ามีวิญญาณอมตะส่งผ่าน ข้าจะสามารถขยายระยะเวลาของท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสง นอกจากนั้นข้ายังสามารถลดจำนวนวิญญาณระดับมนุษย์และความความยุ่งยากในการกระตุ้นใช้งานมันได้อีกด้วย’

‘ผู้ใดจะคิดว่าบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะมีวิญญาณอมตะดวงนี้’

ฟงจิวเก้อถอนหายใจ

‘แม้ข้าจะมีท่าไม้ตายอมตะเพลงรับสมบัติที่ช่วยให้ข้าสามารถปรับแต่งวิญญาณอมตะป่า แต่ในสถานการณ์นี้ โอกาสประสบความสำเร็จมีน้อยเกินไป’

นางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนระวังตัวมาก เป็นเรื่องยากที่บางคนจะคว้าวิญญาณอมตะไปจากพวกนาง อาจมีเพียงเทพปีศาจปล้นสวรรค์เท่านั้นที่ทำได้

วิญญาณอมตะส่งผ่านเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะของพวกนาง

หลังจากจัดตั้งค่ายกลวิญญาณสำเร็จ นางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เอาล่ะ เราสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะสำเร็จแล้ว”

“ด้วยค่ายกลวิญญาณนี้ เราสามารถมาที่นี่ได้เกือบทันที มาดูกันว่าผู้ใดจะกล้าล้อเล่นกับพวกเรา!”

ผู้อมตะหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

แต่ฟงจิวเก้อไม่ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบ

เมื่อไม่เห็นผู้ใด ผู้อมตะหญิงทั้งสองรู้สึกโล่งใจแต่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

จากนั้นพวกนางก็จากไป

ฟงจิวเก้อติดตามพวกนางไปชั่วครู่ก่อนจะตระหนักว่าจุดหมายของพวกนางก็คือทะเลทรายหมื่นรูปปั้น

‘แปลก เหตุใดพวกนางไม่ไปหาเทพธิดาซุ้ยป๋อ? ตามบุคลิกของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เขาจะไม่ทำสิ่งใดเลยได้อย่างไร? อย่าบอกว่าเกิดบางสิ่งขึ้นกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง?’

ฟงจิวเก้อได้รับข้อมูลมากมายจากวังสวรรค์ เขาเข้าใจความคิดของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง คนผู้นี้เป็นคนเอาแต่ใจและเจ้าคิดเจ้าแค้น ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงใช้แผนการนี้ แต่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกลับไม่หลงกล เขาเพิกเฉยต่อเทพธิดาซุ้ยป๋ออย่างสิ้นเชิง

นี่เป็นเรื่องแปลก

แผนการของฟงจิวเก้อที่จะใช้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกดดันฟางหยวนล้มเหลวอย่างสมบูรณ์

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟงจิวเก้อได้รับการติดต่อ

เขาจากมาอย่างลับๆและพบกับผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์สองคนหลังเนินทราย

พวกเขาก็คือผู้อมตะสองคนที่ช่วยหยุดวูหยงในภาคใต้

ขณะที่ฟงจิวเก้อออกไล่ล่าฟางหยวน พวกเขาไล่ล่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่น่าเสียดายที่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมีโชคที่เชื่อมต่อกับฟางฟยวน

ย้อนกลับไปเพื่อรักษาพลังการต่อสู้ระดับแปด ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคกับมันเพื่อที่เขาจะสามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของมัน

แม้ฟางหยวนจะมีวิธีตรวจสอบมากมาย แต่พิจารณาถึงความสามารถของผู้อมตะจากวังสวรรค์ ฟางหยวนจึงตัดสินใจใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชค

ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังเดียวที่เป็นเลิศด้านโชคมีเพียงถ้ำสวรรค์นิรันดร

แม้เทพอมตะตะวันเดือดจะเป็นเทพอมตะแต่เขาไม่เคยเข้าร่วมกับวังสวรรค์หรือส่งมอบมรดกบนเส้นทางแห่งโชคให้วังสวรรค์

ดังนั้นหลังจากฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค โชคของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจึงพุ่งสูงขึ้นและสามารถหลบหนี หลังจากนั้นลั่วเว่ยหยินได้ช่วยชีวิตมันเอาไว้และยังลบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลทั้งหมดของวังสวรรค์ออกจากร่างของมันอีกด้วย

นี่ทำให้ผู้อมตะจากวังสวรรค์ไม่สามารถไล่ล่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดได้อีกต่อไป

พวกเขาล้มเหลวและถูกตำหนิโดยเทพธิดาจื่อเว่ย

หลังจากนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยจึงส่งพวกเขามาเป็นกำลังเสริมให้กับฟงจิวเก้อ

“เรารู้เรื่องอาณาจักรแห่งความฝันแล้ว ทัศนคติของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแปลกจริงๆ เราได้รับคำสั่งจากท่านหญิงจื่อเว่ย เราจะไปสืบข่าวเกี่ยวกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง” สองผู้อมตะจากวังสวรรค์กล่าว

การตอบสนองของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงต่างไปจากปกติ

ฟงจิวเก้อสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง ดังนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยที่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาย่อมสามารถอนุมานได้มากกว่า

นางอนุมานว่ามีโอกาสสูงมากที่ตอนนี้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกำลังได้รับบาดเจ็บและอ่อนแอมาก

หากพวกเขาตรวจสอบ บางทีพวกเขาอาจสามารถฉกชิงมรดกที่แท้จริงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง หรือแม้จะไม่ได้รับประโยชน์ใด มันก็ยังสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับทะเลทรายตะวันตกและการกำจัดผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกก็จะเป็นประโยชน์ต่อวังสวรรค์ในอนาคต

ท้ายที่สุดแล้วสงครามห้าภูมิภาคก็กำลังจะมาถึง

ภาคกลางต้องเผชิญหน้ากับสี่ภูมิภาค พวกเขาต้องเตรียมตัวและทำให้ภูมิภาคอื่นอ่อนแอลง

ฟางหยวนบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

ไม่กี่วันที่ผ่านมาฟงจิวเก้อไม่ได้ไล่ล่าพวกเขา ดังนั้นฟางหยวนจึงหยุดใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ

หลังจากทั้งหมดค่าใช้จ่ายของมันก็สูงเกินไป

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศมีไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวน

เป็นเพียงเวลานี้ที่ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาบินลงไปด้านล่างอย่างช้าๆ

เมื่อเขาลงถึงพื้น เขาเปิดทางให้สมาชิกนิกายเงาออกมา

“ปกป้องข้า ข้าจะจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองที่นี่” ฟางหยวนกล่าว

เขานั่งอยู่ตรงกลาง

ความจริงก็คือค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้วในภาคกลางน้อย

แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเขาอย่างสมบูรณ์

ตอนนี้ฟางหยวนกำลังหลอมรวมค่ายกลวิญญาณอมตะที่ได้รับมาจากนางรำหงหยุนเข้ากับค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง

สองชั่วโมงต่อมา ใบหน้าของฟางหยวนก็ปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและปล่อยลมหายใจออกมา

สองค่ายกลวิญญาณอมตะรวมเป็นหนึ่ง

สิ่งสำคัญก็คือจิตวิญญาณค่ายกล

หลังจากหลอมรวมสองค่ายกลวิญญาณอมตะ จิตวิญญาณค่ายกลก็ถูกย้ายไปอยู่ในค่ายกลวิญญาณใหม่

เมื่อถึงจุดนี้ค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองก็เสร็จสมบูรณ์ มันสามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหมด

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่รีบร้อนดำเนินการ เขานำวิญญาณอมตะรักตัวเองออกจากค่ายกลวิญญาณ

วิญญาณอมตะรักตัวเองเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง เมื่อมันถูกนำออกมา ค่ายกลวิญญาณอมตะจะพังทลายลง อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณนี้กลับไม่บุบสลาย

เหตุผลก็คือจิตวิญญาณค่ายกลสามารถกู้คืนมันด้วยการเพิ่มวิญญาณรักตัวเองระดับมนุษย์จำนวนมากเข้าไป

แต่วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น วิญญาณอมตะรักตัวเองยังเป็นแกนกลางที่เหมือนเสาหลักของอาคาร วิญญาณรักตัวเองระดับมนุษย์เป็นเพียงการค้ำยันอาคารหลังนี้ไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อเวลาผ่านไป ค่ายกลวิญญาณนี้จะพังทลายลงในที่สุด

ฟางหยวนคาดว่ามันจะคงอยู่ได้ประมาณสิบสี่ชั่วโมง

หากเขานำวิญญาณอมตะรักตัวเองกลับเข้าไปในเวลาที่กำหนด ค่ายกลวิญญาณจะไม่แตกสลาย

ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะรักตัวเองออกเพื่อทดสอบความสามารถของจิตวิญญาณค่ายกล

อย่างไรก็ตามเขายังมีวัตถุประสงค์อื่น

วิญญาณอมตะรักตัวเองและวิญญาณอมตะความใคร่บินอยู่กลางอากาศในมิติช่องว่างจักรพรรดิขณะที่ฟางหยวนส่งพลังงานอมตะให้พวกมันและใช้งานวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมาย

ในเวลาต่อมาฟางหยวนได้สร้างเจตจำนงของตนเองจำนวนมหาศาลขึ้นรางกับคลื่นยักษ์

หลังจากนั้นเจตจำนงก็หลอมรวมกันจนกลายเป็นยักษ์ที่สูงสามสิบเมตร มันอยู่ในรูปลักษณ์ของฟางหยวน

“ต่อไป…” ฟางหยวนสูดหายใจลึกและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน

ในเวลาต่อมาร่างยักษ์ก็หายไปและเปลี่ยนเป็นภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในภาคกลางน้อย

“สำเร็จ! ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนก้าวเข้าสู่ระดับใหม่แล้ว มันจะทำให้พลังการต่อสู้ของข้าเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก!” ฟางหยวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท