เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1430

ตอนที่ 1430

มิติช่องว่างจักรพรรดิ สวรรค์สีเขียวน้อย

อาณาจักรแห่งความฝันสีรุ้งขนาดมหึมาลอยอยู่บนท้องฟ้า

เจตจำนงของตนเองเปลี่ยนเป็นร่างของฟางหยวน มันดูสมจริงมาก

ภายในเจตจำนงของตนเองมีพลังงานอมตะและวิญญาณหลายดวง

“นี่คือความพยายามครั้งสุดท้ายสำหรับตอนนี้” เจตจำนงของตนเองในร่างฟางหยวนพึมพำ

ลูกพลัมแดงอมตะถูกใช้ไป ในเวลาเดียวกันวิญญาณอมตะรักตัวเองและวิญญาณอมตะความใคร่ก็ถูกกระตุ้นใช้งานตามด้วยวิญญาณระดับมนุษย์อีกจำนวนหนึ่ง

ในไม่ช้าเจตจำนงจำนวนมากก็พุ่งออกมาและทำให้เจตจำนงร่างฟางหยวนกลายเป็นยักษ์สูงหลายเมตร

หลังจากกระบวนการนี้ฟางหยวนหยุดพักชั่วขณะ

ร่างยักษ์หดเล็กลงสิบส่วนแต่มันควบแน่นมากขึ้นและสามารถคิดด้วยตัวของมันเองมากขึ้น

ต่อไปเจตจำนงของฟางหยวนก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกครั้ง

นี่เป็นท่าไม้ตายไร้ชื่อที่ฟางหยวนสร้างขึ้นเพื่อจัดการอาณาจักรแห่งความฝันโดยเฉพาะ

แสงสว่างพุ่งไปยังอาณาจักรแห่งความฝันราวกับคมดาบ

ไม่กี่นาทีต่อมาฟางหยวนก็หยุดเคลื่อนไหว เจตจำนงของเขาหดเล็กลงจนมีขนาดเท่ากับเด็กทารก ลูกพลัมแดงอมตะถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว

“ข้าล้มเหลว” เจตจำนงของฟางหยวนถอนหายใจ

ในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนได้รับกายาแห่งความฝันจำนวนมาก แต่ระหว่างการเดินทางมายังทะเลทรายตะวันตก เขาเสียสละกายาแห่งความฝันหลายร่างเพื่อสกัดกั้นศัตรู

หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลาที่กำหนดกายาแห่งความฝันที่เหลือจึงกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน

ฟางหยวนเก็บอาณาจักรแห่งความฝันทั้งหมดไว้ในสวรรค์สีเขียวน้อย

หลังจากทั้งหมดมิติช่องว่างจักรพรรดิมีพื้นที่ใหญ่โตมาก

แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีทรัพยากรวางอยู่ เหลือเพียงสองแห่งที่ยังว่าง หนึ่งคือสวรรค์สีแดงน้อย อีกหนึ่งคือสวรรค์สีเขียวน้อย

ไม่นานมานี้ฟางหยวนใช้สวรรค์สีแดงน้อยเป็นสถานที่ต่อสู้กับอสูรปีวอกแรกกำเนิด

สำหรับสวรรค์สีเขียวน้อย มันถูกใช้เป็นสถานที่เก็บอาณาจักรแห่งความฝัน

แต่อาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้ถูกแทรกซึมโดยเจตจำนงสวรรค์ พวกมันเต็มไปด้วยอันตราย

เมื่อเจตจำนงสวรรค์แฝงตัวอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน มันจะสามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอก แม้ฟางหยวนจะครอบครองวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด เขาก็ยังจะถูกค้นพบ

ฟางหยวนเรียนรู้สิ่งนี้มานานแล้ว

อย่างไรก็ตามฟางหยวนถูกติดตามตัวโดยท่าไม้ตายสายตรวจสอบของเทพธิดาจื่อเว่ย เนื่องจากตำแหน่งที่อยู่ของเขาถูกเปิดเผยตลอดเวลา ดังนั้นการคงอยู่ของเจตจำนงสวรรค์จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่

ฟางหยวนต้องการกำจัดเจตจำนงสวรรค์เพื่อประโยชน์ให้กับตนเอง

อาณาจักรแห่งความฝันมีความหมายที่แท้จริงบรรจุอยู่ภายใน มันจะช่วยเพิ่มระดับความสำเร็จของเขา โดยเฉพาะเมื่ออาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้เหมาะสมกับเขามาก

แต่ขณะนี้พวกเขากำลังถูกไล่ล่าขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันยังเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ด้วยเหตุผลหลายประการทำให้ฟางหยวนไม่สามารถสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันได้ในเวลานี้

‘แต่หากข้าสามารถกำจัดเจตจำนงสวรรค์ทั้งหมดทิ้งไป?’

ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนและหยั่งรากลึกอย่างมั่นคงอยู่ที่นั่น

ในทางทฤษฎีมีความเป็นไปได้

เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์สามารถแทรกซึมเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ดังนั้นมันก็สามารถออกไปได้เช่นกัน

ในชีวิตแรกของฟางหยวน เขาเคยได้ยินว่ามีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่คิดค้นวิธีบนเส้นทางแห่งความฝันโดยใช้เจตจำนงหรืออารมณ์บุกเข้าไปสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน

ด้วยเหตุผลหลายประการทำให้ฟางหยวนสามารถยืนยันว่ามันเป็นไปได้

แต่แผนการของเขาไม่ราบรื่น

เขาใช้วิธีการมากมายเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะแต่แผนการของเขายังไม่ประสบความสำเร็จ

มันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

‘ดูเหมือนความได้เปรียบของข้าเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝันจะมาจากการกำเนิดใหม่เท่านั้น หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ข้าไม่มีงานวิจัยในเชิงลึกบนเส้นทางแห่งความฝันแม้แต่ในชีวิตก่อนหน้านี้ บางทีเมื่อความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าเพิ่มขึ้นในอนาคต ข้าอาจมีความก้าวหน้าบางอย่าง’

ฟางหยวนตระหนักถึงความไม่สามารถของตนเองและตัดสินใจหยุดโดยไม่ลังเล

เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกครั้งกับอาณาจักรแห่งความฝัน

ในไม่ช้าอาณาจักรแห่งความฝันก็กลายเป็นกายาแห่งความฝัน

ฟางหยวนได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง เขารู้วิธีเปลี่ยนอาณาจักรแห่งความฝันเป็นกายาแห่งความฝัน แน่นอนว่ากายาแห่งความฝันเหล่านี้ยังด้อยกว่ากายาแห่งความฝันที่ราชันภูเขาม่วงสร้างขึ้นเพราะเขาขาดวิญญาณอมตะที่จำเป็น

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังพอใจกับสิ่งนี้

เขาเพียงต้องการย้ายอาณาจักรแห่งความฝันออกจากมิติช่องว่างจักรพรรดิเท่านั้น

อาณาจักรแห่งความฝันทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นกายาแห่งความฝันและถูกดึงออกไป

ภายใต้การจัดการของฟางหยวน กายาแห่งความฝันเหล่านี้ถูกจัดวางในตำแหน่งที่เขาวางแผนไว้

จากนั้นเขาก็สั่งให้พวกมันระเบิดตัวเองและกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

อาณาจักรแห่งความฝันกลายเป็นปราการป้องกันที่แน่นหนา แม้ผู้อมตะระดับแปดจากวังสวรรค์จะมาที่นี่ พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดกับอาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้

หลังจากเตรียมการขั้นแรกสำเร็จ ฟางหยวนเริ่มสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ

ตอนนี้เขาอยู่ลึกลงไปในทะเลทรายนิรนาม

มีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ที่นี่ ทรายของที่นี่มีส่วนผสมของทองคำทำให้สถานที่แห่งนี้เปล่งประกายเจิดจ้า

แต่สิ่งที่ฟางหยวนสนใจที่สุดคือใจกลางของถ้ำมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

มันมีขนาดเล็กกว่าสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาก่อนหน้านี้แต่มันมีเสถียรภาพมากกว่า ด้วยค่ายกลวิญญาณของฟางหยวน เขาสามารถใช้มันเป็นทางผ่านเพื่อเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา

แท้จริงแล้วนี่เป็นสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาแห่งสุดท้ายในการครอบครองของนิกายเงา

ฟางหยวนจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างระมัดระวัง

ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเขาอยู่ในระดับปรมาจารย์ ระหว่างทางเขาถูกไล่ล่าโดยวังสวรรค์ เขาต้องสร้างค่ายกลวิญญาณมากมาย นั่นทำให้เขาได้รับประสบการณ์มากขึ้น

ดังนั้นเขาจึงสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณนี้ได้อย่างสงบนิ่งและมั่นใจกับมันมาก

ตามความคาดหมาย ฟางหยวนใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อจัดตั้งค่ายกลวิญญาณนี้

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆที่ลาดตระเวนอยู่รอบๆถูกเรียกกลับมา

จากนั้นพวกนางก็เข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวนก่อนที่เขาจะออกคำสั่งอิงอู๋เซี่ย “ลงมือได้”

ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค!

อิงอู๋เซี่ยใช้ท่าไม้ตายอมตะนี้อีกครั้ง ด้วยการเชื่อมโยงโชค มันจะทำให้ฟางหยวนและคนอื่นๆโชคดีมากในช่วงเวลาหลังจากนี้

ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องการใช้มันด้วยตนเองเช่นกัน

แต่เขาเคยใช้มันมาแล้ว ตอนนี้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาไม่เพียงพอที่จะใช้มันเป็นครั้งที่สอง

อิงอู๋เซี่ยเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขามีรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่ลึกล้ำและสามารถใช้ท่าไม้ตายนี้ได้หลายครั้ง แต่ฟางหยวนไม่สามารถปล่อยให้รากฐานของอิงอู๋เซี่ยตกต่ำมากเกินไป

มิฉะนั้นมันจะส่งผลกระทบต่อการใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันของอิงอู๋เซี่ย

ความแข็งแกร่งมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ

ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนกับบางสิ่ง

ค่ายกลวิญญาณอมตะทำให้กระแสน้ำเริ่มปั่นป่วน

มีร่างแยกหมื่นตัวตนจำนวนมากอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน

พร้อมกับพลังอำนาจของท่าไม้ตาอยมะตผลาญวิญญาณระเบิดโชคและอสูรปีวอกแรกกำเนิด

กล่าวได้ว่าฟางหยวนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

เขารู้ว่าการเดินทางไปยังสายธารแห่งกาลเวลาครั้งนี้มีอันตรายแต่เขาต้องไป

ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน!

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นอสูรปีบรรพกาล!

ในเวลาต่อมาเขากลายเป็นอสูรปีบรรพกาล ค่ายกลวิญญาณระเบิดแสงสว่างออกมาและเปิดทางเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา

ฟางหยวนทะยานร่างเข้าไปทันที

“ครืน ครืน ครืน…”

คลื่นน้ำขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนสาดซัด

สายตาของฟางหยวนมองไปข้างหน้า

มันคือสายธารแห่งกาลเวลา!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท