เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1431

ตอนที่ 1431

รบกวนผู้อ่านทุกท่านล้างแคช Browserที่ท่านใช้ด้วย มิเช่นนั้นนิยายอาจจะแสดงผลผิดพลาดหรือไม่แสดงตอนต่างๆ

**************************

เนื่องจาก ACC Google Drive บินไปหลาย Email
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน

ตำนานกล่าวว่ามีแม่น้ำสายหนึ่งที่รู้จักกันในนามของสายธารแห่งกาลเวลา

มันไหลผ่านอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

ทุกสิ่งในโลกนี้เปรียบเสมือนปลาในแม่น้ำที่สามารถว่ายไปตามกระแสของมันเท่านั้น

หากปราศจากสายธารแห่งกาลเวลา โลกจะหยุดนิ่งและกลายเป็นภาพวาด มีเพียงสายธารแห่งกาลเวลาที่สามารถเปลี่ยนแปลงและทำให้โลกเคลื่อนที่ไปข้างหน้าไม่ว่าจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำ

‘ข้าอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้ง’ ฟางหยวนถอนหายใจ

เขามองไปรอบๆ แม้มันจะถูกเรียกว่าสายธารแห่งกาลเวลาแต่มันกว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทร

ท่ามกลางความมืดมิด สายธารแห่งกาลเวลาไหลไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

น้ำในสายธารแห่งกาลเวลาเป็นสีขาวซีดแต่ระลอกคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนของมันปลดปล่อยสีสันที่งดงามออกมาตลอดเวลา

แสงสะท้อนใบหน้าของฟางหยวน

ฟางหยวนรู้สึกมึนงงอยู่ชั่วขณะก่อนจะได้สติอีกครั้ง

เขาเปิดประตูทางออกมิติช่องว่างและปล่อยอสูรปีวอกแรกกำเนิดออกมา

“เจี๊ยก เจี๊ยก เจี๊ยก…” อสูรปีวอกแรกกำเนิดตื่นเต้นมากเมื่อได้กลับบ้าน

มันกระโดดลงไปในแม่น้ำและทำให้เกิดคลื่นน้ำขนาดใหญ่

ฟางหยวนอยู่ในร่างอสูรปีวอกบรรพกาล แต่เขาตัวเล็กกว่าอสูรปีวอกแรกกำเนิด ตอนนี้เขากำลังลอยอยู่กลางอากาศ เขาไม่ใช่อสูรปีที่แท้จริง แม้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาจะเปลี่ยนเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่มันจะดีกว่าที่เขาจะไม่แตะต้องสายธารแห่งกาลเวลาหากเขาทำได้

“ไปกันเถอะ” ฟางหยวนออกคำสั่งอสูรปีวอกที่กำลังเล่นน้ำอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา

ประโยชน์ของการทุบตีก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นแล้วว่ามันทำให้อสูรปีวอกแรกกำเนิดเชื่อฟังฟางหยวนมากกว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

อย่างไรก็ตามแม้เขาจะใช้ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย แต่เนื่องจากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนตกต่ำลงมาก มันจึงค่อนข้างลำบากในการควบคุมวานรยักษ์ตัวนี้

‘แม้ตอนนี้สถานการณ์จะยังสงบแต่จิตวิญญาณของข้ายังแบกรับภาระหนักมาก หากเราเข้าสู่การต่อสู้ที่ดุเดือด ข้าอาจไม่สามารถออกคำสั่งอสูรปีวอกแรกกำเนิดตัวนี้’

ฟางหยวนเตือนตนเองอยู่ภายใน

นี่เป็นข้อบกพร่องแต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะฟางหยวนทำเต็มที่แล้ว

พวกเขาเดินทางต่อไปอย่างเงียบๆ

“ครืน…ครืน…ครืน…”

กระแสน้ำยังคงโหมกระหน่ำ

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนมาที่นี่ด้วยร่างกายภาพของเขา

สองสามครั้งก่อนหน้า วิญญาณกาลเวลานำเพียงดวงวิญญาณของเขาเดินทางมา นั่นทำให้เขาไม่สามารถสังเกตเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจน กล่าวได้ว่าครั้งนี้เขาได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง

สายธารแห่งกาลเวลาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพซึ่งเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง

แต่การเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาจำเป็นต้องพึ่งพาผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่มีรากฐานลึกล้ำ ฟางหยวนเข้ามาได้เพราะวิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงรวมถึงมรดกของราชันภูเขาม่วงและมรดกของไห่ฟาน

สายธารแห่งกาลเวลาไม่ได้ปราศจากรูปแบบชีวิต

ฟางหยวนเห็นวิญญาณป่ามากมาย บางดวงลอยไปตามกระแสน้ำ บางดวงบินอยู่กลางอากาศ

‘หือ?’ วิญญาณปีป่าหกดวงบินเข้ามาเกาะอยู่บนร่างกายของฟางหยวนอย่างเงียบๆและไม่เคลื่อนไหวอีก

‘เป็นเช่นนี้’ ฟางหยวนเข้าใจอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เขาเป็นอสูรปีวอกบรรพกาลและด้วยท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย วิญญาณป่าจึงไม่สามารถแยกแยะกลิ่นอายของเขาและปฏิบัติต่อเขาเหมือนอสูรปีวอกบรรพกาลที่แท้จริง

วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งกาลเวลาเหล่านี้ถูกดึงดูดมาโดยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน พวกมันรู้สึกว่าร่างกายของเขาเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการอยู่อาศัย ดังนั้นพวกมันจึงเข้ามาหาเขา

มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

โดยธรรมชาติแล้ววิญญาณเป็นสิ่งบอบบาง แม้วิญญาณป่าจะสามารถดูดซับพลังงานสวรรค์พิภพได้โดยตรง แต่พวกมันก็ยังตกอยู่ในอันตรายแม้พวกมันจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งก็ตาม

ดังนั้นการอาศัยอยู่ในร่างของรูปแบบชีวิตที่แข็งแกร่งจึงเป็นทางรอดของพวกมัน

ฟางหยวนเข้ามาในสายธารแห่งกาลเวลาเพียงไม่กี่นาทีแต่มีวิญญาณป่าระดับมนุษย์หลายร้อยดวงบินเข้ามาหาเขา

ส่วนใหญ่เป็นวิญญาณวันกับวิญญาณเดือน ไม่มีวิญญาณปี

สำหรับอสูรปีวอกแรกกำเนิด มันยิ่งได้กำไรมากกว่า

เดิมทีอสูรปีวอกแรกกำเนิดมีวิญญาณป่าระดับมนุษย์อยู่มากมาย แต่พวกมันถูกทำลายในการต่อสู้กับฟางหยวนและเหลือเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้น

แต่ตอนนี้มันกำลังถูกเติมเต็ม

อสูรปีวอกแรกกำเนิดมีเสน่ห์ดึงดูดมากกว่าฟางหยวนโดยธรรมชาติ มันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากวิญญาณป่าระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งกาลเวลา ขณะที่มันว่ายอยู่ในแม่น้ำ วิญญาณป่าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบินเข้ามาหามันราวกับเมฆหมอกสีดำ

แต่สถานการณ์นี้กินเวลาเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อฟางหยวนและอสูรปีวอกแรกกำเนิดมีวิญญาณป่าระดับมนุษย์ในการครอบครองมากเกินไป พวกมันจะรู้สึกถึงความแออัดและหยุดเข้ามาหาพวกเขา

ฟางหยวนคิดและไม่ได้ทำสิ่งใดกับวิญญาณป่าระดับมนุษย์เหล่านี้

ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่จะปรับแต่งวิญญาณป่าระดับมนุษย์

อย่างไรก็ตามนั่นจะทำลายการปลอมตัวของเขา

นอกจากนี้วิญญาณป่าระดับมนุษย์เหล่านี้ก็ไม่มีสิ่งใดพิเศษ เว้นเพียงพวกมันจะเป็นวิญญาณอมตะ พวกมันจึงจะสามารถดึงดูดความสนใจของฟางหยวนได้เล็กน้อย

“โฮก…”

ขณะที่พวกเขากำลังเดินทาง พยัคฆ์ตัวหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำ แต่มันก็หลบหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดพัก

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลายครั้ง

อาจกล่าวได้ว่าอสูรปีวอกแรกกำเนิดเหมือนใบเบิกทางของฟางหยวน

ในความเป็นจริงนอกจากอสูรปียังมีอสูรเดือนและอสูรวัน พวกมันคล้ายกับอสูรปีแต่พวกมันกินวิญญาณเดือนและวิญญาณวันเป็นอาหาร

หลังจากสองชั่วโมง สายธารแห่งกาลเวลายังคงซัดสาดท่ามกลางความมืด

ทิวทัศน์ของมันไม่เปลี่ยนแปลงราวกับพวกเขายังอยู่ที่เดิม

ครึ่งร่างของอสูรปีวอกแรกกำเนิดอยู่ในแม่น้ำ มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆราวกับเนินเขาที่ลอยอยู่

สำหรับฟางหยวนในร่างของอสูรปีวอกบรรพกาล เขาลอยอยู่เหนือแม่น้ำและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

ฟางหยวนมั่นใจเพราะเขาได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง ความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจของเขาทวีความรุนแรงมากขึ้น ตราบเท่าที่เขาทำตามความรู้สึกนี้ เขาจะพบมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงที่อยู่ในการครอบครองของเทพปีศาจจิตวิญญาณอย่างแน่นอน

สิ่งที่จะขัดขวางเขานอกจากสายธารแห่งกาลเวลาก็คือการไล่ล่าและการซุ่มโจมตีของวังสวรรค์

“ครืน…”

เป็นเพียงเวลานี้ที่กระแสน้ำจากสายธารแห่งกาลเวลาพุ่งขึ้นสู่อากาศอย่างกะทันหัน

มันพุ่งขึ้นจากด้านซ้ายของฟางหยวน

“กรอ…” อสูรปีวอกแรกกำเนิดคำรามและซ่อนความจริงจังเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ผ่อนคลาย

“นี่คือน้ำพุกะทันหัน” รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง

สายธารแห่งกาลเวลาไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย บางช่วงของแม่น้ำจะมีอันตรายและความไม่แน่นอนหลายประการซ่อนอยู่

น้ำพุกะทันหันเป็นหนึ่งในนั้น

หากถูกโจมตีโดยน้ำพุกะทันหัน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจะถูกสลักไว้บนร่างกายของเป้าหมาย พวกเขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตด้วยการสูญเสียอายุขัย

ฟางหยวนค่อยๆเคลื่อนที่ไปตามอสูรปีวอกแรกกำเนิด เขาไม่สามารถรับมือน้ำพุกะทันหันและทำได้เพียงใช้ร่างกายอันใหญ่โตของอสูรปีวอกแรกกำเนิดเพื่อต่อต้านมันเท่านั้น

พวกเขาต้องเดินทางผ่านสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง

ขณะที่ฟางหยวนอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา ใกล้กับสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในทะเลทรายตะวันตก ผู้อมตะสามคนพึ่งมาถึง

หนึ่งเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่ดูสง่างาม อีกสองเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ดูแข็งแกร่งราวกับภูเขา

พวกเขาก็คือฟงจิวเก้อและสองผู้อมตะจากวังสวรรค์

แผนการของเทพธิดาจื่อเว่ยคือใช้ประโยชน์จากฟางหยวนเพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

ตอนนี้ฟางหยวนเข้าไปยังสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงแล้ว เป็นธรรมดาที่เทพธิดาจื่อเว่ยจะต้องส่งคนติดตามไป

“ผู้ใดจะคิดว่าปีศาจต่างโลกผู้นี้จะสามารถต่อสู้กับน้องฟงได้อย่างเท่าเทียม”

“ด้วยความช่วยเหลือจากพวกเรา ไม่ว่าเขาจะยอดเยี่ยมเพียงใด เขาก็ไม่สามารถหลบหนีจากความตาย”

ฟงจิวเก้อพึ่งพบกับผู้อมตะจากวังสวรรค์ทั้งสองเพียงไม่นาน แต่เขาไม่ใช่คนที่จะปกปิดข้อมูลเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนเอง เขาอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียด

“หากเราร่วมมือกัน เราจะสามารถสังหารฟางหยวนได้อย่างแน่นอน” ฟงจิวเก้อพยักหน้าเล็กน้อย

ตอนนี้พลังการต่อสู้ของฟางหยวนใกล้เคียงกับฟงจิวเก้อ แต่เปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปดถึงสองคน มันยังไม่เพียงพอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่าไม้ตายอมตะเสียงกลองหัวใจของฟงจิวเก้อได้รับการพัฒนาขึ้นอีกครั้งโดยเทพธิดาจื่อเว่ยเพื่อเป็นไพ่ตายในการกำจัดฟางหยวน

“หือ? อาณาจักรแห่งความฝันงั้นหรือ?” ฟงจิวเก้อและสองผู้อมตะระดับแปดพบอาณาจักรแห่งความฝันในที่สุด

“ดูเหมือนเราจะทำได้แค่รอ”

“อาณาจักรแห่งความฝันเคลื่อนที่ตลอดเวลา ช่องว่างจะปรากฏขึ้นในที่สุด เมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเราจะสามาถเข้าไป”

“นอกจากพวกเรายังมีท่านหงซื่อที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ที่สายธารแห่งกาลเวลาในรอบหมื่นปี ฟางหยวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”

ผู้อมตะทั้งสามสนทนาและตัดสินใจรอคอยโอกาสอยู่ที่นี่

ในสายธารแห่งกาลเวลา

“เจี๊ยก!”

ร่างกายของอสูรปีวอกแรกกำเนิดเต็มไปด้วยบาดแผล

ฟางหยวนหันหลังกลับและรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

‘โชคดีที่อสูรปีวอกแรกกำเนิดช่วยปกป้องข้า มิเช่นนั้นเราจะผ่านมันมาได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?’

น้ำพุกะทันหันทรงพลังมาก อย่างน้อยพวกมันก็มีพลังอำนาจเทียบเท่ากับท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดและส่วนใหญ่ยังเทียบเท่ากับท่าไม้ตายอมตะระดับแปด ฟางหยวนยังได้เห็นน้ำพุกะทันหันระดับเก้าอีกด้วย

โชคดีที่ฟางหยวนอยู่ห่างจากการปะทุขึ้นอย่างกะทันหันของมัน นั่นทำให้เขายังปลอดภัยมาถึงตอนนี้

‘อสูรปีวอกแรกกำเนิดได้รับบาดเจ็บค่อนข้างมาก แต่วิธีการของข้าค่อนข้างจำกัด ข้าไม่สามารถรักษามันได้’ ฟางหยวนตรวจสอบและลอบถอนหายใจ

วิธีการรักษาบนเส้นทางสายอื่นจะถูกจำกัดพลังอำนาจเมื่ออยู่ที่นี่ ในแง่ของเส้นทางแห่งกาลเวลา ฟางหยวนมีเพียงวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า แต่วิญญาณอมตะดวงนี้ใช้ได้กับร่างกายของมนุษย์เท่านั้น

ฟางหยวนทำได้เพียงปล่อยให้อสูรปีวอกแรกกำเนิดฟื้นตัวขึ้นด้วยตัวมันเอง

‘ข้าควรหยุดสักครู่เพื่อให้อสูรปีวอกแรกกำเนิดมีเวลาฟื้นตัวหรือไม่?’

ฟางหยวนลังเล

น้ำพุกะทันหันเป็นเพียงอุปสรรคแรกในการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ฟางหยวนยังต้องเผชิญหน้ากับแมงมุมทมิฬ ฉลามนิ้วกาลเวลา และปราณดาบแห่งกาลเวลา

อุปสรรคทั้งสามอันตรายกว่าน้ำพุกะทันหัน

“น้ำพุกะทันหัน?” หงซื่อมองสายธารแห่งกาลเวลาที่อยู่ด้านหน้าและขมวดคิ้ว

“จากข้อมูลของเทพธิดาจื่อเว่ย ฟางหยวนอยู่ข้างหน้า” ดวงตาของหงซื่อส่องประกายขึ้นขณะที่เขาบินเข้าไปหาน้ำพุกะทันหันด้วยความเด็ดเดี่ยว

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท