เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1426

ตอนที่ 1426

“โฮก…”

ฟางหยวนเปิดปากและยิงลมหายใจมังกรดาบออกไป

ลมหายใจมังกรดาบเหมือนคลื่นแสงสีเงินที่พุ่งเข้าหาฟงจิวเก้อด้วยความเร็วสูง

ฟงจิวเก้อต้องหลบด้วยเพลงทางผ่านแสง

โดยปกติเมื่อฟงจิวเก้อใช้เพลงทางผ่านแสง นั่นก็หมายความว่าท่าไม้ตายต่อไปที่เขาจะใช้ก็คือนักรบเพลง

ท่าไม้ตายอมตะนักรบหยกเขียว!

ฟงจิวเก้อเรียกร่างแยกออกมา

ร่างแยกหยกเขียวพุ่งเข้าไปหามังกรดาบบรรพกาล

ฟงจิวเก้อพึ่งพาเพลงทางผ่านแสงเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเคลื่อนไหวและด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้อันยาวนานรวมกับจิตใจที่สามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆได้อย่างสงบ เขาจึงไม่ล้มเหลวในกระบวนการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตาย

แม้ลมหายใจมังกรดาบจะพุ่งเข้ามา ฟงจิวเก้อก็ยังไม่ตื่นตระหนก

ฟงจิวเก้อรู้ว่านักรบหยกเขียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน มันไม่สามารถทำลายเกราะหวนคืน

ฟงจิวเก้อใช้นักรบเพลงหยกเขียวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของฟางหยวนเท่านั้น

นักรบเพลงหยกเขียวราวกับแมลงวันที่บินไปรอบๆฟางหยวนและขัดขวางเส้นทางการเคลื่อนไหวของเขา

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ต้องหันไปจัดการนักรบเพลงหยกเขียวอย่างจริงจัง

รูม่านตาของฟงจิวเก้อหดเล็กลง ฟางหยวนเปลี่ยนเป้าหมายเร็วเกินไป แต่ฟงจิวเก้อสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

ฟางหยวนเข้าประชิดตัวนักรบเพลงหยกเขียว

เขาใช้กรงเล็บมังกรดาบฟาดไปที่เป้าหมาย

รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนร่างของนักรบเพลงหยกเขียวขณะที่มันบินกลับหลังราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

แต่นักรบเพลงหยกเขียวยังไม่พังทลาย มันยังสามารถต่อสู้

“ช่างทนทานนัก” ฟางหยวนก่นเสียงเย็นชา

ในการต่อสู้ครั้งก่อน นักรบเพลงหยกเขียวไม่ได้โจมตี ดังนั้นเกราะหวนคืนจึงไม่สะท้อนสิ่งใดกลับไป เพียงกรงเล็บมังกรดาบยังไม่เพียงพอที่จะทำลายนักรบเพลงหยกเขียว

ท้ายที่สุดฟงจิวเก้อก็มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปดขณะที่การป้องกันของนักรบเพลงหยกเขียวแข็งแกร่งกว่านักรบเพลงอื่นๆของเขา

หลังจากส่งนักรบเพลงหยกเขียวบินห่างออกไป ฟางหยวนก็หันกลับมาหาฟงจิวเก้อ

แต่ในเวลานี้ฟงจิวเก้อได้ปล่อยนักรบเพลงร่างที่สองออกมาแล้ว

นักรบเพลงสวรรค์พิภพ!

หลังจากผ่านไปหลายสิบรอบ ฟงจิวเก้อยังคงหลบการโจมตีของฟางหยวนด้วยเพลงทางผ่านแสงขณะที่เขาเรียกนักรบเพลงออกมาต่อสู้กับฟางหยวน

ฟางหยวนต่อสู้กับศัตรูห้าคนพร้อมกันแต่พลังการต่อสู้ของเขายังเต็มเปี่ยม ฟงจิวเก้อไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากล่าถอยอย่างต่อเนื่อง

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’

‘ฟางหยวนมีขีดจำกัดเมื่อเขาใช้งานเกราะหวนคืนครั้งก่อน’

‘แต่ตอนนี้เขาสามารถรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้ขณะแปลงร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลและยังสามารถต่อสู้ได้อย่างยาวนานถึงเพียงนี้ เขาไม่มีขีดจำกัดเลยงั้นหรือ?’

ฟงจิวเก้อขมวดคิ้ว เขาจงใจใช้นักรบเพลงสร้างสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนเพื่อให้ฟางหยวนคิดวิธีการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง

มันเป็นไปได้ยากที่ฟางหยวนจะคิดและตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่เขาใช้ท่าไม้ตายที่ทรงพลังเช่นนี้

‘นี่หมายความว่าเขามีพัฒนาการที่น่าทึ่งในแง่ของการใช้ท่าไม้ตายต่อเนื่อง?’ ฟงจิวเก้อคาดเดา

เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างกายของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น

ฟงจิวเก้อเห็นสิ่งนี้และรู้สึกมีความสุข ‘อย่าบอกว่าเขาถึงขีดจำกัดแล้ว’

แต่ในเวลาต่อมาฟงจิวเก้อกลับต้องโยนความคิดนี้ลงถังขยะ

เพราะฟางหยวนไม่ได้ถึงขีดจำกัดแต่เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!

มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนราวกับมหาสมุทรสีเงินปรากฏขึ้นและสร้างเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่

นักรบเพลงทั้งสี่ถูกปิดล้อมและโจมตีจากทุกทิศทางก่อนจะถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว

ฟงจิวเก้อไม่สนใจพวกมัน เขายังใช้เพลงทางผ่านแสงเพื่อหลบหนีจากระยะโจมตีของฝูงมังกรดาบบรรพกาล

เวลาของเพลงทางผ่านแสงยังไม่หมด ฟงจิวเก้อยังมีเวลาสำหรับการต่อสู้

“เช่นนั้นลองรับท่านี้” ฟงจิวเก้อมองไปที่ฝูงมังกรดาบบรรพกาล

เขาวางฝ่ามือข้างขวาไว้บนหน้าอกข้างซ้าย จากนั้นนิ้วของเขาก็กดลงบนหน้าอกทำให้เกิดเสียงกลองอันแผ่วเบา

“ตุบ ตุบ ตุบ…”

เสียงกลองยังดำเนินต่อไปและกระจายไปทั่วสนามรบ

ฟงจิวเก้อไม่พบร่างจริงของฟางหยวนแต่เขาไม่จำเป็นต้องค้นหาเนื่องจากนี่เป็นท่าไม้ตายที่สามารถโจมตีเป็นวงกว้าง

ฟางหยวนอยู่ในระยะโจมตี เขาได้รับผลกระทบทันที หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุม

ฟางหยวนตกตะลึง

แม้จะมีเกราะหวนคืนแต่มันกลับไม่สามารถป้องกันท่าไม้ตายนี้

‘ไม่ ผลกระทบส่วนใหญ่สะท้อนกลับไปแล้ว มีเพียงบางส่วนที่สามารถเจาะเกราะหวนคืนเข้ามาหาข้า ดูเหมือนวังสวรรค์จะสามารถถอดรหัสเกราะหวนคืนของข้าได้บางส่วน’

ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เขาใช้เกราะหวนคืนไปหลายครั้งแล้ว วังสวรรค์มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาชั้นยอดเช่นเทพธิดาจื่อเว่ย รวมกับกระดานหมากรุกกลุ่มดาว ไม่แปลกที่นางจะมีความก้าวหน้าเช่นนี้

“บึม บึม บึม…”

มังกรดาบบรรพกาลเริ่มระเบิดตัวเองทีละตัว

‘ท่าไม้ตายเสียงกลองหัวใจถูกมอบให้ข้าโดยวังสวรรค์ มันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา เมื่อถูกโจมตี ความคิดของผู้อมตะจะถูกก่อกวน ท่าไม้ตายของฟางหยวนค่อนข้างซับซ้อน แล้วเขาจะทนได้นานเท่าใด?’ ฟงจิวเก้อรอคอยอย่างมีความหวัง

‘เป็นท่าไม้ตายที่น่าประทับใจ มันถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีข้าโดยเฉพาะ’ ฟางหยวนพิจารณาถึงผลกระทบของท่าไม้ตายที่น่าเหลือเชื่อนี้

ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ร่างแยกหมื่นตัวตนที่เกิดจากเจตจำนงของฟางหยวนถูกทำลายไปอย่างต่อเนื่อง

ร่างแยกเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของมังกรดาบบรรพกาลที่เขาใช้อยู่

‘ร่างแยกหมื่นตัวตนเหล่านี้เกิดจากวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่นั่นก็ทำให้พวกมันอ่อนไหวต่อการโจมตีของฟงจิวเก้อ’

ฟางหยวนเฝ้ามองการสูญเสียของเขา

เกือบทุกลมหายใจ ร่างแยกของเขาจะแตกสลายไปหลายสิบร่าง

‘อย่างไรก็ตามร่างแยกส่วนใหญ่แตกสลายไปเพราะการรักษาเกราะหวนคืนและภูตมังกรดาบบรรพกาลของข้า ตั้งแต่ข้ากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร ร่างแยกเหล่านี้ก็เริ่มตายไปแล้ว’

ถูกต้อง

เหตุผลที่ฟางหยวนสามารถใช้เกราะหวนคืนและท่าไม้ตายอื่นๆพร้อมกันเป็นเพราะร่างแยกหมื่นตัวตนที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนประสบปัญหานี้ แม้เขาจะมีเกราะหวนคืนที่ทรงพลังแต่เขาไม่สามารถแบ่งจิตเป็นหลายทางมากเกินไป

ในการต่อสู้กับฟงจิวเก้อครั้งก่อน เขาได้รับแรงบันดาลในมาจากนักรบเพลง ดังนั้นเขาจึงสามารถคิดวิธีนี้

‘ด้วยการคงอยู่ของร่างแยกหมื่นตัวตน พลังการต่อสู้ของข้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก’

มีปัญหาสองประการในการบรรลุเป้าหมายนี้

ปัญหาแรกคือร่างแยกหมื่นตัวตนไม่สามารถคิดได้เอง เขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาแก้ไข

ปัญหาที่สองคือแม้ร่างแยกจะสามารถคิด มันก็ยังไม่สามารถรวมเป็นความคิดเดียวกันกับเขา

ดังนั้นฟางหยวนจึงแก้ปัญหาโดยใช้วิญญาณอมตะรักตัวเองและวิญญาณอมตะความใคร่เพื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะที่สามารถสร้างเจตจำนงของตนเองจำนวนมหาศาล

ทั้งสองปัญหาได้รับการแก้ไขโดยวิธีการบางอย่างจากมรดกของราชันภูเขาม่วง มันเรียกว่าท่าไม้ตายอมตะรวบรวมความคิด!

แน่นอนว่าแม้ทั้งสองปัญญาจะได้รับการแก้ไขแต่ฟางหยวนยังต้องพึ่งพาความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนขึ้นสู่ระดับใหม่ทั้งหมด

‘ฟงจิวเก้อ ท่าไม้ตายของเจ้ายังไม่เพียงพอ’ ฟางหยวนหัวเราะเย้ยหยันอยู่ภายในใจ

เพราะเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

เขาเตรียมร่างแยกนับล้านร่างเอาไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

การตายของร่างแยกเพียงไม่กี่ร่างไร้นัยสำคัญอย่างสิ้นเชิง

ท่าไม้ตายอมตะภาพอนาคตสามลมหายใจ!

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!

ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิต!

กลิ่นอายของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนปะทุออกมาจากร่างของฟางหยวน

มันเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่

“เป็นไปได้อย่างไร?” ฟงจิวเก้อตกใจมาก “ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะมากมายในเวลาเดียวกันได้อย่างไร!?”

เขาตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

มันเป็นไปไม่ได้!

เขาเคยคิดว่าฟางหยวนไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะได้เกินสองหรือสามท่า แต่สิ่งที่ฟงจิวเก้อเห็นทำให้เขาตระหนักได้ในที่สุดว่าฟางหยวนมีพัฒนาการที่เกินกว่าจินตนาการของเขาไปไกลมาก

จุดอ่อนที่ฟางหยวนเคยมีไม่มีอยู่อีกต่อไป ตอนนี้เขามีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น

คลื่นมังกรดาบบรรพกาลยังอยู่

ภาพอนาคตสามลมหายใจทำให้ฟางหยวนมีความรู้สึกที่เฉียบแหลม ขณะเดียวกันดาบประหารชีวิตที่ได้รับการสนับสนุนจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบก็เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อกัดฟันแน่น เขาไม่ได้ถอยกลับแต่ก้าวไปข้างหน้าและพุ่งเข้าไปหาฝูงมังกรดาบบรรพกาล

“บึม บึม บึม…”

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ฟงจิวเก้ออาละวาดอยู่ในฝูงมังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วน

แต่เขากลับตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ

‘นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ฟางหยวนควบคุมพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมด ข้าอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ ข้าต้องไปเดี๋ยวนี้!’ ขณะที่เพลงทางผ่านแสงยังทำงานอยู่ ฟงจิวเก้อตัดสินใจล่าถอย

เขาถูกบังคับให้ถอยโดยฟางหยวนเพียงผู้เดียว!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท