เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1448

ตอนที่ 1448

ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณฉบับดัดแปลงใช้วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจเป็นแกนกลาง หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถกระตุ้นใช้งานมันได้สำเร็จ

เขานำวิญญาณออกมาจากร่างทารกอมตะโดยตรง

วิญญาณเหล่านี้ลอยอยู่กลางอากาศ

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาถูกใช้ไปในท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคและทำให้จิตวิญญาณของเขาตกลงมาอยู่ในระดับมนุษย์ร้อยคนเท่านั้น

อย่างไรก็ตามตอนนี้ดวงวิญญาณของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชุดคลุมยาวจากท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ

อาภรณ์วิญญาณมีทั้งระดับหก ระดับเจ็ด ระดับแปด และระดับเก้า

แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่เคยยกระดับท่าไม้ตายอมตะนี้ขึ้นสู่ระดับเก้า

เพราะมันไม่จำเป็น

เขาเป็นเทพปีศาจที่ยิ่งใหญ่ เขาไม่จำเป็นต้องป้องกันการอนุมานจากผู้ใด

ดังนั้นระดับสูงสุดของท่าไม้ตายนี้จึงอยู่ที่ระดับแปด

ฟางหยวนตรวจสอบและรู้สึกมึนงง “หือ? เหตุใดอาภรณ์วิญญาณของข้าถึงอยู่ในระดับหกเท่านั้น?”

หลังจากดัดแปลงท่าไม้ตายโดยใช้วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก นั่นหมายความว่ามันจะกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด แต่เหตุใดมันถึงเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับหก?

‘เป็นเพราะการดัดแปลงของข้างั้นหรือ?’ ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนก่อนที่เขาจะปฏิเสธมัน

เขาใช้แสงแห่งปัญญาในการอนุมาน แล้วมันจะผิดพลาดได้อย่างไร?

‘โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว’ ฟางหยวนคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเข้าเหตุผล

คำตอบก็คือร่างกายของเขา

ภายใต้อาภรณ์วิญญาณยังมีชุดคลุมอีกชั้นหนึ่ง

มันคือผนึกภูตผี

กล่าวได้ว่าอาภรณ์วิญญาณยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผนึกภูตผี

‘อาภรณ์วิญญาณมีเป้าหมายอยู่ที่ดวงวิญญาณของข้าโดยตรง แต่ตอนนี้มันถูกต่อต้านโดยผนึกภูตผี ดังนั้นพลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณระดับเจ็ดจึงร่วงลงสู่ระดับหก’

ฟางหยวนไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดปัญหาดังกล่าว

เขาคุ้นเคยกับพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกันของร่างทารกอมตะมานาน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คาดหวังว่าปัญหาเล็กๆนี้จะกลายเป็นอุปสรรคของเขา

‘ร่างกายของข้าไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า’

‘แต่มันยังมีความขัดแย้งระหว่างท่าไม้ตายอมตะที่แตกต่างกัน’

‘ผนึกภูตผีแม้จะมีคำว่าภูตผีแต่มันเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมขณะที่อาภรณ์วิญญาณเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ทั้งสองต่อต้านกันและกัน เพื่อแก้ปัญหานี้ ข้าต้องหลอมรวมมันเป็นหนึ่ง’

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

มันยากเกินไป

ฟางหยวนยังไม่เข้าใจผนึกภูตผี ยิ่งไปกว่านั้นเขายังขาดความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แม้จะมีแสงแห่งปัญญาช่วยอนุมาน แต่ความก้าวหน้าก็ยังล้าช้ามาก ภายใต้ความสำเร็จในปัจจุบัน เขาต้องอนุมานไปอีกหลายร้อยหรือหลายพันปีโดยไม่หยุดพัก

ท้ายที่สุดผนึกภูตผีก็เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า ฟางหยวนยังห่างไกลจากระดับเก้า แม้เขาจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่เขายังไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง

‘ลืมมันไปซะ’

ฟางหยวนเก็บวิญญาณของเขากลับเข้าไปในร่าง

เขาไม่มีความคิดที่จะพัฒนาท่าไม้ตายในเวลานี้

เขาครอบครองมรดกทั้งหมดของนิกายเงาและก่อนหน้านี้เขายังได้รับมรดกเกือบทั้งหมดของนิกายหลางหยา

แม้มรดกของนิกายหลางหยาจะด้อยกว่ามรดกของนิกายเงา แต่มันก็ยังอุดมสมบูรณ์มาก

ท้ายที่สุดบรรพชนผมยาวก็เป็นตัวตนตั้งแต่สามแสนปีก่อน

พิจารณาจากเวลา นิกายหลางหยายังอยู่มานานกว่านิกายเงา

แต่นิกายหลางหยามุ่งเน้นด้านการหลอมรวม มรดกส่วนใหญ่ของพวกเขาจึงเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม นอกจากนี้ความสามารถในการรวบรวมมรดกของนิกายหลางหยาก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงา

ฟางหยวนสามารถใช้ประโยชน์จากมรดกเหล่านี้ ตอนนี้เขาได้ก้าวข้ามนิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลางไปแล้ว

สำหรับวังสวรรค์ ฟางหยวนยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขา วังสวรรค์ถูกปกครองโดยสามเทพอมตะและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก มันก่อตั้งขึ้นมาถึงสามล้านปีแล้ว

ท่ามกลางมรดกที่ฟางหยวนครอบครอง อาภรณ์วิญญาณเหมาะสมกับเขามากที่สุดและยังมีโอกาสที่จะเติบโต ในอนาคตมันจะกลายเป็นตัวช่วยชั้นยอดสำหรับการป้องกันการอนุมานของผู้อมตะรวมถึงเจตจำนงสวรรค์

อาจกล่าวได้ว่าอาภรณ์วิญญาณเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญท่ามกลางมรดกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

มันพิเศษมาก

เมื่อกระตุ้นใช้งาน มันจะคงอยู่ตลอดไปโดยไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ แต่มันจะใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะเพื่อรักษามันไว้

ในทางทฤษฎี ตราบเท่าที่ดวงวิญญาณของผู้อมตะยังอยู่และอาภรณ์วิญญาณไม่ถูกโจมตีโดยตรง มันก็จะคงอยู่ตลอดไป

นอกจากนั้นมันยังจะเปลี่ยนแปลงไปตามรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะ

เมื่อรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะเพิ่มขึ้น พลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ในทำนองเดียวกัน หากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะตกต่ำลง พลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณก็จะลดลง

‘ก่อนหน้านี้ข้าใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ข้าต้องหยุดใช้มันเป็นครั้งคราวเพื่อให้มันฟื้นตัว มันไม่สะดวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะหลบหนี แต่อาภรณ์วิญญาณจะคงอยู่ตลอดไปหลังจากกระตุ้นใช้งานเพียงครั้งเดียวและพลังอำนาจของมันก็จะเพิ่มขึ้นตามรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้า’

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่สามารถใช้งานได้จริง

อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงยังมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณท่าอื่นที่สามารถใช้งานร่วมกับมันได้

ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะหอกวิญญาณหรือโซ่วิญญาณ

ด้วยท่าไม้ตายทั้งสอง เมื่อดวงวิญญาณของฟางหยวนออกจากร่าง นอกจากอาภรณ์วิญญาณ เขายังจะมีอาวุธป้องกันตัว

สิ่งนี้ทำให้ดวงวิญญาณสามารถต่อสู้

หลังจากทดสอบท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ ฟางหยวนยังอนุมานต่อไปด้วยแสงแห่งปัญญา

เขาเริ่มคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเขา

‘ด้วยอาภรณ์วิญญาณและแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ตอนนี้ข้าปลอดภัยแล้ว แม้วังสวรรค์จะโจมตี ข้าก็ยังสามารถพึ่งพากำลังของตนเองเพื่อหลบหนี’

‘แต่สิ่งที่ข้าต้องทำคือทำลายวิญญาณชะตากรรมของวังสวรรค์ให้สิ้นซาก’

‘สิบปี! หลังจากผ่านไปสิบปี วังสวรรค์จะสามารถฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะอีก’

นี่เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวน

วังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป แม้เขาจะไม่ได้อยู่ที่ภาคกลาง แต่ผู้อมตะระดับแปดหนึ่งหรือสองคนที่พวกเขาส่งออกมาก็สามารถทำให้ฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเวทนาแล้ว

แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา แต่ฟางหยวนยังไม่สามารถคิดวิธีแก้ไขปัญหาที่ยิ่งใหญ่นี้

‘โชคดีที่ข้ายังมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง เทพปีศาจบัวแดงสามารถทำลายวิญญาณชะตากรรมและทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง วิญญาณกาลเวลาที่เป็นกุญแจสำคัญอยู่ในมือของข้า มีความเป็นไปได้สูงที่ข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเขา’

ฟางหยวนสามารถใช้หนึ่งในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงกำจัดผู้อมตะระดับแปดหงซื่อ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่มรดกที่แท้จริงอื่นๆของเทพปีศาจบัวแดงจะสามารถทำลายวิญญาณชะตากรรม

ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม วังสวรรค์สามารถยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้

ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรมและการจัดเตรียมของเทพอมตะกลุ่มดาว วังสวรรค์สามารถต่อต้านสามเทพปีศาจ

ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม วังสวรรค์สามารถครองบัลลังก์กองกำลังอันดับหนึ่งของโลกใบนี้มาโดยตลอด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทำลายวิญญาณชะตากรรมเป็นปัจจัยสำคัญในการเอาชนะวังสวรรค์

หากฟางหยวนไม่ทำลายวิญญาณชะตากรรม หลังจากสิบปี วังสวรรค์จะปลิดชีพฟางหยวนอย่างแน่นอน

ฟางหยวนครอบครองมรดกของนิกายเงา เป็นธรรมดาที่เขาจะตระหนักถึงประเด็นนี้อย่างลึกซึ้ง

‘แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะตามหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง’

‘วังสวรรค์พลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาก็ได้รับข้อมูลที่ล้ำค่ามากมาย คราวหน้าพวกเขาจะใช้กำลังมากขึ้นและจะส่งผู้อมตะระดับแปดออกมามากขึ้น’

‘ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่ง หลังจากรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ข้าจะมีความหวังในการทำลายวิญญาณชะตากรรม’

ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่เป็นแผนการทั่วไป

ปัจจุบันฟางหยวนกำลังขาดแคลนพลังงานอมตะในขณะที่หินวิญญาณอมตะในคลังสมบัติของเขาก็กลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง เกราะหวนคืนถูกตอบโต้แล้วในการต่อสู้ครั้งก่อน ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงของฟงจิวเก้อสามารถเจาะทะลวงเข้าไปในเกราะหวนคืนและส่งผลกระทบต่อร่างกายของฟางหยวน ในการต่อสู้ที่สายธารแห่งกาลเวลา หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเกาะบัวหิน เขาจะไม่สามารถสังหารหงซื่อ

ตอนนี้ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณและมรดกอีกมากมาย เขายังมีภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปรวมถึงวิญญาณสติปัญญา

ในสถานการณ์นี้หากเขาไม่พัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง เขาจะพบปัญหาใหญ่ มันจะเป็นการร้องขอความตายจากศัตรูอย่างแท้จริง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท