เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1456

ตอนที่ 1456

‘ในที่สุดมันก็จบ สงครามราคาครั้งนี้น่าสนใจจริงๆ’ จ้าวเหลียนหยุนลอบถอนหายใจ

ธุรกิจวิญญาณปีจบลงด้วยชัยชนะของฟางหยวน ทุกคนต่างประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้

สถานการณ์นี้หาได้ยาก ผู้ขายหน้าใหม่สามารถเอาชนะผู้ขายรายเดิมทั้งสามในตลาด

คนส่วนใหญ่คิดว่าผู้ขายรายใหม่เป็นหมาป่าขณะที่ผู้ขายรายเดิมเป็นพยัคฆ์หรือราชสีห์ แต่สุดท้ายผู้ขายรายใหม่กลับไม่ใช่หมาป่าแต่เป็นมังกร ผู้ขายรายเดิมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา พวกเขาพ่ายแพ้อย่างยับเยินและไม่สามารถขายวิญญาณปีของพวกเขาได้อีกต่อไป

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้เรื่องนี้ถูกนำไปพูดถึงอยู่เสมอ

จ้าวเหลียนหยุนเริ่มคิดเกี่ยวกับสงครามราคาที่เกิดขึ้น

นางต้องการเรียนรู้จากมันเพื่อประโยชน์สำหรับตัวเอง

‘เหตุใดผู้ขายรายใหม่ถึงชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ขณะที่ผู้ขายรายเดิมพ่ายแพ้?’ จ้าวเหลียนหยุนถามตัวเอง

จากนั้นนางก็ตอบตัวเอง ‘เพราะผู้ขายรายใหม่แข็งแกร่ง แม้ผู้ขายรายเดิมจะร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่แข่งของเขา’

‘ใช้กำลังอย่างเต็มที่เพื่อกวาดล้าง?’ จ้าวเหลียนหยุนมึนงงเล็กน้อยก่อนที่นางจะเผยรอยยิ้มขมขื่น

นางต้องการเรียนรู้วิธีเข้าสู่ตลาดในฐานะคนใหม่

แม้วิธีของฟางหยวนจะดูฉลาดและพิถีพิถันแต่เขาก็มีความแข็งแกร่งที่สามารถกวาดล้างทุกสิ่งและปราบปรามคู่แข่งทั้งหมด จ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใดจากเขา

เพราะเขาใช้กำลังที่เหนือกว่าอย่างหมดจด

‘ข้าเข้าใจแล้ว’

‘การเริ่มต้นด้วยราคาสูงและค่อยๆลดลงมาทำให้เขาได้รับกำไรมากกว่าการลดราคาต่ำสุดทันที เขายังสามารถสำรวจบรรทัดฐานของผู้ขายรายเดิมทั้งสาม ในที่สุดเขาก็สามารถยืนยัน’

กลุ่มก้อนความคิดพุ่งชนกันอยู่ในใจของจ้าวเหลียนหยุนอย่างต่อเนื่อง

‘หลังจากการแข่งขันจบลง ผู้ขายรายใหม่ชนะด้วยความแข็งแกร่ง แต่เขาไม่พอใจกับชัยชนะเพียงครั้งเดียว’

‘ผู้ขายรายใหม่ต้องการยึดครองตลาดในสวรรค์สีเหลือง เขาต้องเอาชนะผู้ขายรายเดิมทั้งสามและขับไล่คนเหล่านั้นออกจากตลาด’

‘คนผู้นี้ช่างเอาแต่ในนัก’

‘เห้อ…เมื่อใดกันที่ข้าจะมีความแข็งแกร่งเช่นนี้’

จ้าวเหลียนหยุนคิดเรื่องนี้และถอนหายใจกับตัวเอง

นางพึ่งเริ่มจัดการมิติช่องว่างและยังอยู่ห่างไกลจากระดับของฟางหยวน

แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็สลักความประทับใจนี้เอาไว้ในหัวใจของนางแล้ว

หรงซิน หวังหมิงเยว่ และเซี่ยเปาซูกำลังพูดคุยกัน

“เห้อ…คนผู้นี้มาจากที่ใด? เขาแข็งแกร่งมาก เขาสามารถตอบสนองตลาดทั้งหมดในสวรรค์สีเหลือง เราไม่สามารถขายวิญญาณปีในสวรรค์สีเหลืองได้อีก” หวังหมิงเยว่ถอนหายใจ

“เรื่องนี้ไม่ง่าย เขาพยายามกำจัดพวกเราทั้งหมด!” เซี่ยเปาซูกล่าวอย่างมีอารมณ์

“พี่เซี่ยพูดถูก คนผู้นี้ขายสินค้าราคาต่ำ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตลาดวิญญาณปีจะถูกครอบครองโดยพวกเขาอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจะได้รับกำไรมหาศาล นอกจากนั้นพวกเขายังปฏิเสธที่จะทิ้งเศษอาหารเหลือไว้ให้พวกเรา!” หรงซินแสดงออกอย่างน่ากลัว

พวกเขาไม่สามารถขายสินค้า

วิญญาณปีเป็นที่ต้องการของทุกคนขณะที่ฟางหยวนสามารถจัดหาสินค้าและตอบสนองตลาดได้อย่างสมบูรณ์

ด้วยวิธีนี้อีกไม่กี่ปีข้างหน้าผู้ขายรายเดิมจะไม่สามารถขายวิญญาณปีที่มีอยู่ในคลังสินค้าของพวกเขา

เมื่อผู้ซื้อมีทางเลือกที่ดีกว่า เหตุใดพวกเขาต้องซื้อสิ้นค้าราคาแพง? เว้นเพียงราคาจะต่ำกว่าเท่านั้น พวกเขาจึงจะซื้อสะสมไว้อีกเล็กน้อย

แต่ผู้ขายรายเดิมไม่สามารถขายในราคาเดียวกับฟางหยวน

พวกเขาต้องเก็บวิญญาณปีเอาไว้เท่านั้น

อย่างไรก็ตามหลังจากหลายปีเมื่อความต้องการสินค้ามากขึ้นอีกครั้ง ฟางหยวนจะสามารถขึ้นราคาได้เล็กน้อย

เมื่อเวลานั้นมาถึงผู้ขายรายเดิมทั้งสามจะสามารถขายได้อีกครั้งแต่ฟางหยวนก็จะใช้กลยุทธ์เดิมอีกหน

หากฟางหยวนลดราคา ผู้ขายรายเดิมจะไม่สามารถขาย

นี่คือความแข็งแกร่ง

ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่างนี้ ไม่ว่าแผนการใดก็ไม่สามารถใช้งาน

ฟางหยวนเป็นคนฉลาด แต่ครั้งนี้เขาต่อสู้อย่างตรงไปตรงมาและมันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการบดขยี้ฝ่ายตรงข้าม

ผู้ขายรายเดิมทั้งสามเงียบหลังจากพูดคุยกันสักพัก

บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

เพราะพวกเขารู้ดีว่าตราบเท่าที่ฟางหยวนแข็งแกร่ง พวกเขาจะไม่มีช่วงเวลาที่ง่ายดายในอนาคต แม้พวกเขาจะสามารถขายต่อ แต่กำไรของพวกเขาจะลดลงอย่างมาก

“ตอนนี้เราทำได้เพียงหวังว่าคนผู้นี้จะหยุดทำเรื่องที่น่ากลัวเช่นนี้” หวังหมิงเยว่เผยรอยยิ้มขมขื่น

ผู้อมตะอีกสองคนส่ายศีรษะ

สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้

“เราจะร่วมมือกัน” หรงซินเร่งกล่าว

นี่เป็นวิธีแก้ปัญหา

ในอดีตทั้งสามเป็นคู่แข่ง หลังจากไม่นานพวกเขาจึงบรรลุข้อตกลงทางการค้าเพื่อผลกำไร

“แต่เราจะสามารถทำสิ่งใด? ความแข็งแกร่งมันเห็นได้ชัด” หวังหมิงเยว่ถอนหายใจ

เซี่ยเปาซูวิเคราะห์อย่างใจเย็น “นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของเรา เราต้องโน้มน้ามเขา”

“หากเขาไม่เห็นด้วย?” หวังหมิงเยว่ถามต่อ

เซี่ยเปาซูเงียบ

หรงซินรู้สึกขมขื่น “หากเขาไม่เห็นด้วยและต้องการให้พวกเราออกจากธุรกิจนี้ เราก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น”

ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาสามารถทำได้

ความแข็งแกร่งของฟางหยวนบังคับให้พวกเขาต้องยอมแพ้และออกจากธุรกิจวิญญาณปี

แต่พวกเขาจะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร?

กำไรจากธุรกิจวิญญาณปีเป็นสิ่งค้ำจุนพวกเขาและกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา หากมันถูกทำลาย แล้วผู้ใดจะรับผิดชอบความเสียหายนี้?

“ไม่! ข้าไม่สามารถแพ้!” เซี่ยเปาซูกัดฟันกล่าว เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาพึ่งพาธุรกิจวิญญาณปีเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะของตนเอง

ด้วยการสูญเสียครั้งนี้ มันจะส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก

สถานการณ์ของหวังหมิงเยว่ดีกว่าเซี่ยเปาซูเล็กน้อย นางเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษก่อนจะเข้าร่วมกับกองกำลังฝ่ายธรรมะ

แม้นางจะสูญเสียแต่นางยังสามารถพึ่งพาสามีและกองกำลังที่อยู่เบื้องหลัง

หรงซินมีแรงกดดันน้อยที่สุด

เพราะเขาเป็นสมาชิกของกองกำลังใหญ่ของภาคกลางที่มีรากฐานอันล้ำลึก

สิ่งสำคัญก็คือเขาได้รับวิญญาณปีมาจากการหลอมรวม เขาสามารถหยุดหลอมรวมมันและเปลี่ยนธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

“ต้องการร่วมมือกับข้างั้นหรือ?” ฟางหยวนเย้ยหยันหลังจากได้รับการติดต่อ

เขาจะร่วมมือเพื่อสิ่งใด?

เขาสามารถครองตลาดเพียงผู้เดียว แล้วเขาจะแบ่งผลกำไรให้ผู้อื่นงั้นหรือ?

ฟางหยวนปฏิเสธทันที

หินวิญญาณสิบสองล้านก้อน!

นี่คือกำไรที่เกิดจากสงครามราคาในครั้งนี้ของฟางหยวน

แม้เขาจะขายราคาต่ำ แต่ยอดขายของเขาสูงมาก นี่ทำให้เขาสามารถสะสมเงินจำนวนมหาศาล

“เมื่อข้าขับไล่ผู้ขายรายเดิมทั้งสามออกจากตลาด ข้าสามารถเพิ่มราคาได้เล็กน้อย”

“แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผู้ขายรายเดิมจะเข้ามาอีกครั้ง”

ฟางหยวนประเมิน

ด้านหนึ่งพวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ อีกด้านหนึ่งพวกเขาต้องการตรวจสอบรากฐานของฟางหยวน

สุดท้ายแม้สวรรค์สีเหลืองจะถูกฟางหยวนยึดครองไป แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ซื้อสินค้าจากสวรรค์สีเหลือง

ตัวอย่างเช่นกองกำลังใหญ่ของหวังหมิงเยว่ พวกเขาจะซื้อวิญญาณปีจากนาง นอกจากนั้นยังมีกองกำลังอีกมากมายที่เต็มใจซื้อสินค้าราคาสูงเพื่อรักษาสายสัมพันธ์ของพวกเขาเอาไว้

แน่นอนว่าหากฟางหยวนยังครองตลาดต่อไปอีกหลายปี ผู้ขายรายเดิมทั้งหมดจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้น หลังจากทั้งหมดแม้กองกำลังอื่นจะต้องการรักษาสายสัมพันธ์ของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังต้องการซื้อสินค้าราคาถูกจากฟางหยวน

หลังจากฟางหยวนครอบครองสวรรค์สีเหลือง ต่อไปอิทธิพลของเขาจะขยายไปสู่ตลาดอื่นๆและกลายเป็นผู้ขายรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจวิญญาณปีของโลกใบนี้ สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาสามารถขายวิญญาณปี แต่พวกเขาจะไม่สามารถแข่งขันกับฟางหยวนได้อีก

“หลังจากชำระหนี้ ข้ายังเหลือหินวิญญาณอมตะในการครอบครองอีกสิบล้านก้อน แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าวิธีทำกำไรนี้จะไม่สามารถใช้งานได้”

ในขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดว่าจะใช้หินวิญญาณอมตะเหล่านี้จัดการมิติช่องว่างของเขาอย่างไร ผมที่หกก็เดินเข้ามาหาเขา

เขาแจ้งข่าวดีกับฟางหยวน

“ผู้อาวุโสฟางหยวน วิญญาณบนเส้นทางอาหารที่ท่านให้ข้าหลอมรวมประสบความสำเร็จแล้ว!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท