เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1451

ตอนที่ 1451

ไม่กี่วันต่อมา

ภาคกลาง นิกายคฤหาสน์วิญญาณ

จ้าวเหลียนหยุนเพ่งจิตเข้าไปตรวจสอบมิติช่องว่างของนาง

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนแตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้มีทุ่งดอกไม้ที่สว่างไสวเติบโตอยู่มากมาย มันคือดอกเนตรกระจ่างซึ่งเป็นอาหารของวิญญาณความทรงจำ

นอกจากนี้ยังมีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่และมีนกนางแอ่นบินอยู่เหนือทุ่งหญ้าแห่งนี้

จ้าวเหลียนหยุนซื้อนกนางแอ่นเหล่านี้มาเพื่อกำจัดศัตรูพืช

นี่คือทุ่งหญ้าบังเอิญ

‘ข้าใช้หินวิญญาณอมตะไปเกือบหมดแล้ว’ จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจขณะมองดูฉากที่อยู่ตรงหน้า

แรกเริ่มนางรู้สึกว่านางมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมหาศาล แต่เมื่อนางเริ่มใช้มัน นางก็พบว่ามันไม่มากเลย เพราะนางไม่เพียงต้องเพาะปลูกพืชทั้งสองชนิดแต่นางยังต้องสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ให้กับพวกมันอีกด้วย

นางต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าดิน ค่าเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และอื่นๆอีกมากมาย

‘ดอกเนตรกระจ่างจะสามารถเป็นแหล่งอาหารให้กับวิญญาณความทรงจำหลังจากหนึ่งปีในมิติช่องว่างของข้า หลังจากสองปีข้าจะสามารถขายหญ้าบังเอิญและดอกเนตรกระจ่างเพื่อให้ได้รับหินวิญญาณอมตะหลายร้อยก้อน หลังจากสามปีข้าจะสามารถคืนเงินที่ยืมมาจากหลี่จุนอิง’

‘แต่นี่ยังเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดเท่านั้น ข้ายังไม่ได้คำนวณค่าใช้จ่ายในการบ่มเพาะอื่นๆของข้า’

จ้าวเหลียนหยุนเข้าใจแล้วว่าการบ่มเพาะของผู้อมตะไม่ใช่เรื่องง่าย

นางมีแหล่งทรัพยากรเพียงสองอย่างเท่านั้นและทั้งคู่ก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกัน แต่ความยากในการเพาะปลูกพืชยังน้อยกว่าการเลี้ยงสัตว์อสูรหรือมนุษย์กลายพันธุ์

จ้าวเหลียนหยุนมีมิติช่องว่างระดับสูงที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและห้วงมิติ ที่สำคัญที่สุดคือนางได้รับการปกป้องจากผนึกศักดิ์สิทธิ์ นางไม่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใดๆทั้งสิ้น

‘จำนวนนกนางแอ่นมีน้อยเกินไป พวกมันไม่สามารถดูแลทุ่งหญ้าทั้งหมด ข้าควรซื้อเพิ่ม’ จ้าวเหลียนหยุนเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางเข้าไป

ตอนนี้นางตระหนักถึงความสะดวกสบายของสวรรค์สีเหลืองแล้ว

‘วิญญาณความเด็ดเดี่ยว!’ จ้าวเหลียนหยุนค้นพบคนขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวอย่างรวดเร็ว

นางรู้ว่าวิญญาณความเด็ดเดี่ยวมีต้นกำเนิดมาจากฟางหยวน แต่เนื่องจากสินค้ามีไม่มากเท่ากับความต้องการซื้อ ดังนั้นมันจึงถูกนำมาขายต่อเพื่อทำกำไรในสวรรค์สีเหลือง ด้วยเหตุนี้ผู้ขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวจึงไม่จำเป็นต้องเป็นฟางหยวน นอกจากนั้นเจตจำนงและอัตลักษณ์ของผู้อมตะก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา สวรรค์สีเหลืองถือเป็นตลาดเสรีที่มีความปลอดภัยสูง กระทั่งวังสวรรค์ก็ทำได้เพียงมองดูฟางหยวนขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเท่านั้น

‘แม้ข้าจะสามารถขายดอกเนตรกระจ่างและหญ้าบังเอิญหลังจากไม่กี่ปี แต่ข้ายังมีคู่แข่งรายอื่น สินค้าของข้าจะถูกกดราคา มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณความเด็ดเดี่ยว’

ฟางหยวนเป็นศัตรูของจ้าวเหลียนหยุน ดังนั้นนางจึงให้ความสนใจกับธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

แต่ยิ่งนางให้ความสนใจมากเท่าใด นางก็ยิ่งตระหนักถึงความแข็งแกร่งของฟางหยวนมากเท่านั้นและมันก็ทำให้นางรู้สึกหดหู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

‘ข้าไม่สามารถไล่ตามฟางหยวน นอกจากนั้นข้ายังถูกทิ้งไว้ไกลมาก บัดซบ!’ จ้าวเหลียนหยุนกัดฟันแน่น

ในเวลานี้ด้วยเหตุผลบางประการ ความโกลาหลครั้งใหญ่เกิดขึ้นด้านหน้าของนาง เจตจำนงของผู้อมตะจำนวนมากที่กระจัดกระจายอยู่ในสวรรค์สีเหลืองเริ่มมารวมตัวกันที่นี่

หัวใจของจ้าวเหลียนหยุนสั่นไหว ‘มันเป็นธุรกรรมขนาดใหญ่งั้นหรือ? หลี่จุนอิงกล่าวว่าธุรกรรมขนาดใหญ่อาจทำให้เกิดความโกลาหล มันหาได้ยากในสวรรค์สีเหลือง ก่อนหน้านี้มันเกิดขึ้นตอนที่บางคนขายอสูรปีจำนวนมาก ข้าไม่คาดหวังว่าข้าจะโชคดีได้พบเหตุการณ์นี้หลังจากกลายเป็นผู้อมตะเพียงไม่นาน’

เป็นธรรมชาติที่จ้าวเหลียนหยุนย่อมไม่ยอมละทิ้งโอกาสที่จะได้เปิดหูเปิดตา นางเร่งเดินทางไปยังต้นกำเนิดของความโกลาหลทันที

ไม่นานนางก็ไปถึงที่เกิดเหตุ

เจตจำนงของผู้อมตะร่างอ้วนนั่งไขว้ขาอยู่กลางอากาศ รอบตัวเขาเต็มไปด้วยวิญญาณปี

วิญญาณปีจำนวนมาก!

‘วิญญาณปี? ดูเหมือนมันจะมีมากกว่าหนึ่งแสนดวง!’ จ้าวเหลียนหยุนตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นวิญญาณปีมากมายถึงเพียงนี้

สิ่งนี้ทำให้เกิดเป็นฉากที่อลังการ

‘หลี่จุนอิงกล่าวถูก วิญญาณระดับมนุษย์จะมีคุณค่าด้วยปริมาณเท่านั้น’ จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจ

“วิญญาณปีเหล่านี้ขายอย่างไร?” ผู้อมตะบางคนสอบถามราคา

ผู้อมตะร่างอ้วนตอบด้วยรอยยิ้มโดยอ้างอิงราคาที่ยุติธรรม

“หากวิญญาณปีเหล่านี้ไม่มีปัญหา ข้าก็ต้องการซื้อพวกมันเช่นกัน”

“นี่คือวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกมันสามารถใช้งานได้หลากหลายเช่นใช้มันในการหลอมรวมวิญญาณหรืออื่นๆ ราคายุติธรรมดี ข้าควรซื้อมันเก็บไว้เล็กน้อย แม้จะไม่ได้ใช้งาน ข้าก็ยังสามารถนำไปขายต่อและไม่ต้องกังวลว่าจะขายไปออก”

“เขาคือผู้ใด? การขายวิญญาณปีในเวลานี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก ตามปกติมันยังไม่ถึงเวลาที่ผู้ขายวิญญาณปีรายใหญ่จะนำสินค้าออกมาขาย”

กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน

เจตจำนงเหล่านี้กล่าวออกมาอย่างเปิดเผย มันทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย

นางตั้งใจฟังและในไม่ช้าก็พบว่าผู้ขายคนนี้อาจเป็นผู้ขายรายใหม่สำหรับสวรรค์สีเหลือง แม้เวลาขายของเขาจะเร็วกว่าฤดูกาล แต่มันยังยากที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกับผู้ขายเดิม

มันไม่เป็นไรหากเขาจะขายวิญญาณปีเพียงครั้งเดียว แต่หากเขาต้องการทำธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง เขาจะถูกบังคับให้เข้าสู่สงครามราคาและนำไปสู่การนองเลือด

ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนส่องประกายขึ้น

หากเป็นกรณีหลัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือเหตุการณ์ที่นางต้องให้ความสนใจและเรียนรู้จากมัน

‘ข้าต้องขายทรัพยากรของตนเองผ่านสวรรค์สีเหลืองในอนาคต ทรัพยากรของข้าไม่ใช่สินค้าที่ไม่เหมือนผู้ใด ข้าต้องผ่านอุปสรรคนี้เช่นกัน มีธุรกิจผูกขาดอยู่ไม่มาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโชคเหมือนฟางหยวน! ข้าต้องเรียนรู้จากธุรกรรมนี้เอาไว้ให้มาก!’

จ้าวเหลียนหยุนเตือนตนเอง

ผู้อมตะจำนวนมากเริ่มซื้อวิญญาณปี

วิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาสามารถใช้งานได้หลากหลาย มันสามารถขายได้เสมอ

ธุรกรรมนี้ทำให้ผู้อมตะหลายคนรู้สึกอิจฉา

‘ด้วยการประมาณแบบคร่าวๆ ผู้ขายรายนี้สามารถทำกำไรได้ออย่างน้อยห้าหมื่นหินวิญญาณอมตะในช่วงเวลาสั้นๆ’ จ้าวเหลียนหยุนลอบตกตะลึงอยู่ภายใน

แต่สิ่งที่น่าตกใจจริงๆกลับเป็นหลังจากนั้น

ผู้ขายรายนี้ยังเติมสินค้าอย่างต่อเนื่อง พวกมันกระทั่งมีมากกว่าก่อนหน้า

“โอ้ สวรรค์ เขามีวิญญาณปีมากเท่าใด?”

“นี่เป็นธุรกรรมครั้งใหญ่อย่างแท้จริง”

“คนผู้นี้มาเพื่อนองเลือด! ผู้ขายวิญญาณปีรายใหญ่คือเซี่ยเปาซู หรงซิน และหวังหมิงเยว่ หากไม่มีการจัดการที่ดี มันจะนำไปสู่สงครามราคา!”

จ้าวเหลียนหยุนขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ขายรายนี้เทขายสินค้าออกมาอย่างหนัก ผู้ขายรายใหญ่ทั้งสามย่อมไม่ยินดีที่จะเห็นสิ่งนี้

สงครามวิญญาณปีกำลังจะเริ่มขึ้น!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท