เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1464

ตอนที่ 1464

เซี่ยเอ๋อเป็นอัจฉริยะของเผ่ามนุษย์หิมะ แต่เผ่ามนุษย์หิมะมีทรัพยากรเพียงเล็กน้อย

นางสามารถก้าวเข้าสู่ระดับหกในช่วงอายุนี้ นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากแล้ว แต่หลังจากพบอิงอู๋เซี่ย นางไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเจ็ดผู้นี้ แม้นางจะไม่แสดงออก แต่นางรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

เมื่อนางเห็นผู้อมตะระดับหก หัวใจที่หนักอึ้งของนางก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

“สวัสดี เจ้าสามารถเรียกข้าว่าเซี่ยเอ๋อ” เซี่ยเอ๋อแนะนำตัวเอง นางรู้สึกว่านางควรเป็นมิตรกับผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวน

“อืม เรียกข้าว่าลั่วหลัน” ไห่ลั่วหลันยิ้มและลอบประเมินเซี่ยเอ๋อ

นางคิด ‘ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ? นางเข้าหาพวกเราเพราะเหตุใด? ฟางหยวน…เขากำลังคิดสิ่งใดอยู่?’

ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ถูกเก็บเป็นความลับ มีเพียงอิงอู๋เซี่ยผู้เดียวที่รู้ ไห่ลั่วหลันรู้เพียงว่าฟางหยวนต้องการให้เซี่ยเอ๋อเข้าร่วมในภารกิจสำรวจไท่ชิวเท่านั้น

“เอาล่ะ หลังจากแนะนำตัวเสร็จแล้ว เราจะไปกันต่อ” อิงอู๋เซี่ยกล่าว

เขาใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเพื่อค้นหาตำแหน่งของเทพธิดาเมี่ยวหยินและเทพธิดากระต่ายขาว

“ไห่ลั่วหลัน ทำงานของเจ้าต่อไป ข้าจะพาเซี่ยเอ๋อไปหาคนอื่นๆ”

หลังกล่าวจบคำทั้งสองก็จากไป

สัญชาตญาณของไห่ลั่วหลันบอกนางว่าการเข้าร่วมของเซี่ยเอ๋อมีเป้าหมายที่ไม่ธรรมดา

ไห่ลั่วหลันเป็นคนทะเยอทะยาน แม้นางจะอยู่ภายใต้ข้อตกลงพันธมิตรและสูญเสียอิสรภาพ แต่นางยังคิดวิธีหลบหนีจากพันธนาการนี้ตลอดเวลา

ผู้ใดจะไม่ต้องการอิสรภาพ?

“รอเดี๋ยว ข้าจะไปกับพวกเจ้า ข้ามีหน้าที่หาหมูป่างาช้าง แต่ข้าหามันไม่พบ ข้าจะขอให้เมี่ยวหยินช่วยข้าหาพวกมัน” ไห่ลั่วหลันบินตามไป

เซี่ยเอ๋อมีความสุขมาก นางต้องการสร้างความใกล้ชิดกับไห่ลั่วหลัน

ขณะเดียวกันไห่ลั่วหลันก็ต้องการตรวจสอบเซี่ยเอ๋อ ดังนั้นนางจึงแสดงออกอย่างเป็นมิตร

“พี่สาวลั่วหลัน ข้าดีใจมากที่ได้พบท่าน” เซี่ยเอ๋อเรียกไห่ลั่วหลันว่าพี่สาวและทำให้สถานะของนางดูต่ำกว่า

‘ผู้หญิงที่โง่เขลา…’ ไห่ลั่วหลันเย้ยหยันอยู่ภายใน

นางเคยเป็นผู้ชนะในสงครามชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ นางมีฝีมือในการวางแผน หากเปรียบเทียบกับเซี่ยเอ๋อที่อาศัยอยู่อย่างสงบสุขในเผ่ามนุษย์หิมะ นางถือเป็นเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา

ในไม่ช้าไห่ลั่วหลันก็พบว่าเซี่ยเอ๋อต้องการข้อมูลเกี่ยวกับนิกายหลางหยา

นางใช้ความตั้งใจของเซี่ยเอ๋อเพื่อตรวจสอบฝ่ายหลังต่อไป

เซี่ยเอ๋อไม่สามารถแข่งขันกับไห่ลั่วหลัน นางกำลังจะบอกข้อมูลต่างๆออกมาแต่อิงอู๋เซี่ยกลับกล่าวแทรก “นั่นไม่ใช่หมูป่างาช้างงั้นหรือ? ไห่ลั่วหลัน เจ้าโชคดีมาก เจ้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเมี่ยวหยิน”

ด้วยการชี้นำของอิงอู๋เซี่ย เซี่ยเอ๋อค้นพบสัตว์อสูรบรรพกาล

มันเป็นสัตว์อสูรที่มีร่างกายใหญ่โต มันนอนอยู่บนพื้นและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา

หัวใจของเซี่ยเอ๋อเต้นแรง นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมูป่างาช้าง

ไห่ลั่วหลันที่ถูกขัดจังหวะรู้สึกโกรธ แต่นางก็ไม่สามารถโต้ตอบอิงอู๋เซี่ย นางพ่นลมหายใจออกมาและบินเข้าไปหาหมูป่างาช้าง

“พี่สาวลั่วหลัน ระวังตัวด้วย” เซี่ยเอ๋อกล่าวด้วยความห่วงใย แต่ภายในลอบยกย่องความกล้าหาญของไห่ลั่วหลัน ด้วยการบ่มเพาะระดับหก เซี่ยเอ๋อคิดว่าไห่ลั่วหลันต้องพึ่งพาเทพธิดาซุ้ยป๋อ

แต่ฉากต่อไปกลับทำให้เซี่ยเอ๋อตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

ไห่ลั่วหลันดุร้ายยิ่งกว่าหมูป่างาช้าง เมื่อนางต่อสู้ กลิ่นอายของนางเปลี่ยนไปทันที เปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวลุกไหม้ขึ้นบนร่างของนาง

‘ผู้อมตะระดับหกที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเจ็ด อา…แข็งแกร่งนัก!’ เปลือกตาของเซี่ยเอ่อกระตุกเมื่อเห็นการต่อสู้ของไห่ลั่วหลัน

ไห่ลั่วหลันได้รับมรดกและวิญญาณอมตะมาจากนางมารผลาญสวรรค์ ฟางหยวนไม่ได้รับมรดกนี้เพราะเขามีมรดกมากพอแล้ว เขาปล่อยให้ไห่ลั่วหลันใช้วิธีการต่อสู้ของนางต่อไป

ภายใต้การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของไห่ลั่วหลัว หมูป่างาช้างโกรธจัดก่อนจะบ้าคลั่งและหลบหนีหลังจากพ่ายแพ้

เซี่ยเอ๋อตกใจมาก

ไห่ลั่วหลันระเบิดพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดออกมา สิ่งนี้เกินกว่าความคาดหมายของเซี่ยเอ๋อ

‘พี่สาวลั่วหลันแข็งแกร่งมาก ท่าไม้ตายอมตะของนางทรงพลังจริงๆ’

‘อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่านางปลดปล่อยกลิ่นอายบนเส้นทางความแข็งแกร่งออกมา แต่เหตุใดนางถึงใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งไฟ?’

นางทั้งตกใจและสงสัย

เซี่ยเอ๋อไม่เข้าใจ

เทพธิดาซุ้ยป๋อที่ปลดปล่อยกลิ่นอายบนเส้นทางแห่งวารีแต่ใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและตอนนี้ไห่ลั่วหลันที่ปลดปล่อยกลิ่นอายบนเส้นทางความแข็งแกร่งกลับใช้วิธีบนเส้นทางแห่งไฟ

“เอาล่ะ ไปกันต่อเถอะ” หลังจากรวบรวมซากศพของหมูป่างาช้าง ไห่ลั่วหลันก็กลับมา

“พี่สาวลั่วหลันช่างยอดเยี่ยมนัก!” เซี่ยเอ๋อมองไห่ลั่วหลันด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ

ไห่ลั่วหลันส่ายศีรษะ “มันไม่ถือเป็นสิ่งใด”

“ไม่ ไม่ ท่านน่าทึ่งมาก ท่านเป็นผู้อมตะระดับหกแต่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด นี่ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับผู้อมตะทั่วไป” เซี่ยเอ๋อโบกมือ

ไห่ลั่วหลันเผยรอยยิ้มขมขื่น “นี่ไม่ใช่สิ่งใดจริงๆ เปรียบเทียบกับสมาชิกทั้งหมดของนิกายเงา ข้าธรรมดามาก”

คำตอบของไห่ลั่วหลันทำให้หัวใจของเซี่ยเอ๋อเต้นแรง

ไห่ลั่วหลันกล่าวต่อ “เมื่อเจ้าพบพวกเขา เจ้าจะเข้าใจ ไปกันเถอะ”

ไห่ลั่วหลันเสร็จสิ้นภารกิจของนางแล้วแต่นางยังไม่กลับ นางตัดสินใจอยู่ต่อเพื่อตรวจสอบเซี่ยเอ๋อ

หลังจากไม่นานพวกนางก็พบกับเทพธิดาเมี่ยวหยินและเทพธิดากระต่ายขาว

เทพธิดากระต่ายขาวเป็นผู้อมตะระดับหก นางไม่ทรงพลังเหมือนไห่ลั่วหลัน มันอันตรายที่นางจะเดินทางเพียงลำพังในไท่ชิว

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงให้นางทำงานร่วมกับเทพธิดาเมี่ยวหยิน

แน่นอนว่าเมื่อนางกลายเป็นนางเสือดำ นางจะมีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด แต่ร่างนางเสือดำก็อยู่ได้ไม่นานนัก

“สวัสดี เซี่ยเอ๋อ” เทพธิดาเมี่ยวหยินเผยรอยยิ้มอ่อนโยน

“เจ้าเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะงั้นหรือ? นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยเห็น” เทพธิดากระต่ายขาวกล่าว

‘สถานการณ์นี้คือสิ่งใด?’ เซี่ยเอ๋อรู้สึกหดหู่ใจ

เทพธิดาเมี่ยวหยินเป็นหนึ่งในสามผู้อมตะหญิงที่งดงามที่สุดของภาคใต้ นางมีใบหน้าและร่างกายที่งดงามเย้ายวนใจ ภายใต้ชุดสีแดงอมชมพู นางยิ่งดูมีเสน่ห์

สำหรับเทพธิดากระต่ายขาว นางดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา กลิ่นอายของนางแตกต่างจากเทพธิดาเมี่ยวหยิน เซี่ยเอ๋อรู้สึกว่านางน่ารักมากตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น สิ่งนี้ทำให้นางเป็นที่รักและได้รับความไว้วางใจอย่างง่ายดาย

เซี่ยเอ๋อวิเคราะห์อย่างหนัก

นางพบว่าเทพธิดาเมี่ยวหยินเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่เทพธิดากระต่ายขาวเป็นผู้อมตะระดับหกคล้ายนาง

แต่หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับไห่ลั่วหลัน เซี่ยเอ๋อไม่กล้ามองเทพธิดากระต่ายขาวเหมือนผู้อมตะระดับหกทั่วไป

หลังจากสนทนา ทุกคนให้การต้อนรับเซี่ยเอ๋ออย่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แต่เซี่ยเอ๋อค่อนข้างปากแข็ง ไม่ใช่ว่านางกลายเป็นนักวางแผน แต่เพราะมีหญิงงามมากมายอยู่รอบๆ นี่ทำให้เซี่ยเอ๋อรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

เหตุใดนางถึงมาที่นี่?

เพราะนางต้องการแต่งงานกับฟางหยวน

หากนางประกาศตัวเองว่านางจะเป็นภรรยาในอนาคตของฟางหยวนต่อหน้าหญิงงามเหล่านี้ นั่นไม่ใช่การยั่วยุงั้นหรือ? นางไม่ได้ไร้ยางอายถึงเพียงนั้น

ในเวลาเดียวกันคำถามหนึ่งก็กดดันเซี่ยเอ๋อ

‘ผู้อมตะหญิงเหล่านี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับฟางหยวน?’

เซี่ยเอ๋อเป็นคนนอก มันช่วยไม่ได้ที่นางจะคิดเช่นนี้

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

มันเป็นเรื่องปกติมาก

“เอาล่ะ เจ้าได้พบกับสมาชิกนิกายเงาทั้งหมดแล้ว แต่ยังมีคนพิเศษอีกหนึ่ง” อิงอู๋เซี่ยกล่าว

“พิเศษ?” หัวใจของเซี่ยเอ๋อยิ่งตึงเครียด

นางอยากถามว่า ‘ความสัมพันธ์พิเศษกับฟางหยวนงั้นหรือ? เขาเป็นชายหรือหญิง?’

แต่เซี่ยเอ๋อไม่ได้ถามโดยตรง

อิงอู๋เซี่ยกล่าวต่อ “คนผู้นี้คือไป่หนิงปิง นางไม่ใช่สมาชิกของนิกายเงา แต่นางเป็นพันธมิตรของเรา เราต่อสู้มาด้วยกัน แม้นางจะเป็นผู้อมตะระดับหก แต่…ท่ามกลางพวกเรา นางแข็งแกร่งที่สุด”

อิงอู๋เซี่ยลังเลเล็กน้อยกับประโยคสุดท้าย

แต่ผู้อมตะคนอื่นๆไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้

พลังการต่อสู้ของไห่ลั่วหลันด้อยกว่าไป่หนิงปิง หลังจากทั้งหมดร่างสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงไม่มีประโยชน์ต่อวิธีบนเส้นทางแห่งไฟ

พลังการต่อสู้ของเทพธิดาเมี่ยวหยินใกล้เคียงกับไห่ลั่วหลัน

เทพธิดากระต่ายขาวสามารถถูกมองข้าม สำหรับนางเสือดำ นางโหดเหี้ยมแต่นางยังขาดวิธีการโจมตีที่ทรงพลัง

อิงอู๋เซี่ยอาจจะเหนือกว่าไป่หนิงปิงด้วยการคงอยู่ของท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน แต่วิญญาณอมตะส่วนใหญ่ของเขาถูกฟางหยวนยึดไปแล้ว

ไป่หนิงปิงครอบครองมรดกที่แท้จริงของไป่เซียงและด้วยร่างสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด นางจึงแข็งแกร่งที่สุด

“แข็งแกร่งกว่าพี่สาวลั่วหลันงั้นหรือ?” เซี่ยเอ๋อรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ไห่ลั่วหลันกล่าว “ความแข็งแกร่งของข้าอยู่ในระดับกลางๆในหมู่พวกเราเท่านั้น”

เซี่ยเอ๋อตกใจมาก นางคิด ‘สวรรค์ เหตุใดถึงมีสัตว์ประหลาดมากมายอยู่ที่นี่? การบ่มเพาะระดับหกแต่แข็งแกร่งที่สุด คนผู้นี้คือผู้ใดกันแน่? พลังการต่อสู้ขอนางสูงเพียงใด?’

“ตอนนี้เราจะพาเจ้าไปที่นั่น ข้าจะบอกเรื่องนี้กับเจ้าล่วงหน้า ทัศนคิของนางแตกต่างจากพวกเรา” อิงอู๋เซี่ยนำทาง

ไม่นานพวกนางก็พบกับไป่หนิงปิง

“บึม บึม บึม…”

เสียงระเบิดดังขึ้น

“กรอ…”

ต่อมาเสียงครวญครางราวกับสัตว์อสูรใกล้ตายก็ดังตามมา

“นี่…” เซี่ยเอ๋อตกใจมากเมื่อเห็นไป่หนิงปิงที่ต่อสู้อยู่ในวงล้อมของฝูงสัตว์อสูรบรรพกาล

“พวกเจ้ามาถูกเวลาจริงๆ ข้าพบที่ที่ดีแล้ว” ไป่หนิงปิงหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นไป่เซียงขณะเดินเข้าไปหากลุ่มผู้อมตะหญิง

เซี่ยเอ๋อตกใจอีกครั้ง

‘งดงามมาก!’

ความงามและกลิ่นอายของไป่หนิงหนิงน่าทึ่งมาก

หัวใจของเซี่ยเอ๋อสั่นไหว นางคิด ‘มีหญิงที่งดงามถึงเพียงนี้อยู่ด้วยงั้นหรือ?’

หากนางรู้ว่าไป่หนิงปิงเคยเป็นผู้ชายมาก่อน นางจะตกใจยิ่งกว่านี้

เซี่ยเอ๋อคิด ‘เหตุใดรอบกายฟางหยวนถึงเต็มไปด้วยหญิงงามมากมาย? นอกจากนั้นพวกนางยังมาพร้อมกับความสามารถ! ตอนนี้ข้าไม่สงสัยแล้วว่าเหตุใดฟางหยวนถึงดูแคลนข้า!’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท