เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1454

ตอนที่ 1454

ลดราคา!

เมื่อฟางหยวนลดราคาสินค้า เซี่ยเปาซูและอีกสองคนก็ต้องลดราคาสินค้าของพวกเขาหลังจากสองสามวัน

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ลดราคามากนัก พวกเขาลดราคาลงมาเท่ากับฟางหยวน

“ข้าเป็นคนใหม่ในธุรกิจนี้ ตัวตนของข้าลึกลับและไม่เป็นที่รู้จักขณะที่อีกสามคนล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเต็มไปด้วยประสบการณ์ พวกเขาได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ดังนั้นตราบเท่าที่ราคาขายของพวกเขาเท่ากับข้า ผู้ซื้อจะเลือกสินค้าของพวกเขา”

ฟางหยวนเข้าใจแผนการของเซี่ยเปาซูและอีกสองคนเป็นอย่างดี

มันเป็นข้อได้เปรียบของพวกเขาที่อยู่ในธุรกิจนี้มานานกว่าฟางหยวน นี่ไม่ใช่เรื่องตลก

“อย่างไรก็ตาม…แม้พวกเขาทำเช่นนี้แล้วอย่างไร?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

ในวันที่เซี่ยเปาซูและอีกสองคนลดราคา ฟางหยวนก็ลดราคาของเขาลงอีกครั้ง

ผู้อมตะในสวรรค์สีเหลืองกำลังเฝ้ามองสงครามราคาครั้งนี้อยู่อย่างใกล้ชิด ดังนั้นข่าวเรื่องการลดราคาของฟางหยวนจึงแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานกองกำลังต่างๆและผู้อมตะจำนวนมากก็รู้เรื่องนี้

“ได้ยินว่าเซี่ยเปาซูลดราคาสินค้าของเขาลงแล้ว ข้าต้องการซื้อสินค้าของเขาเพราะข้าเคยทำเช่นนั้นทุกปี”

“จริง เว้นเพียงว่าข้าชอบสินค้าของหรงซินมากกว่า”

“แต่ผู้ขายรายที่สี่ลดราคาลงอีกครั้ง เขาร่ำรวยจริงๆ เขากำลังท้าทายผู้ขายทั้งสาม”

ผู้ซื้อมีความสุขกับสงครามราคาในครั้งนี้เพราะพวกเขาเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด

ในระดับราคาเดียวกัน ฟางหยวนไม่ใช่คู่แข่งของอีกสามคน แต่เมื่อเขาลดราคาลง เขาจึงกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ

ท้ายที่สุดสินค้าของฟางหยวนก็มีคุณภาพและราคาถูก เช่นนี้แล้วผู้ใดจะโง่ซื้อสินค้าราคาแพง

ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถขายสินค้าได้เป็นจำนวนมากขณะที่ไม่มีผู้ใดซื้อสินค้าจากผู้ขายรายเดิม

หลังจากเรียนรู้เรื่องนี้ หรงซินหัวเราะเสียงเย็น

เขากล่าวกับอีกสองคน “น่าสนใจ คนผู้นี้ต้องการท้าทายพวกเราจริงๆ”

หวังหมิงเยว่ยิ้ม “หลายปีที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับพวกเรา คราวนี้ข้าต้องการดูว่าคนผู้นี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงใด?”

เซี่ยเปาซูกล่าวเสริม “เช่นนั้นเราจะลดราคาลงเช่นกัน”

เนื่องจากฟางหยวนลดราคา อีกสามคนจึงต้องลดราคาตาม

ก่อนหน้านี้พวกเขายังลังเล แต่เมื่อฟางหยวนเริ่มสงคราม อีกสามคนจึงต้องเข้าร่วมด้วยความมั่นใจในสถานะทางการเงินของตนเอง

การลดราคาครั้งที่สองสร้างความปั่นป่วนขึ้นเล็กน้อยในสวรรค์สีเหลือง

กลุ่มผู้อมตะเริ่มตื่นเต้นเพราะพวกเขารู้ว่านี่ยังเป็นเพียงครั้งที่สอง สงครามราคาพึ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น

“หลังจากนี้มันจะขึ้นอยู่กับผู้ขายรายที่สี่”

“การลดราคาหมายถึงกำไรของผู้ขายที่ลดลง เมื่อผู้ขายรายที่สี่เริ่มสงคราม อีกสามคนไม่กลัวที่จะเข้าร่วม พวกเขามั่นใจในตัวเองอย่างเต็มที่”

“ถูกต้อง การลดราคาครั้งที่สามอาจมาเร็วๆนี้ แต่เราไม่รู้ว่าเมื่อใด?”

กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน

โดยทั่วไปแล้วการลดราคาในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ระยะเวลาของการลดราคาแต่ละครั้งจะแตกต่างกันไป

เนื่องจากผู้ขายต้องสังเกตทิศทางของตลาดก่อนตัดสินใจ

การลดราคาเป็นดาบสองคม มันสามารถทำลายคู่แข่งแต่มันก็ส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของตนเองเช่นกัน

หากผู้ขายมองเห็นโอกาสที่ดี พวกเขาอาจไม่ลดราคาอีก พวกเขาต้องปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง หากพวกเขาลดราคาลงอีก แม้พวกเขาจะสามารถเพิ่มยอดขาย แต่พวกเขาก็จะไม่ได้กำไรมากนัก ท้ายที่สุดคู่แข่งก็จะลดราคาเช่นกัน

หากผู้ขายลดราคาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะล่มสลายไปพร้อมกัน

โดยพื้นฐานแล้วไม่มีผู้อมตะคนใดทำสิ่งนี้และทำลายตลาดทั้งหมด

ผู้ขายทุกคนต้องการกำไร หากพวกเขาสนใจเพียงการแข่งขัน แล้วพวกเขาจะขายเพื่อสิ่งใด?

ผู้ขายฉลาดแต่ผู้ซื้อก็ไม่โง่

เมื่อผู้ขายรายเดิมลดราคาเท่ากับฟางหยวน พวกเขาจะหยุดซื้อ ธุรกิจวิญญาณปีจะกลายเป็นเงียบเหงา

หลังจากฟางหยวนลดราคาลงอีกครั้ง พวกเขาจะซื้อเล็กน้อย

เพราะเหตุใด?

ในแง่ของราคา ยิ่งราคาต่ำเท่าใด มันก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันและต้องการเห็นผู้ขายอีกสามรายลดราคาลงมา ในที่สุดฟางหยวนจะไม่สามารถอดทนและต้องลดราคาอีกครั้ง เมื่อราคาถึงขีดจำกัด ผู้ซื้อจะได้รับประโยชน์สูงสุด

หากผู้ขายทั้งสี่รายจบลงด้วยราคาเดียวกัน พวกเขาจะไม่ซื้อสินค้าของฟางหยวน

สงครามราคาเป็นกลวิธีทางจิตวิทยา

หลังจากการลดราคาครั้งที่สอง ผู้ขายทั้งสี่ก็ใช้ราคาเดียวกันอีกครั้ง แต่ขณะที่ผู้ขายอีกสามรายลดราคาลง ฟางหยวนกลับตอบโต้โดยการลดราคาของเขาลงอีก

“หือ?” หลายคนประหลาดใจ การตอบสนองของฟางหยวนรวดเร็วเกินไป

พิจารณาจากความเร็ว หลายคนสามารถสัมผัสได้ถึงทัศนคติที่แน่วแน่ของเขา

“เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี” หรงซินถอนหายใจ เขารู้สึกกดดันเล็กน้อยเพราะเขามีสินค้าน้อยที่สุด

ในช่วงท้ายของสงครามราคา เมื่อราคาสินค้าลดต่ำลง ยอดขายจะเพิ่มขึ้น เมื่อเวลานั้นมาถึงจำนวนสินค้าที่เขามีจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ

มีผู้ซื้อแต่ไม่มีสินค้า?

เขาจะถูกบังคับให้ออกจากการแข่งขัน นอกจากนั้นชื่อเสียงที่เขาสะสมมานานหลายปีก็จะพังทะลายลง

หรงซินไม่ต้องการเห็นมันเกิดขึ้น

เขารีบขอให้คนอื่นช่วยหลอมรวมวิญญาณปึเพื่อเติมเต็มคลังสินค้าของเขา

ตราบเท่าที่หรงซินมีเวลาเพียงพอ เขาจะสามารถเติมเต็มคลังสินค้าและเอาชนะได้ในช่วงเวลาสุดท้าย

“อย่างไรก็ตามหากราคาลดลงมากเกินไป สุดท้ายอีกสองคนจะรู้ว่าข้ามีสินค้าไม่มาก” หรงซินลังเล

ผู้ขายรายเดิมอีกสองคนเต็มไปด้วยประสบการณ์ พวกเขาจะสามารถสรุปสถานการณ์ปัจจุบันของเขาได้ในที่สุด

การอนุมานทำได้ไม่ยาก

ผู้มีประสบการณ์มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงเสมอ

หากหรงซินเปิดเผยจุดอ่อนของเขา เขาจะถูกขับไล่ออกจากการแข่งขัน

นี่ทำให้เขาลังเลและรู้สึกปวดหัว

เขาต้องคำนึงถึงความคิดของผู้ซื้อและผู้ขาย ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องให้ความสนใจคู่แข่ง

ขณะที่เขากำลังลังเลและไม่แน่ใจ เซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่ลดราคาสินค้าของพวกเขาลงอีกครั้ง

มันเป็นระดับราคาเดียวกับฟางหยวน

พวกเขามีสินค้ามากพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งหวังหมิงเยว่ เนื่องจากฟางหยวนต้องการแข่งขันด้วยสงครามราคา พวกเขาก็จะลดราคาลงเช่นกัน พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งตลาดหากราคาเท่ากัน

มันเป็นการลดราคาครั้งที่สาม

หลังจากได้ยินข่าว ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง “ในกรณีนี้ข้าก็จะเร่งให้เร็วขึ้น”

เขาลดราคาลงอีกครั้งและยังรุนแรงกว่าก่อนหน้า

ความปั่นป่วนครั้งใหญ่ปะทุขึ้นในสวรรค์สีเหลืองทันที

ผู้ซื้อรู้สึกตื่นเต้น นี่คือผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการ พวกเขารอคอยช่วงเวลาแห่งชัยชนะนี้มานานแล้ว

“ลดลงถึงระดับนี้เลยงั้นหรือ?” เซี่ยเปาซูแสดงออกด้วยความเคร่งขรึม เขาสามารถสัมผัสได้ถึงทัศนคติที่เหนือกว่าของฟางหยวน หากก่อนหน้านี้เป็นการชกเบาๆ ครั้งนี้กลับเป็นการเตะที่หนักหน่วง

แต่เซี่ยเปาซูต้องตอบโต้

มิฉะนั้นเขาจะถูกไล่ออกจากการแข่งขัน

ผู้ซื้อไร้ความภักดีเมื่อสงครามราคาเกิดขึ้น

เซี่ยเปาซูเป็นคนแรกที่ลดราคา ตามด้วยหวังหมิงเยว่

หรงซินรู้สึกปวดหัวมาก

ขณะที่เขายังลังเล ฝ่ายตรงข้ามกลับชิงลงมือก่อน

ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแผนการของเขาจะถูกทำลาย หากเขายังต้องการอยู่ในการแข่งขัน เขาต้องลดราคาลงอีกครั้ง

แต่นั่นเป็นราคาที่อันตราย หากราคาขายต่ำกว่าปีก่อนหน้า ผู้ซื้อจะเริ่มกระตือรือร้น

“เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ขายรายใหม่จะมีสินค้าไม่มาก? เขามีแผนเดียวกับข้างั้นหรือ?” นี่เป็นความหวังสุดท้ายของหรงซิน

เขาเป็นคนสุดท้ายที่ลดราคา

“พวกเขาทั้งหมดลดราคาลงแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้ซื้อมีความสุขมากแต่ส่วนที่มีความสุขที่สุดยังมาไม่ถึง

เมื่อหรงซินลดราคาลง ฟางหยวนก็ลดราคาลงอีกครั้ง

และครั้งนี้ยิ่งมากกว่าก่อนหน้า

สวรรค์สีเหลืองตกสู่ความโกลาหล

ผู้ขายรายเดิมทั้งสามตกใจมาก

“คนผู้นี้…เขาแข็งแกร่ง…” ใบหน้าของเซี่ยเปาซูกลายเป็นน่ากลัว เดิมทีเขาผ่อนคลายและเยือกเย็น แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

ฟางหยวนลดราคาครั้งใหญ่ หากอีกสามคนทำตาม พวกเขาจะสูญเสียกำไรมหาศาล

“เขากำลังทุ่มสุดตัว” หวังหมิงเยว่ก่นเสียงเย็น

นางไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท