เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1442

ตอนที่ 1442

หนึ่งเดือนต่อมา

ภาคกลาง นิกายคฤหาสน์วิญญาณ

วิหารลอยอยู่บนก้อนเมฆ

มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ วิหารสุริยันจันทรา

วิหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันคือช่วยสนับสนุนการบ่มเพาะของผู้อมตะ

ในช่วงเวลาปกติผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณจะผลักกันใช้งานมันเพื่อช่วยในการบ่มเพาะ

แต่ตอนนี้วิหารสุริยันจันทราถูกนำออกมาและใช้งานอย่างเต็มที่

ในห้องโถงใหญ่ของวิหารแห่งนี้ กลุ่มผู้อมตะมารวมตัวกัน

ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณทั้งหมดอยู่ที่นี่รวมถึงฟงจิวเก้อ เทพธิดาไป่ชิง ซูเฮา หลี่จุนอิง และผู้อมตะคนใหม่จ้าวเหลียนหยุน

แต่ตัวละครหลักในปัจจุบันคือฟงจินฮวง

ฟงจินฮวงแต่งกายด้วยชุดสีขาวที่ดูเรียบร้อย

นางคุกเขาอยู่บนพื้นและก้มกราบราชันมังกรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหลัก

นี่คือพิธีรับศิษย์ของราชันมังกร

ในความเป็นจริงเมื่อฟงจินฮวงเป็นสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณ นางก็ไม่สามารถกราบไหว้ผู้อื่นเป็นอาจารย์ได้อีก

แต่ราชันมังกรคือผู้ใด?

ทุกคนในนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกยินดีมาก ผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนของนิกายต้องหารือกันเพื่อจัดพิธีในครั้งนี้ให้ยิ่งใหญ่ที่สุด

อย่างไรก็ตามข้อเสนอเหล่านั้นถูกปฏิเสธโดยราชันมังกร

ราชันมังกรบอกพวกเขาว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย พวกเขาไม่ควรเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายคฤหาสน์วิญญาณจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง นางทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อพิธีในครั้งนี้

ราชันมังกรไม่ได้แสดงออกแต่ภายในเขาค่อนข้างพอใจกับงานนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปที่ฟงจินฮวง ดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงความสุข

หลังจากพิธีเสร็จสิ้น ฟงจินฮวงลุกขึ้นยืนและยกถ้วยชาให้ราชันมังกร

ในห้องโถงที่เงียบสงบ ฟงจินฮวงกล่าวด้วยเสียงที่ชัดเจน “ท่านราชันมังกร โปรดรับชาน้ำค้างหยกสีทองของข้าด้วย”

ราชันมังกรหยิบถ้วยชาขึ้นและเปิดฝาออก

ชาส่องแสงสีทองที่งดงามและอ่อนโยน

ราชันมังกรปิดเปลือกตาลงและยกถ้วยชาขึ้นสูดดมเบาๆ

มันมีกลิ่นที่ละเอียดอ่อนราวกับกลิ่นน้ำค้างบนยอดหญ้าในยามเช้าของฤดูใบไม้ผลิ มันบริสุทธิ์และไร้ตำหนิ กลิ่นหอมของมันยังทำให้ผู้คนรู้สึกมีชีวิตชีวา

“ชาที่ดี” ราชันมังกรยิ้ม เขาค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นและจิบเบาๆ

นี่เป็นชาชั้นยอดที่กระทั่งราชันมังกรก็ยากที่จะได้ดื่ม

“ฟงจินฮวง เจ้าเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ชาของเจ้าไม่ธรรมดา ดี ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นศิษย์คนที่สองของข้า”

เกิดเสียงพึมพำขึ้นในห้องโถงทันที

ทุกคนเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข กระทั่งซูเฮาและหลี่จุนอิงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

“บรรเลงบทเพลงอมตะ” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายคฤหาสน์วิญญาณกล่าวเบาๆ ต่อมาเสียงดนตรีก็ดังขึ้น

“ศิษย์กราบคารวะท่านอาจารย์!” ฟงจินฮวงเรียกราชันมังกรว่าอาจารย์ขณะที่เรียกตัวนางเองว่าศิษย์เป็นครั้งแรก

พิธีรับศิษย์สิ้นสุดลงในที่สุดหลังจากสองชั่วโมง

นี่เป็นพิธีที่สำคัญมาก

ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ราชันมังกรคือผู้นำวังสวรรค์ แต่เขายินดีรับฟงจินฮวงเป็นศิษย์

นี่ถือเป็นเกียรติของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ในฐานะมารดาของฟงจินฮวง น้ำตาของเทพธิดาไป่ชิงไหลออกมาด้วยความตื่นเต้น

ฟงจิวเก้อยืนอยู่ข้างกายนางและจับมือนางเบาด้วยความพึงพอใจเช่นกัน

“พรุ่งนี้ฟงจินฮวงจะเดินทางไปยังวังสวรรค์พร้อมกับข้าและฝึกฝนอยู่ที่นั่น”

“ฟงจิวเก้อและไป่ชิงอยู่ก่อน คนอื่นๆออกไปได้”

ราชันมังกรโบกมือให้คนอื่นๆออกไป เหลือเพียงฟงจินฮวงและบิดามารดาของนางเท่านั้นที่ยังอยู่

“ฟงจิวเก้อ/ไป่ชิง คาวระท่านราชันมังกร” ทั้งสองโค้งคำนับอย่างสุภาพ

ราชันมังกรพยักหน้าเล็กน้อย เขาชำเลืองมองเทพธิดาไป่ชิงก่อนจะมองไปที่ฟงจิวเก้อ

“ภารกิจกำจัดฟางหยวนล้มเหลวงั้นหรือ?” ราชันมังกรกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

ฟงจิวเก้อตอบ “ข้ารู้สึกละอายใจนัก”

ฟงจิวเก้อรอคอยฟางหยวนอยู่ที่สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในทะเลทรายตะวันตกเป็นเวลาหลายเดือน แต่พวกเขากลับไม่พบฟางหยวน

เมื่อเวลาผ่านไปเทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกผิดปกติและเนื่องจากพิธีรับศิษย์ของราชันมังกร ฟงจิวเก้อจึงถูกเรียกตัวกลับมา แต่สองผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ยังรั้งรออยู่

ราชันมังกรกล่าวต่อ “ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เขาเป็นศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของวังสวรรค์และเป็นเป้าหมายที่เจ้าฟงจิวเก้อต้องกำจัด”

“ข้ารับศิษย์เพียงสองคนตลอดชีวิต เจ้าคงเข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ฟงจินฮวงจะเป็นเทพอมตะแห่งความฝันในอนาคตและฟงจิวเก้อเจ้าต้องเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของนาง”

“อันใด? ข้าคือผู้พิทักษ์เต๋าของฮวงเอ๋องั้นหรือ?” ฟงจิวเก้อรู้สึกประหลาดใจ

“นี่เป็นความลับสวรรค์ที่ไม่ควรเปิดเผย แต่นิกายเงารู้เรื่องนี้แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญ ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง เทพอมตะแห่งความฝันจะถือกำเนิดขึ้น จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ฟางหยวนเป็นอุปสรรคของวังสวรรค์และยังเป็นศัตรูที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของพวกเจ้าพ่อลูก เจ้าต้องแบกรับภารกิจที่ยิ่งใหญ่และนำสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ นี่คือโชคชะตาของพวกเจ้า”

ราชันมังกรหยุดชั่วคราวเพื่อให้ทุกคนมีเวลาคิดทบทวน

ครอบครัวของฟงจินฮวงสงบลงหลังจากไม่นาน

ราชันมังกรกล่าวต่อกับฟงจินฮวง “ฮวงเอ๋อ ศิษย์ของข้า เจ้าจะติดตามข้าและรับการสั่งสอนจากข้า เจ้าต้องแยกจากพ่อแม่ของเจ้า ตอนนี้พวกเจ้าสามารถใช้เวลาร่วมกัน พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาเจ้าไปวังสวรรค์”

หลังจากนั้นร่างของราชันมังกรก็อันตรธานหายไปอย่างเงียบๆ

“ฮวงเอ๋อ เจ้าคือผู้ถูกเลือก เจ้าต้องฝึกฝนอย่างหนัก เจ้าแบกรับอนาคตของสิ่งมีชิวิตทั้งหมดเอาไว้ หลังจากนี้ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า” ดวงตาของเทพธิดาไป่ชิงแดงขึ้นเล็กน้อย นางไม่เต็มใจที่จะแยกจาก

“ท่านแม่ ข้ายังไม่อยากจะเชื่อ นี่มันเหมือนความฝันเกินไป” ฟงจินฮวงโยนตัวเองเข้าสู่อ้อมแขนของมารดา

“ตั้งแต่ข้าได้ยินว่าท่านราชันมังกรต้องการรับเจ้าเป็นศิษย์ ข้าก็ได้ทำนายบางเรื่องเกี่ยวกับเจ้าเอาไว้แล้ว มันเป็นเพียงว่าแม่ไม่ได้คาดหวังว่าพ่อของเจ้าจะเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของเจ้า” เทพธิดาไป่ชิงกล่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึก

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ผู้พิทักษ์เต๋าคือสิ่งใด?” ฟงจินฮวงถามด้วยความสงสัย

ฟงจิวเก้ออธิบาย “ระหว่างการบ่มเพาะของเทพอมตะหรือเทพปีศาจ พวกเขาจะมีผู้พิทักษ์เต๋าเสมอ ผู้พิทักษ์เต๋าทุกคนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของผู้อมตะระดับเก้า”

“โอ้” ฟงจินฮวงถามอีกครั้ง “ท่านอาจารย์บอกว่าเขามีศิษย์สองคน ข้าเป็นคนที่สอง แล้วศิษย์คนแรกของท่านคือผู้ใด?”

การแสดงออกของฟงจิวเก้อและเทพธิดาไป่ชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ทั้งสองมองหน้ากับ

เทพธิดาไป่ชิงสั่งฟงจินฮวงด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฮวงเอ๋อ นี่เป็นข้อห้ามที่ไม่สามารถกล่าวถึงเมื่อเจ้าไปยังวังสวรรค์โดยเฉพาะต่อหน้าอาจารย์ของเจ้า”

“เพราะเหตุใด?” ฟงจินฮวงอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

ในเวลานี้ฟงจิวเก้อเป็นผู้ให้คำตอบแก่นาง “เพราะศิษย์พี่ของเจ้าหรือศิษย์คนแรกของราชันมังกรก็คือเทพปีศาจบัวแดงในตำนาน ตัวตนที่ลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท