เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1437

ตอนที่ 1437

ทะเลทรายตะวันตก

แสงแดดแผดเผาทุกรูปแบบชีวิต

ท้องฟ้าสีฟ้าไร้เมฆ มวลอากาศร้อนลอยขึ้นจากทะเลทรายสีทองและสร้างเป็นฉากที่บิดเบี้ยว

“ลาก่อน” กลุ่มของฟางหยวนกล่าวลาสองผู้อมตะตระกูลถัง

“สหาย ดูแลตัวเองด้วย” ถังหลานเค่อยิ้ม

นางเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่ดูแลสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาแห่งนี้ นางเป็นคนสำคัญในการช่วยฟางหยวนออกจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

ฟางหยวนยิ้ม “พวกท่านมาส่งพวกเราไกลนับหมื่นลี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งต่อไป”

ถังหลานเค่อเผยรอยยิ้มสดใสแต่นางกลับหัวเราะขมขื่นอยู่ภายใน ความร่วมมือกับฟางหยวนไม่ใช่เรื่องของการค้าเท่านั้นแต่มันยังเกี่ยวกับงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันของนิกายเงาอีกด้วย

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ฟางหยวนออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลา เขากลับไม่เคยกล่าวถึงเรื่องนี้และทำตัวราวกับลืมมันไปแล้ว

แม้ทั้งสองฝ่ายจะสร้างข้อตกลงพันธมิตร แต่ตระกูลถังยังกังวลอยู่บ้าง

ถังฟางหมิงที่เงียบมาตลอดเปิดปากถามโดยตรง “ท่านผู้นำนิกายเงาและสหาย ข้าสงสัยว่าเราจะร่วมมือกันหลังจากนี้อย่างไร?”

ฟางหยวนชำเลืองมองถังฟางหมิงและแสดงออกด้วยความชื่นชมผ่านดวงตา “ข้าสนใจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เราสามารถร่วมมือกันในเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เรากำลังถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะระดับแปดจากวังสวรรค์ มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เราจะร่วมมือกันในอนาคต วางใจได้ เราสร้างข้อตกลงพันธมิตรกันแล้วมิใช่หรือ? แน่นอนว่าหากตระกูลถังต้องการ เราสามารถอยู่ที่นี่ต่อ มันเป็นเพียงว่าสถานะของเราแตกต่างกันและการไล่ล่าของวังสวรรค์ก็กดดันพวกเราเป็นอย่างมาก”

ถังฟางหมิงและถังหลานเค่อมองหน้ากัน ทั้งสองสามารถมองเห็นความขมขื่นในดวงตาของกันและกัน

คำกล่าวของฟางหยวนหมายความว่าหากพวกเขาต้องการงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝัน พวกเขาต้องช่วยนิกายเงาต่อต้านวังสวรรค์ ในกรณีนั้นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างตระกูลถังและฝ่ายปีศาจจะถูกเปิดเผย พวกเขาต้องรับผลที่จะตามมาจากชื่อเสียงที่ตกต่ำลง

ตระกูลถังไม่สามารถรับผลลัพธ์ดังกล่าว

ขณะเดียวกันฟางหยวนก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอ เขาไม่กลัวตระกูลถังแม้ฝ่ายหลังจะมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะในการครอบครองก็ตาม

“หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอให้พวกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ” ถังฟางหมิงโค้งคำนับเล็กน้อย

“อืม ลาก่อน” ฟางหยวนพยักหน้าและออกเดินทางด้วยท่าทางเฉยเมย

ถังฟางหมิงและถังหลานเค่อยืนอยู่บนเนินทรายและมองกลุ่มของฟางหยวนกลายเป็นจุดสีดำหายไปที่เส้นขอบฟ้า

“เสี่ยวหมิง เจ้าจะปล่อยให้พวกเขาจากไปเช่นนี้งั้นหรือ?” ถังหลานเค่อขมวดคิ้ว

ถังฟางหมิงกล่าวอย่างสงบ “แม้ข้าจะไม่ยินดีปล่อยพวกเขาไปแต่ตระกูลถังของเราก็ไม่สามารถบังคับให้พวกเขาอยู่”

ถังหลานเค่อเงียบก่อนจะถอนหายใจ “เห้อ…ข้ารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ข้าไม่รู้ว่าพันธมิตรนี้จะเป็นประโยชน์หรือโทษต่อตระกูลของเรา”

ถังฟางหมิงตอบ “ข้ารู้เพียงว่ามีข้อดีย่อมต้องมีข้อเสีย บ่อยครั้งยิ่งเสี่ยงมาก็ยิ่งได้กำไรมาก นอกจากนั้นการตัดสินใจร่วมมือกับนิกายเงาก็ได้รับการเห็นชอบจากผู้อาวุโสสูงสุดหลายคน”

ถังหลานเค่อแสดงออกอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตระกูล มีเพียงเจ้ากับข้าเท่านั้นที่ติดต่อกับนิกายเงา! หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้น มีเพียงพวกเราที่ต้องรับผิดชอบ!”

ถังฟางหมิงหัวเราะเย้ยหยัน

ตระกูลถังจะใช้เขาและถังหลานเค่อเป็นแพะรับบาปหากเกิดเรื่องผิดพลาด

นี่เป็นกลอุบายที่ฝ่ายธรรมะมักใช้งานและถังฟางหมิงก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี

‘ฟางหยวนเป็นคนเช่นไร? เขาย่อมตระหนักถึงกลอุบายของตระกูลถัง สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ใกล้กับฐานทัพใหญ่ของตระกูล พวกเขาอยู่ที่นี่มานับสิบวันแต่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งไม่เคยปรากฏตัว ต้องการสร้างความร่วมมือแต่กลับไม่แสดงความจริงใจ? เมื่อตัดสินใจสร้างความร่วมมือกัน เราก็ต้องเตรียมใจให้พร้อม เราจะประสบความสำเร็จขณะที่ยังลังเลใจเช่นนี้ได้อย่างไร?’

ถังฟางหมิงคิดกับตนเองขณะที่ถังหลานเค่อเปิดปากถาม “เจ้าคิดอย่างไรกับฟางหยวน? เขาบอกว่าเขาถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะระดับแปดหลายคนจากวังสวรรค์ เจ้าคิดว่าเขากล่าวเกินจริงหรือไม่?”

ถังฟางหมิงเข้าใจความหมายของถังหลานเค่อ ทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาก็คือเงียบ

หากเขากล่าวถึงฟางหยวนในแง่ร้าย ถังหลานเค่อจะรายงานกับตระกูลว่าถังฟางหมิงรู้สึกไม่ดีต่อนิกายเงาและทำให้พวกเขาไม่มีความสุข นางสามารถใช้เรื่องนี้เพื่อผลักดันความรับผิดชอบให้เขาเพียงผู้เดียว

หากเขากล่าวถึงฟางหยวนในแง่ดี ถังหลานเค่อจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ในกรณีที่ความร่วมมือกับฝ่ายปีศาจถูกเปิดเผย ตระกูลถังจะสังเวยทั้งสอง แต่ถังหลานเค่อจะใช้เรื่องนี้เพื่อโน้มน้าวให้ผู้อาวุโสสูงสุดลดโทษให้นางและโยนความผิดไปที่ถังฟางหมิงทั้งหมด

ถังฟางหมิงอาจไม่คุ้นเคยกับการเมืองของตระกูลเนื่องจากเขาพึ่งกลับเข้าตระกูล แต่เขาไม่ใช่คนโง่

เขาถอนหายใจและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “แม้ข้าจะไม่เคยเห็นพลังการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขาด้วยตาของตนเอง แต่หลังจากติดต่อกันมาหลายวัน ข้ามั่นใจว่าชื่อเสียงของเขาไม่ใช่เรื่องหลอกลวง ฟางหยวนเป็นตำนานของคนรุ่นนี้ ท่าทางที่สง่างามและความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกชื่นชมเขา ชายผู้นี้กำลังท้าทายสวรรค์ เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ เรายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขา”

ร่องรอยของความสุขปรากฏขึ้นในดวงตาของถังหลานเค่อ นางนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำกล่าวของถังฟางหมิง

อีกด้านหนึ่งฟางหยวนกำลังคิดเกี่ยวกับถังฟางหมิงเช่นกัน

ในความทรงจำของเขา ถังฟางหมิงผู้นี้เป็นบุคคลในตำนานของทะเลทรายตะวันตก

สถานะของเขาเกือบเท่ากับหม่าหงหยุนของภาคเหนือ

ถังฟางหมิงถูกตระกูลละทิ้งอย่างไร้ปรานีเมื่อเขายังเด็ก

เขาและน้องสาวของเขา ถังเมี่ยว ต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่กลางทะเลทราย แต่เนื่องจากการเผชิญหน้าโดยบังเอิญ เขาจึงสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะขณะที่ถังเมี่ยวกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด

ผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนของตระกูลถังเสียสละผู้ใช้วิญญาณระดับสูงหลายคนของตระกูลเพื่อแลกกับการนำถังฟางหมิงกลับเข้าตระกูล

ต่อมาเขาสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าการตัดสินใจของผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลถังเป็นเรื่องที่ชาญฉลาด

หลังจากถังฟางหมิงกลับเข้าสู่ตระกูล เขาช่วยถังเมี่ยวก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นอกจากนั้นเขายังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อย่างขยับขันแข็ง

เขามีความสามารถพิเศษและมีความเฉลียวฉลาด

เขาเริ่มสร้างวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝัน เขาเป็นคนสำคัญที่ทำให้ตระกูลถังเติบโตขึ้น

ในสงครามห้าภูมิภาค อาณาจักรแห่งความฝันปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง เส้นทางแห่งความฝันเจริญรุ่งเรืองขณะที่ตระกูลถังสามารถก้าวขึ้นสู่ความเป็นมหาอำนาจของทะเลทรายตะวันตก

พวกเขาแข็งแกร่งมาก แม้จะรวมทั้งห้าภูมิภาค พวกเขาก็ยังถือเป็นกองกำลังระดับสูงสุด ชื่อเสียงของพวกเขาแพร่กระจายไปทั่วโลก ผู้คนมากมายกล่าวว่ามันเป็นยุคทองของตระกูลถัง

และตัวตนที่โดดเด่นที่สุดก็คือผู้อมตะที่หันไปบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งความฝัน ถังฟางหมิง!

‘ปัจจุบันหม่าหงหยุนเสียชีวิตไปแล้ว ด้วยความร่วมมือกับข้า ถังฟางหมิงจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว หากเปรียบเทียบ ชีวิตของคนทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง’

‘แต่เส้นทางที่แท้จริงที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตา หม่าหงหยุนต้องตาย’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

บนเกาะบัวหิน นอกจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขายังได้รับข้อมูลที่มีค่าบางอย่าง เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถอนุมานหลายสิ่งด้วยความช่วยเหลือจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

ในชีวิตแรกของฟางหยวน นิกายเงาประสบความสำเร็จในการท้าทายสวรรค์ เทพปีศาจจิตวิญญาณฟื้นคืนสู่ชีวิตและประสบความสำเร็จในการแทรกซึมเข้าสู่วังสวรรค์

ต่อมาเมื่อยุคที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับสงครามห้าภูมิภาค อิทธิพลของนิกายเงาแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้าภูมิภาคและสองสวรรค์ พวกเขาควบคุมทุกสิ่งอยู่ในความมืด

นิกายเงาช่วยชีวิตหม่าหงหยุนเอาไว้หลายครั้งก่อนที่เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษของภาคเหนือในการต่อต้านวังสวรรค์

ตระกูลถังได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆจากนิกายเงาเช่นกัน

ถูกต้อง

ในชีวิตแรกของฟางหยวน ตระกูลถังได้สร้างความร่วมมือกับนิกายเงาเช่นเดียวกับชีวิตนี้ เหตุผลที่ตระกูลถังสามารถสร้างยุคทองและต่อต้านวังสวรรค์ได้เป็นเพราะการสนับสนุนจากนิกายเงา

ฟางหยวนเลือกที่จะร่วมมือกับตระกูลถังส่วนใหญ่เป็นเพราะเหตุผลนี้

ในทะเลทรายตะวันตก ตระกูลถังไม่ใช่กองกำลังเดียวที่ครอบครองสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา แต่เปรียบเทียบกับอีกสองกองกำลัง ตระกูลถังมีมีพื้นฐานในการร่วมมืออย่างจริงใจมากที่สุด

เหตุการณ์ที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าการเลือกของฟางหยวนไม่ผิด

ด้วยการหยิบยืมสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาจากตระกูลถัง ฟางหยวนสามารถหลบหนีออกมาโดยปล่อยให้กลุ่มของฟงจิวเก้อรอคอยอย่างไร้จุดหมาย

‘แต่…’

‘ในชีวิตแรกของข้า แม้แผนการของนิกายเงาจะประสบความสำเร็จ เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถฟื้นคืนสู่ชีวิต แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่สามารถกู้คืนสถานะเทพปีศาจ ในเวลานั้นนิกายเงายังแข็งแกร่ง แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณกลับเลือกที่จะต่อสู้กับวังสวรรค์อยู่ในที่มืด นี่เป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของวังสวรรค์กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณในเวลานั้นก็ยังยากที่จะเผชิญหน้า!’

‘ในชีวิตนี้แผนการของเทพปีศาจจิตวิญญาณล้มเหลวเพราะข้า ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับ นิกายเงาอยู่ในสภาพที่น่าเวทนา สถานการณ์นี้เลวร้ายกว่าชีวิตแรกของข้าหลายเท่า’

‘ตอนนี้ข้าอาจต้องดำเนินรอยตามกลยุทธ์ของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้าต้องซ่อนตัวและสนับสนุนกองกำลังต่างๆเช่นตระกูลถังเพื่อให้พวกเขาต่อสู้กับวังสวรรค์’

‘แต่ข้าจะทำอย่างไรกับวิญญาณชะตากรรม?’

ฟางหยวนขมวดคิ้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้

ในชีวิตแรกของเขา วังสวรรค์ไม่สามารถกู้คืนวิญญาณชะตากรรมเนื่องจากกองกำลังพันธมิตรผีดิบยังอยู่ขณะที่เทพปีศาจจิตวิญญาณที่ตายไปนานแล้วสามารถฟื้นคืนสู่ชีวิต นอกจากนั้นเขายังวางอุบายมากมายเพื่อขัดขวางวังสวรรค์ในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม

แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป

สถานการณ์ที่ฟางหยวนกำลังเผชิญหน้าเลวร้ายกว่ามาก

ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับ กองกำลังพันธมิตรผีดิบหายไป สิ่งมีชีวิตที่ท้าทายโชคชะตาจำนวนมากถูกกำจัดไปแล้ว นี่ทำให้การฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมง่ายขึ้น

วิญญาณชะตากรรมเหมือนดาบของเพชฌฆาตที่วางอยู่บนลำคอของฟางหยวน

เจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณเตือนฟางหยวนให้ระวังวิญญาณชะตากรรม หากมันฟื้นฟูขึ้นอย่างสมบูรณ์ มันจะกลายเป็นหายนะ

ฟางหยวนจดจำคำเตือนนี้เอาไว้ในใจ แต่เขายังไม่มีวิธีที่จะทำลายวิญญาณอมตะดวงนี้

สำหรับนิกายเงา ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพึ่งพาฟางหยวน

‘ในชีวิตแรกของข้า ข้าเดินทางตลอดเวลา เร่ร่อน อดทนต่อความยากลำบาก ถูกวางแผนต่อต้าน ทนทุกข์ทรมาน และถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยเจตจำนงสวรรค์ ข้าไม่มีทางหลบหนีจากชะตากรรม’

‘เจตจำนงสวรรค์เลือกข้าเป็นเครื่องมือแต่เมื่อข้าไม่ได้ทำลายวิญญาณทารกอมตะและยังใช้มันกับตนเอง ข้าได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางสายใหม่และต้องต่อสู้กับสวรรค์โดยไม่มีทางเลือก’

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟางหวนก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

เจตจำนงสวรรค์ยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต

หากเปรียบเทียบ ตัวตนของเขาไม่ถือเป็นสิ่งใด

ท้าทายสวรรค์?

‘น่าสนใจ’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอย่างเงียบๆ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท