เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1450

ตอนที่ 1450

“โอ้ ชูตู๋ให้ข้ายืมหินวิญญาณอมตะหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อน?”

ในไม่ช้าฟางหยวนก็ได้รับคำตอบจากชูตู๋ นอกจากนี้จำนวนหินวิญญาณอมตะที่ชูตู๋ให้ยืมยังเกินกว่าความคาดหวังของฟางหยวนเล็กน้อย

ในจดหมายตอบกลับจากชูตู๋ เขาใช้ถ้อยคำที่ไพเราะ เขากล่าวถึงความร่วมมือที่น่าพอใจของพวกเขาในอดีต จากนั้นก็พูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ เขากล่าวว่าการให้ยืมหินวิญญาณอมตะหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อนเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว สำหรับเวลาส่งคืน มันจะถูกกำหนดโดยฟางหยวน

“ดูเหมือนชูตู๋ยังต้องการร่วมมือกับข้า หลังจากทั้งหมดความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งดึงดูดใจมากเกินไป” คำตอบนี้ทำให้ฟางหยวนทราบถึงทัศนคติและความตั้งใจของชูตู๋ได้ทันที

เดิมทีชูตู๋เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ ต่อมาเขาต่อสู้กับเผ่าหลิวและถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายปีศาจ ตอนนี้เขาก่อตั้งเผ่าชูและอยู่บนเส้นทางของฝ่ายธรรมะ

แต่โดยธรรมชาติเขายังคงให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตนเอง

ดังนั้นแม้จะมีความเสี่ยงในการร่วมมือกับฟางหยวน แต่ด้วยผลประโยชน์มหาศาล ชูตู๋จึงไม่ลังเลที่จะรับความเสี่ยง เขาไม่เพียงให้ฟางหยวนยืมหินวิญญาณอมตะหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อน แต่เขายังส่งจดหมายตอบกลับมาเป็นการส่วนตัวอีกด้วย

แม้มันจะเป็นเพียงวิญญาณระดับมนุษย์ แต่ความสำคัญของมันไม่ธรรมดา หากฟางหยวนเปิดเผยสิ่งนี้ออกไป มันจะเป็นสิ่งยืนยันว่าชูตู๋กำลังร่วมมือกับปีศาจ

อย่างไรก็ตามนี่คือการแสดงความจริงใจในการทำงานร่วมกัน

และฟางหยวนก็รู้สึกถึงความจริงใจนี้ได้อย่างเต็มที่

‘ข้าสามารถร่วมงานกับชูตู๋ต่อไป’

‘แน่นอนว่าวิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติที่ข้าให้เขายืมเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของความร่วมมือระหว่างเรา’

ฟางหยวนค่อนข้างพอใจ

หินวิญญาณอมตะหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อนมากพอแล้ว

โดยปกติผู้อมตะระดับหกจะมีหินวิญญาณอมตะไม่เกินหนึ่งพันก้อน

ผู้อมตะระดับเจ็ดมีประมาณหนึ่งหมื่นก้อน ส่วนใหญ่ยังมีเพียงหลักพันก้อนเท่านั้น

ผู้อมตะระดับแปดอาจมีหลายหมื่นก้อนจนถึงหลักแสนก้อน อาจมีบางส่วนที่มีถึงหนึ่งล้านก้อน

สำหรับผู้อมตะระดับเก้า พวกเขาอาจมีถึงสิบล้านหรือหนึ่งร้อยล้านก้อน

แน่นอนว่าสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ส่วนตัวของผู้อมตะ

สำหรับกองกำลังใหญ่ พวกเขามักมีหินวิญญาณอมตะสำรองไว้ประมาณหนึ่งล้านก้อน

ตระกูลวูมีเงินสำรองก้อนนี้ มันเป็นเหตุผลที่วูหยงไม่ลังเลที่จะให้ฟางหยวนยืมหินวิญญาณอมตะหนึ่งแสนก้อน แน่นอนว่าตระกูลวูสามารถให้ยืมมากกว่านั้น แต่วูหยงคิดว่าหนึ่งแสนก้อนเพียงพอแล้วสำหรับฟางหยวนที่จะสร้างเสถียรภาพให้กับค่ายกลวิญญาณ

เผ่าชูเป็นกองกำลังที่พึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ แม้พวกเขาจะมีผู้อมตะจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่พวกเขาบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและมีทรัพย์สินเพียงเล็กน้อย ตามการคาดเดาของฟางหยวน อย่างมากเผ่าชูก็มีหินวิญญาณอมตะสำรองไว้เพียงหกแสนก้อนเท่านั้น

ชูตู๋ให้ฟางหยวนยืมหินวิญญาณอมตะหนึ่งแสนห้าหมื่นก้อนและไม่กำหนดเวลาส่งคืน นี่ถือเป็นการแสดงความจริงใจของเขา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหินวิญญาณอมตะเป็นตัวบ่งชี้ความสำเร็จของผู้อมตะและความแข็งแกร่งของกองกำลังต่างๆ

ด้วยการสนับสนุนจากชูตู๋ ในที่สุดคลังเก็บหินวิญญาณอมตะของฟางหยวนก็ไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป

แต่ฟางหยวนยังไม่พอใจ

เขายังอดทนรอคำตอบ

ไม่เพียงชูตู๋แต่ฟางหยวนยังส่งจดหมายถึงสามผู้อมตะนอกรีตของถ้ำปีศาจคลั่ง เช่นเดียวกับเมี่ยวหมิงเฉินแห่งทะเลตะวันออก

การขอยืมหินวิญญาณอมตะเป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง ฟางหยวนยังมีเป้าหมายอื่น นั่นคือการตรวจสอบทัศนคติของพวกเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่อ่อนไหวเมื่อตัวตนของหลิวกวนซื่อถูกเปิดเผย

คำตอบของสามปีศาจคลั่งและเมี่ยวหมิงเฉินมาถึงแทบจะพร้อมกัน

ทั้งสองฝ่ายให้ฟางหยวนยืมหินวิญญาณอมตะจำนวนหนึ่ง ฝ่ายแรกให้ยืมสองแสนก้อน ฝ่ายหลังให้ยืมหนึ่งแสนก้อน

ทัศนคติของสามปีศาจคลั่งอบอุ่นยิ่งกว่าก่อนหน้า พวกเขาไม่มีปัญหาเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน พวกเขาไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจ จากมุมมองของพวกเขา มีเพียงมรดกของเทพปีศาจไร้ขอบเขตเท่านั้นที่สำคัญ พวกเขาจะยอมรับผู้ใดก็ตามที่สามารถช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย

ยิ่งฟางหยวนแข็งแกร่งเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น

สำหรับเมี่ยวหมิงเฉิน เขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อชูอิงซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของฟางหยวน ในงานประชุมการค้า ฟางหยวนใช้วิญญาณอายุยืนแลกเปลี่ยนสินค้ากับเมี่ยวหมิงเฉิน เรื่องนี้ช่วยยกระดับสถานะของฟางหยวนขึ้นอีกมาก

ดังนั้นเมี่ยวหมิงเฉินจึงส่งจดหมายมาเป็นพิเศษ เขากล่าวว่าสถานะทางการเงินของเขามีปัญญาเล็กน้อยเมื่อเร็วๆนี้ ตอนนี้เขาสามารถให้ฟางหยวนยืมเพียงหนึ่งแสนก้อน แต่หากไม่พอ เขาสามารถยืมเงินจากสหายของเขาเพื่อช่วยนำมาช่วยเหลือฟางหยวน

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงได้รับหินวิญญาณอมตะทั้งหมดสี่แสนห้าหมื่นก้อน

ไม่ว่าจะเป็นชีวิตก่อนหน้าหรือชีวิตปัจจุบัน เขาไม่เคยครอบครองหินวิญญาณอมตะจำนวนมหาศาลเช่นนี้มาก่อน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่หยุดยืม เขาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและยังใช้แต้มผลงานของนิกายแลกเปลี่ยนหินวิญญาณอมตะอีกส่วนหนึ่ง

“ข้าไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้อีกต่อไป แม้เจ้าจะมีแต้มผลงานมากมาย แต่นิกายจำเป็นต้องสำรองหินวิญญาณอมตะเอาไว้บ้างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธอย่างหนักแน่น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากแผนการพัฒนานิกายหลางหยา ความมั่งคั่งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจึงถูกใช้ไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อรวมกับการแลกเปลี่ยนทรัพยากรอมตะของฟางหยวน รากฐานของนิกายหลางหยาจึงถูกนำออกมาใช้อย่างรวดเร็ว

ตอนนี้หินวิญญาณอมตะของนิกายหลางหยาเหลืออยู่ไม่เกินสามแสนก้อน

ฟางหยวนถามไป่หนิงปิงที่ได้รับมรดกจากถ้ำสวรรค์ไป่เซียง ที่นั่นมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมาก

ท่ามกลางสมาชิกนิกายเงา ไป่หนิงปิงเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด

ไห่ลั่วหลันยากจนที่สุด อิงอู๋เซี่ยอยู่ในสภาพใกล้เคียงกัน แม้เขาจะครอบครองร่างของเทพธิดาซุ้ยป๋อ แต่ทรัพยากรของนางก็ถูกชิงไปแล้วโดยไป่หนิงปิง

เทพธิดากระต่ายขาวและเทพธิดาเมี่ยวหยินให้ฟางหยวนยืมหินวิญญาณอมตะเล็กน้อย

ในบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหมด เงื่อนไขของเทพธิดากระต่ายขาวหละหลวมที่สุด นางกล่าวกับฟางหยวนด้วยใบหน้าสีแดงว่าฟางหยวนไม่จำเป็นต้องคืนหินวิญญาณอมตะ สำหรับเทพธิดาเมี่ยวหยิน นางไม่ได้กำหนดเวลาส่งคืน

สามปีศาจคลั่งต้องการใช้ประโยชน์จากฟางหยวน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างตื่นเขิน ดังนั้นพวกเขาจึงให้ยืมด้วยสัญญากู้ยืมทั่วไป จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำเช่นเดียวกัน

ระยะเวลากู้ยืมของไป่หนิงปิงเข้มงวดที่สุด นางมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างน่าสนใจ นางสามารถให้ฟางหยวนยืมหินวิญญาณอมตะจำนวนมาก แต่ยิ่งฟางหยวนยืมมากเท่าใด ดอกเบี้ยก็ยิ่งสูงขึ้นและระยะเวลคืนเงินก็ยิ่งสั้นลงเท่านั้น

ฟางหยวนยืมหินวิญญาณอมตะจำนวนมากจากนาง

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนสามารถยืมหินวิญญาณอมตะได้มากกว่าหนึ่งล้านเจ็ดแสนสามหมื่นก้อน!

เงินจำนวนนี้ยังเหนือกว่าเงินในคลังของเผ่าชู นิกายหลางหยา และกองกำลังใหญ่ต่างๆ ไม่มีผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดคนใดมีเงินสะสมมากเท่านี้ กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรวบรวมหินวิญญาณอมตะได้มากกว่าหนึ่งล้านก้อน

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบด้านจำนวนตัวเลขเท่านั้น

ความมั่งคั่งที่แท้จริงของผู้อมตะคือการรักษาสมดุลระหว่างรายรับและรายจ่าย ฟางหยวนอาจถือเงินจำนวนมหาศาลเอาไว้ในมือแต่มันไม่ใช่ของเขา มันเป็นเพียงเงินกู้ยืม

ในพริบตาฟางหยวนมีหนี้สินท่วมตัว

อย่างไรก็ตามเขาไม่ประหม่า เขามั่นใจอย่างเต็มที่ว่าเขาสามารถใช้หินวิญญาณอมตะเหล่านี้เพื่อสร้างรายได้มากกว่านี้!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท