ทะเลทรายตะวันตก
บนท้องฟ้าที่สดใส ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง
อาณาจักรแห่งความฝันสีแดงลอยอยู่กลางอากาศ
นางรำหงหยุนและเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงถูกขังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและไม่สามารถหลบหนี
นางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนบินไปรอบๆอาณาจักรแห่งความฝัน
วิญญาณหลายดวงบินออกมาจากมือของพวกนางและถูกจัดตั้งไว้รอบๆอาณาจักรแห่งความฝัน
พวกนางกำลังสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อปิดผนึกอาณากจักรแห่งความฝันนี้
เหตุผลก็คือทุกกองกำลังบนโลกใบนี้กำลังค้นคว้าเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน
ในยุคนี้มีผู้อมตะเพียงไม่กี่คนที่มีวิธีการต่อต้านอาณาจักรแห่งความฝัน
แม้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะเป็นผู้อมตะระดับแปดและได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกใดๆต่อหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน
แต่เขาไม่สามารถละทิ้งนางรำหงหยุนและวิญญาณอมตะระดับแปด
หลังจากไตร่ตรอง บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงตัดสินใจผนึกอาณาจักรแห่งความฝันเอาไว้
“มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น”
“ข้าจะดูแลความปลอดภัย เจ้าจงทำขั้นตอนสุดท้ายให้สำเร็จ”
นางบำเรอรัตติกาลเฝ้าระวังขณะที่นางกำนัลชิงเหลียนกำลังจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ
ท่ามกลางนางสนมของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง นางบำเรอรัตติกาลมีพลังการต่อสู้สูงที่สุด นางกำนัลชิงเหลียนยังด้อยกว่านาง
ก่อนหน้านี้เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงลึกลับบอกตำแหน่งของเทพธิดาซุ้ยป๋อ พวกนางตื่นตัวอย่างมาก
นางกำนัลชิงเหลียนนำวิญญาณอมตะระดับเจ็ดออกมาเพื่อจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ
‘วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎส่งผ่าน?’ เมื่อเห็นวิญญาณอมตะดวงนี้ ดวงตาของฟงจิวเก้อที่ซ่อนตัวอยู่ส่องประกายขึ้น
‘หากข้ามีวิญญาณอมตะส่งผ่าน ข้าจะสามารถขยายระยะเวลาของท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสง นอกจากนั้นข้ายังสามารถลดจำนวนวิญญาณระดับมนุษย์และความความยุ่งยากในการกระตุ้นใช้งานมันได้อีกด้วย’
‘ผู้ใดจะคิดว่าบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะมีวิญญาณอมตะดวงนี้’
ฟงจิวเก้อถอนหายใจ
‘แม้ข้าจะมีท่าไม้ตายอมตะเพลงรับสมบัติที่ช่วยให้ข้าสามารถปรับแต่งวิญญาณอมตะป่า แต่ในสถานการณ์นี้ โอกาสประสบความสำเร็จมีน้อยเกินไป’
นางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนระวังตัวมาก เป็นเรื่องยากที่บางคนจะคว้าวิญญาณอมตะไปจากพวกนาง อาจมีเพียงเทพปีศาจปล้นสวรรค์เท่านั้นที่ทำได้
วิญญาณอมตะส่งผ่านเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะของพวกนาง
หลังจากจัดตั้งค่ายกลวิญญาณสำเร็จ นางบำเรอรัตติกาลและนางกำนัลชิงเหลียนจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เอาล่ะ เราสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะสำเร็จแล้ว”
“ด้วยค่ายกลวิญญาณนี้ เราสามารถมาที่นี่ได้เกือบทันที มาดูกันว่าผู้ใดจะกล้าล้อเล่นกับพวกเรา!”
ผู้อมตะหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
แต่ฟงจิวเก้อไม่ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อไม่เห็นผู้ใด ผู้อมตะหญิงทั้งสองรู้สึกโล่งใจแต่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
จากนั้นพวกนางก็จากไป
ฟงจิวเก้อติดตามพวกนางไปชั่วครู่ก่อนจะตระหนักว่าจุดหมายของพวกนางก็คือทะเลทรายหมื่นรูปปั้น
‘แปลก เหตุใดพวกนางไม่ไปหาเทพธิดาซุ้ยป๋อ? ตามบุคลิกของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง เขาจะไม่ทำสิ่งใดเลยได้อย่างไร? อย่าบอกว่าเกิดบางสิ่งขึ้นกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง?’
ฟงจิวเก้อได้รับข้อมูลมากมายจากวังสวรรค์ เขาเข้าใจความคิดของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง คนผู้นี้เป็นคนเอาแต่ใจและเจ้าคิดเจ้าแค้น ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงใช้แผนการนี้ แต่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกลับไม่หลงกล เขาเพิกเฉยต่อเทพธิดาซุ้ยป๋ออย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นเรื่องแปลก
แผนการของฟงจิวเก้อที่จะใช้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกดดันฟางหยวนล้มเหลวอย่างสมบูรณ์
เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟงจิวเก้อได้รับการติดต่อ
เขาจากมาอย่างลับๆและพบกับผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์สองคนหลังเนินทราย
พวกเขาก็คือผู้อมตะสองคนที่ช่วยหยุดวูหยงในภาคใต้
ขณะที่ฟงจิวเก้อออกไล่ล่าฟางหยวน พวกเขาไล่ล่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่น่าเสียดายที่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมีโชคที่เชื่อมต่อกับฟางฟยวน
ย้อนกลับไปเพื่อรักษาพลังการต่อสู้ระดับแปด ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคกับมันเพื่อที่เขาจะสามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของมัน
แม้ฟางหยวนจะมีวิธีตรวจสอบมากมาย แต่พิจารณาถึงความสามารถของผู้อมตะจากวังสวรรค์ ฟางหยวนจึงตัดสินใจใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชค
ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังเดียวที่เป็นเลิศด้านโชคมีเพียงถ้ำสวรรค์นิรันดร
แม้เทพอมตะตะวันเดือดจะเป็นเทพอมตะแต่เขาไม่เคยเข้าร่วมกับวังสวรรค์หรือส่งมอบมรดกบนเส้นทางแห่งโชคให้วังสวรรค์
ดังนั้นหลังจากฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค โชคของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจึงพุ่งสูงขึ้นและสามารถหลบหนี หลังจากนั้นลั่วเว่ยหยินได้ช่วยชีวิตมันเอาไว้และยังลบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลทั้งหมดของวังสวรรค์ออกจากร่างของมันอีกด้วย
นี่ทำให้ผู้อมตะจากวังสวรรค์ไม่สามารถไล่ล่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดได้อีกต่อไป
พวกเขาล้มเหลวและถูกตำหนิโดยเทพธิดาจื่อเว่ย
หลังจากนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยจึงส่งพวกเขามาเป็นกำลังเสริมให้กับฟงจิวเก้อ
“เรารู้เรื่องอาณาจักรแห่งความฝันแล้ว ทัศนคติของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงแปลกจริงๆ เราได้รับคำสั่งจากท่านหญิงจื่อเว่ย เราจะไปสืบข่าวเกี่ยวกับบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง” สองผู้อมตะจากวังสวรรค์กล่าว
การตอบสนองของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงต่างไปจากปกติ
ฟงจิวเก้อสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง ดังนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยที่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาย่อมสามารถอนุมานได้มากกว่า
นางอนุมานว่ามีโอกาสสูงมากที่ตอนนี้บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกำลังได้รับบาดเจ็บและอ่อนแอมาก
หากพวกเขาตรวจสอบ บางทีพวกเขาอาจสามารถฉกชิงมรดกที่แท้จริงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง หรือแม้จะไม่ได้รับประโยชน์ใด มันก็ยังสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับทะเลทรายตะวันตกและการกำจัดผู้อมตะระดับแปดของทะเลทรายตะวันตกก็จะเป็นประโยชน์ต่อวังสวรรค์ในอนาคต
ท้ายที่สุดแล้วสงครามห้าภูมิภาคก็กำลังจะมาถึง
ภาคกลางต้องเผชิญหน้ากับสี่ภูมิภาค พวกเขาต้องเตรียมตัวและทำให้ภูมิภาคอื่นอ่อนแอลง
ฟางหยวนบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไม่กี่วันที่ผ่านมาฟงจิวเก้อไม่ได้ไล่ล่าพวกเขา ดังนั้นฟางหยวนจึงหยุดใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ
หลังจากทั้งหมดค่าใช้จ่ายของมันก็สูงเกินไป
ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศมีไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวน
เป็นเพียงเวลานี้ที่ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาบินลงไปด้านล่างอย่างช้าๆ
เมื่อเขาลงถึงพื้น เขาเปิดทางให้สมาชิกนิกายเงาออกมา
“ปกป้องข้า ข้าจะจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองที่นี่” ฟางหยวนกล่าว
เขานั่งอยู่ตรงกลาง
ความจริงก็คือค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้วในภาคกลางน้อย
แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเขาอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้ฟางหยวนกำลังหลอมรวมค่ายกลวิญญาณอมตะที่ได้รับมาจากนางรำหงหยุนเข้ากับค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง
สองชั่วโมงต่อมา ใบหน้าของฟางหยวนก็ปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและปล่อยลมหายใจออกมา
สองค่ายกลวิญญาณอมตะรวมเป็นหนึ่ง
สิ่งสำคัญก็คือจิตวิญญาณค่ายกล
หลังจากหลอมรวมสองค่ายกลวิญญาณอมตะ จิตวิญญาณค่ายกลก็ถูกย้ายไปอยู่ในค่ายกลวิญญาณใหม่
เมื่อถึงจุดนี้ค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองก็เสร็จสมบูรณ์ มันสามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่รีบร้อนดำเนินการ เขานำวิญญาณอมตะรักตัวเองออกจากค่ายกลวิญญาณ
วิญญาณอมตะรักตัวเองเป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง เมื่อมันถูกนำออกมา ค่ายกลวิญญาณอมตะจะพังทลายลง อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณนี้กลับไม่บุบสลาย
เหตุผลก็คือจิตวิญญาณค่ายกลสามารถกู้คืนมันด้วยการเพิ่มวิญญาณรักตัวเองระดับมนุษย์จำนวนมากเข้าไป
แต่วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น วิญญาณอมตะรักตัวเองยังเป็นแกนกลางที่เหมือนเสาหลักของอาคาร วิญญาณรักตัวเองระดับมนุษย์เป็นเพียงการค้ำยันอาคารหลังนี้ไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไป ค่ายกลวิญญาณนี้จะพังทลายลงในที่สุด
ฟางหยวนคาดว่ามันจะคงอยู่ได้ประมาณสิบสี่ชั่วโมง
หากเขานำวิญญาณอมตะรักตัวเองกลับเข้าไปในเวลาที่กำหนด ค่ายกลวิญญาณจะไม่แตกสลาย
ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะรักตัวเองออกเพื่อทดสอบความสามารถของจิตวิญญาณค่ายกล
อย่างไรก็ตามเขายังมีวัตถุประสงค์อื่น
วิญญาณอมตะรักตัวเองและวิญญาณอมตะความใคร่บินอยู่กลางอากาศในมิติช่องว่างจักรพรรดิขณะที่ฟางหยวนส่งพลังงานอมตะให้พวกมันและใช้งานวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมาย
ในเวลาต่อมาฟางหยวนได้สร้างเจตจำนงของตนเองจำนวนมหาศาลขึ้นรางกับคลื่นยักษ์
หลังจากนั้นเจตจำนงก็หลอมรวมกันจนกลายเป็นยักษ์ที่สูงสามสิบเมตร มันอยู่ในรูปลักษณ์ของฟางหยวน
“ต่อไป…” ฟางหยวนสูดหายใจลึกและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน
ในเวลาต่อมาร่างยักษ์ก็หายไปและเปลี่ยนเป็นภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในภาคกลางน้อย
“สำเร็จ! ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนก้าวเข้าสู่ระดับใหม่แล้ว มันจะทำให้พลังการต่อสู้ของข้าเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก!” ฟางหยวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง