เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1434

ตอนที่ 1434

“ครืน…”

คลื่นยักษ์เคลื่อนผ่านอสูรปีวอกแรกกำเนิดก่อนจะพุ่งโจมตีหงซื่อ

หัวใจของหงซื่อจมดิ่งลง

เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดชั้นยอดของวังสวรรค์ ตอนนี้เขาตระหนักได้ในที่สุด

‘ฟางหยวนและคนเหล่านี้สามารถควบคุมสายธารแห่งกาลเวลา!’

เขาตกใจมาก

นี่หมายความว่าเขาตกลงสู่หลุมพรางโดยไม่รู้ตัวจนถึงตอนนี้

มันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย

‘นี่เป็นไปได้อย่างไร? ฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน แต่คนผู้นี้ไม่สามารถควบคุมสายธารแห่งกาลเวลา! มันคือสิ่งที่เทพธิดาจื่อเว่ยอนุมานไว้’

ความตกใจค่อยๆหายไปจากหัวใจของหงซื่อแต่เปลี่ยนเป็นความสงสัย

ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจของเขา

‘นี่อาจเป็นพลังอำนาจจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง’

‘มีเพียงเทพปีศาจบัวแดงเท่านั้นที่สามารถควบคุมบางส่วนของสายธารแห่งกาลเวลา’

เมื่อเห็นคลื่นยักษ์พุ่งเข้ามา การแสดงออกของหงซื่อกลายเป็นแน่วแน่

‘ลืมมันไปซะ!’

‘ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นพลังอำนาจที่แท้จริงของข้า!’

“อ๊าก!” หงซื่อคำรามและปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาอย่างต่อเนื่อง

ศีรษะล้านของเขาส่องประกายระยิบระยับ

ภายใต้การจ้องมองของเขา คลื่นน้ำค่อยๆกลับสู่สภาพเดิม

ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นแห่งกาลเวลาก็พุ่งออกมาจากร่างของเขาและเคลื่อนที่ไปยังไป่หนิงปิงและคนอื่นๆ มันดูเหมือนช้าแต่แท้จริงแล้วมันเร็วมาก

ความโกรธทำให้หงซื่อปลดปล่อยพลังอำนาจออกมาอย่างเต็มที่

‘โอ้ ช่างอัศจรรย์นัก เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอย่างน้อยสี่ท่าพร้อมกัน’ หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเมื่อเห็นฉากนี้

เทพธิดาจื่อเว่ยมอบภารกิจกำจัดฟางหยวนในสายธารแห่งกาลเวลาให้กับหงซื่อเพียงผู้เดียว นี่แสดงให้เห็นว่าเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอสำหรับภารกิจนี้

ตอนนี้เขาปลดปล่อยพลังอำนาจที่แท้จริงออกมา มันสามารถหยุดคลื่นยักษ์และรับรองความปลอดภัยของเขา ขณะเดียวกันเขายังสามารถโจมตีไป่หนิงปิงและคนอื่นๆอย่างรุนแรง

ใบหน้าของไป่หนิงปิงและคนอื่นๆกลายเป็นซีดเผือด พวกนางติดอยู่ในฝุ่นทรายสีเหลืองและไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง

พลังของคลื่นแห่งกาลเวลายากที่จะคาดเดา แต่ความน่ากลัวของมันกระทั่งฟงจิวเก้อยังไม่กล้าสัมผัสโดยไม่ต้องกล่าวถึงไป่หนิงปิงและคนอื่นๆ

“เขากำลังบังคับให้ข้าปรากฏตัว” ฟางหยวนพึมพำและมองไปยังเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ด้านข้าง

เขาใช้ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆเป็นเหยื่อล่อ แต่มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่หากพวกนางตายอยู่ที่นี่

นอกจากนั้นยังมีอิงอู๋เซี่ยซึ่งเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่เขาต้องเก็บไว้

เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะ “อย่ากังวล ฟางหยวน เกาะบัวหินแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจบัวแดง แม้หงซื่อจะสามารถรับมือคลื่นน้ำแต่อย่าลืมปราณดาบ”

“ฟังให้ดี นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังที่สุดของเต๋าจิ่วหลาง ชื่อของมันคือดาบเก้าเก้า เมื่อกระตุ้นใช้งาน มันจะปลดปล่อยปราณดาบเก้าชั้นออกไป ปราณดาบแต่ละชั้นมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว หากปราณดาบแต่ละชั้นถูกทำลาย พวกมันสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกเก้าครั้ง นั่นหมายความว่ามันสามารถโจมตีได้แปดสิบเอ็ดครั้ง นี่เป็นท่าไม้ตายที่กระทั่งเต๋าจิ่วหลางยังเคยใช้งานเพียงสามครั้งตลอดช่วงชีวิตของเขา ทุกครั้งที่เขาใช้มัน มันจะกลืนกินชีวิตของเขาไปหนึ่งร้อยปี และท่าไม้ตายอมตะที่ข้าจะใช้หลังจากนั้นคือผลงานชิ้นเอกของซื่อหยวน!”

ไม่นานหลังจากนั้นฟางหยวนก็เห็นปราณดาบเก้าสชั้นพุ่งออกจากสายธารแห่งกาลเวลา

แสงจากปราณดาบสว่างมาก กระทั่งฟางหยวนที่กำลังมองมันผ่านภาพยังรู้สึกเจ็บปวดในดวงตา

เมื่อเห็นปราณดาบเหล่านี้ ใบหน้าของหงซื่อแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวและสิ้นหวัง

เขาตระหนักถึงภัยคุมคามร้ายแรงต่อชีวิตของเขาจากปราณดาบเหล่านี้ นี่ไม่ใช่เรื่องตลก หากเต๋าจิ่วหลางเกิดที่ภาคกลาง เขาจะได้เข้าสู่วังสวรรค์อย่างแน่นอน

เขาเป็นบุคคลในตำนานบนเส้นทางแห่งดาบของทะลทรายตะวันตก

การโจมตีครั้งนี้เป็นการแสดงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของเขา มันเป็นท่าไม้ตายที่เขาใช้ในการต่อสู้กับซื่อหยวน

หงซื่อรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาไม่สนใจคลื่นน้ำ ไป่หนิงปิง หรือผู้ใดอีกต่อไป

เขาตะโกนสุดเสียงขณะกระตุ้นใช้ไพ่ตายที่ซ่อนเอาไว้เพื่อปกป้องตนเอง

“บึม บึม บึม…”

การระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปราณดาบโจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก

หงซื่อซ่อนตัวอยู่ในบอลแสง เมื่อการโจมตีจบลง มีบาดแผลขนาดใหญ่อยู่บนร่างกายของเขา

ไม่มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลแต่สิ่งนี้กลับบ่งบอกถึงสถานการณ์ที่น่าสมเพชของเขาเพราะบาดแผลเหล่านั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบที่ยังบุกรุกเข้าไปยังอวัยวะภายในของเขาอย่างต่อเนื่อง

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดู เขาจบแล้ว” เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะเสียงดัง

“เอาล่ะ ต่อไป!” เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณขยับมือ “นี่เป็นไพ่ตายของซื่อหยวน ฮ่าฮ่า ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะรอดจากสิ่งนี้!”

หลังกล่าวจบคำ ปราณดาบที่ทรงพลังค่อยๆปรากฏขึ้นจากคลื่นยักษ์

รูม่านตาของหงซื่อหดเล็กลง มีเพียงความคิดเดียวที่อยู่ในใจของเขาเวลานี้ ‘หนี!’

แต่เขาพบว่าตนเองไม่สามารถขยับเขยื้อน

‘นี่คือท่าไม้ตายของซื่อหยวน นรกดาบ! อา…’

หัวใจของหงซื่อเต้นแรงด้วยความตื่นตระหนก

เขาใช้วิธีการทั้งหมดเพื่อต่อต้านท่าไม้ตายอมตะดาบเก้าเก้า ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก พลังป้องกันของเขาแทบเป็นศูนย์

‘ข้าจะตายอยู่ที่นี่งั้นหรือ?’ หงซื่อรู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามา

อย่างไรก็ตามในเวลานี้เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลับอุทาน “ไม่ดีแล้ว เกาะบัวหินไม่สามารถแบกรับภาระนี้ หากเรายืนกรานที่จะสังหารหงซื่อ รากฐานของเกาะบัวหินจะถูกใช้ไปจนหมด แต่หากเราปล่อยหงซื่อไป มันจะสามารถอยู่ได้อีกหลายปี”

“ฆ่าเขา!” ฟางหยวนตัดสินใจโดยไม่ลังเล

“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว” เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณตอบรับและหยุดพูด

หงซื่อดิ้นรนอย่างหนักแต่ยังไม่สามารถกำจัดโซ่ตรวนที่ผนึกการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้

การแสดงออกของเขาเปลี่ยนเป็นน่ากลัวขณะที่เขากรีดร้องอย่างไม่หยุดยั้ง

“ผู้ใดจะคิดว่าข้าผู้ยิ่งใหญ่หงซื่อจะตายอยู่ที่นี่จริงๆ!”

“การเสียสละของข้าไม่สำคัญ แต่ข้าทำให้แผนการของวังสวรรค์ล้มเหลวและปล่อยปีศาจต่างโลกฟางหยวนเดินทางต่อไปได้อย่างอิสระ!”

“ข้าไม่ยอมรับ! อ๊าก…ข้าต้องไม่แพ้…”

หงซื่อคำรามซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่เสียงของเขาก็หยุดลงในที่สุด

พลังชีวิตของเขาสูญสลายไปอย่างสมบูรณ์ ปราณดาบเหมือนสัตว์อสูรในตำนานที่กลืนกินพลังชีวิตของเขาเข้าไปท่ามกลางความมืดมิด

ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของวังสวรรค์ หงซื่อ ตายแล้ว!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท