เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1465

ตอนที่ 1465

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปเมฆา

ฟางหยวนอยู่เพียงลำพังบนลานกว้าง

เขาสูดหายใจลึกและสงบจิตใจก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

‘ความคิดอุกกาบาตเพลิง’ ฟางหยวนกล่าวในใจ

ดวงตาของเขาส่องแสดงสีม่วงขณะที่หินอุกกาบาตขนาดเล็กปรากฏขึ้นรอบตัวเขา

หินอุกกาบาตเหล่านี้ลุกเป็นไฟแต่มันไม่มีความร้อน

“ไป” ฟางหยวนตะโกน หินอุกกาบาตที่ลอยอยู่รอบๆพุ่งออกไป

อุกกาบาตเพลิงขยายใหญ่ขึ้นนับร้อยนับพันเท่าในครั้งเดียว ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยหินเหล่านี้

ต่อมาพวกมันก็พุ่งลงบนพื้นเมฆและทำให้เกิดทุ่งเพลิงที่ไร้ความร้อนและไร้เสียง

หลังจากทั้งหมดพวกมันไม่ใช่หินอุกกาบาตที่แท้จริงแต่เกิดจากกลุ่มก้อนความคิด

นี่คือท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีของราชันภูเขาม่วง ความคิดอุกกาบาตเพลิง

จากนั้นฟางหยวนก็ชี้นิ้วออกไป

เปลวเพลิงดับลงขณะที่ดอกไม้ผลิบานขึ้นจากหลุมอุกกาบาตและทำให้เกิดทุ่งดอกไม้หลากหลายสีสัน

มันคือท่าไม้ตายอมตะความคิดดอกไม้เบ่งบานของราชันภูเขาม่วง

“น่าเสียดายที่เป้าหมายของข้าไม่ใช่ผู้อมตะ ดินเมฆไม่มีความคิด ดอกไม้เหล่านี้ไร้ประโยชน์และมีไว้เพื่อตกแต่งเท่านั้น” ด้วยเจตจำนงของฟางหยวน ทุ่งดอกไม้หายไปทันที

ร่างของฟางหยวนสั่นเบาๆ

ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกความคิด!

ทันใดนั้นร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น

ภายในไม่กี่ลมหายใจ พวกมันก็เพิ่มขึ้นนับแสนร่าง

ร่างจริงของฟางหยวนซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมันและไม่สามารถตรวจพบหากปราศจากท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ทรงพลัง

ท่าไม้ตายนี้คล้ายกับท่าไม้ตายดั้งเดิมของฟางหยวน

นั่นคือหมื่นตัวตนและใบหน้าที่คุ้นเคย

แต่ท่าไม้ตายอมตะของราชันภูเขาม่วงเหนือกว่าเพราะมันเกิดจากท่าไม้ตายเดียวขณะที่ส่งผลลัพธ์เทียบเท่ากับสองท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวนและใช้พลังงานอมตะน้อยกว่า

ยังมีข้อได้เปรียบอีกหนึ่งประการ ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกความคิดสร้างร่างแยกได้เร็วกว่าท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน

แต่ข้อเสียของมันคือร่างแยกเหล่านี้ไม่มีพลังโจมตี พวกมันมีไว้เพื่อปกปิดร่างจริงเท่านั้น แต่ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนสามารถสร้างร่างแยกที่มีพลังโจมตีเป็นของตัวมันเอง

ฟางหยวนหยุดใช้ร่างแยกความคิดก่อนจะส่งหมอกออกจากฝ่ามือ

นี่คือท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสน มันจะทำให้ผู้อมตะสูญเสียการรับรู้ทิศทาง

ต่อมาฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะเกราะความคิด

หลังจากนั้นเขายังใช้ท่าไม้ตายอมตะแสงแห่งปัญญาสีม่วง!

มันเป็นท่าไม้ตายที่ซับซ้อนที่สุดแต่ก็ทรงพลังที่สุดเช่นกัน

มันอนุญาตให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลและเรียนรู้ท่าไม้ตายของศัตรู

เมื่อมันรวบรวมข้อมูลได้มากพอ ฟางหยวนจะสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อจัดการท่าไม้ตายของศัตรูระหว่างการต่อสู้

สุดท้ายยังมีท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงที่สามารถคลี่คลายท่าไม้ตายของฝ่ายตรงข้าม

ฟางหยวนพยายามใช้มันแต่เขาประสบความสำเร็จหลังจากความพยายามครั้งที่สาม

ระหว่างกระบวนการนี้เขาได้รับบาดเจ็บ

แต่ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า เขาไม่กลัวอาการบาดเจ็บดังกล่าว

‘หลังจากฝึกฝนมาหลายวัน ข้าก็เข้าใจวิธีการของราชันภูเขาม่วงเกือบทั้งหมด’ ฟางหยวนคิด

ตอนนี้ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วตั้งแต่เซี่ยเอ๋อมาหาเขา

ในช่วงเวลาเหล่านี้ฟางหยวนบ่มเพาะจิตวิญญาณและสามารถสะสมรากฐานได้ถึงระดับสิบล้านคนแล้ว

การพัฒนามิติช่องว่างเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่งคง

นอกเหนือกจากนี้เขายังฝึกท่าไม้ตายอมตะ

การฝึกใช้ท่าไม้ตายอมตะเป็นเรื่องจำเป็น เนื่องจากการกระตุ้นใช้งานแต่ละครั้งมีความเสี่ยง หากมันล้มเหลว ตัวผู้ใช้งานจะได้รับอันตราย

ฟางหยวนมีมรดกจำนวนนับไม่ถ้วนและมีท่าไม้ตายอมตะอยู่มากมาย

อย่างไรก็ตามพื้นฐานของท่าไม้ตายอมตะคือวิญญาณอมตะ ฟางหยวนตัดสินใจฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วงเป็นอันดับแรกเพราะเขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาบางส่วนของราชันภูเขาม่วง

ราชันภูเขาม่วงเป็นร่างแยกรุ่นแรกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ วิธีการของเขาทรงพลังและสามารถแข่งขันกับราชันมังกร

แม้ฟางหยวนจะไม่ได้รับวิญญาณอมตะทั้งหมดของราชันภูเขาม่วง แต่เขายังสามารถใช้แสงแห่งปัญญาเพื่อดัดแปลงท่าไม้ตายเหล่านั้น

หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝนประจำวัน ฟางหยวนไปหาวิญญาณสติปัญญา

เขานั่งอยู่ด้านหน้าวิญญาณสติปัญญาและอาบแสงแห่งปัญญาเพื่อสรุปผลการฝึกฝนในครั้งนี้

ทุกครั้งหลังจากการฝึกฝน เขาจะทบทวนประสบการณ์ที่ได้รับและพัฒนาท่าไม้ตายให้ดีขึ้นไปอีก

โดยปกติแล้วการสร้างท่าไม้ตายขึ้นอยู่กับประสบการณ์ นิสัย และบุคลิกของผู้อมตะ

ท่าไม้ตายของผู้อื่นอาจไม่เหมาะสมกับตนเอง

ครู่ต่อมาฟางหยวนก็หยุดคิด ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้อีกต่อไป

‘หลังจากฝึกฝนและปรับเปลี่ยนมาหลายวัน ในที่สุดข้าก็ถึงขีดจำกัดแล้ว เพียงเมื่อความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้ายกระดับขึ้น ข้าจึงจะสามารถพัฒนาท่าไม้ตายเหล่านี้ได้อีกครั้ง’

ฟางหยวนไม่ฝืนตัวเอง

แต่การอนุมานในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นที่เรื่องนี้ เขาพยายามสร้างท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่ง

เดิมทีฟางหยวนมีวิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่ง มันอนุญาตให้เขาดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าด้วยการกินเนื้อสัตว์อสูรบนเส้นทางควาแข็งแกร่ง แต่น่าเสียดายที่มันถูกทำลายไปแล้ว

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะมากมายและด้วยการพึ่งพาแสงแห่งปัญญา เขาสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่ง

มันสามารถใช้ทดแทนวิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่ง

‘การอนุมานประสบความสำเร็จในที่สุด!’ ฟางหยวนรู้สึกพึงพอใจมาก

เขาเริ่มอนุมานท่าไม้ตายนี้เมื่อหกวันก่อน สุดท้ายเขาก็ประสบความสำเร็จ

ท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่งใช้วิญญาณอมตะอาหารว่างระดับหกเป็นแกนกลางและมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งอื่นๆเป็นส่วนสนับสนุนเพื่อทำให้มันกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง

ประสิทธิภาพของมันเหนือกว่าวิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่งระดับหก แต่มันมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะท่าไม้ตายนี้พึ่งพาวิญญาณอมตะหลายดวงขณะที่วิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่งสามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยตัวมันเอง

สรุปแล้วมีข้อดีก็มีข้อเสีย

ในวันต่อๆมา นอกจากการฝึกท่าไม้ตายอมตะของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนยังใช้ท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่งเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งให้กับตนเองอีกด้วย

เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด มันมีประมาณห้าหมื่นร่องรอย ตามมาด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะ เส้นทางแห่งโชค เส้นทางแห่งพลังปราณ และเส้นทางแห่งเสียง พวกมันมีมากกว่าหมื่นร่องรอย

เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งไม่มาก เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่เกี่ยวกับเส้นทางความแข็งแกร่ง แดนศักดิ์สิทธิ์ที่เขากลืนกินเข้ามาก็ไม่ได้มาจากเส้นทางความแข็งแกร่ง

ดังนั้นเขาจึงต้องการแก้ไขปัญหานี้

หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนเลือกเส้นทางความแข็งแกร่ง

ท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของเขาคือเกราะหวนคืนและหมื่นมังกร เกราะหวนคืนเป็นการป้องกัน หมื่นมังกรเป็นการโจมตี แต่ทั้งสองล้วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางความแข็งแกร่ง การเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ของเขาอย่างชัดเจน

สำหรับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วง พวกมันจะช่วยเพิ่มความหลากหลายในการต่อสู้กับสถานการณ์ต่างๆ แต่สิ่งที่กำหนดความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขามีเพียงเกราะหวนคืน

ฟางหยวนฝึกฝนอย่างหนักและใช้เวลาทุกวินาทีเพื่อมุ่งสู่จุดหมาย

สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเช่นนี้หาได้ยากมาก

ตั้งแต่กำเนิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนมีโอกาสยกระดับความแข็งแกร่งและรากฐานของตนเองอย่างเต็มที่

พัฒนามิติช่องว่าง ฝึกฝนท่าไม้ตาย บ่มเพาะจิตวิญญาณ ฟางหยวนเติบโตขึ้นในทุกวัน

ความเร็วในการพัฒนาของเขาไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน กระทั่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาายังลอบตกตะลึงอยู่อย่างลับๆ

นี่คือสิ่งที่วังสวรรค์ทำนายไว้ หลังจากได้รับมรดกของนิกายเงา รากฐานของฟางหยวนจะลึกเกินหยั่งถึง เมื่อเขาสามารถใช้มัน ความแข็งแกร่งของเขาจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่เซี่ยเอ๋อเข้ารับการทดสอบ นางทำหน้าที่อย่างเชื่อฟังและขยันหมั่นเพียร แม้พลังการต่อสู้ของนางจะไม่เพียงพอ แต่นางมีทักษะด้านการตรวจสอบที่โดดเด่น นางสามารถทำงานร่วมกับนิกายเงาและล่าวิญญาณให้ฟางหยวนได้มากมาย

ฟางหยวนแสดงทัศนคติที่เย็นชาต่อการแต่งงานทำให้เกิดความขัดแย้งภายในเผ่ามนุษย์หิมะ ปิงหยวนซึ่งเป็นยายของเซี่ยเอ๋อเสนอให้มอบของขวัญให้กับฟางหยวนเพื่อแสดงความปรารถนาดีอีกครั้ง แต่กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะที่นำโดยปิงเฟิงคัดค้าน พวกเขารู้สึกว่าราคาของการแต่งงานกับฟางหยวนสูงเกินไป

เนื่องจากภารกิจสำรวจไท่ชิวของนิกายหลางหยาดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงมีความสุขและพอใจกับฟางหยวนมาก

วันนี้ขณะที่ฟางหยวนกำลังดูแลมิติช่องว่าง เขาได้รับคำร้องขอความช่วยเหลืออย่างกะทันหัน

เมื่อเขาเปิดเปลือกตาขึ้น จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็มาหาเขา

“ผู้อาวุโสฟางหยวน รีบไปช่วยเร็วเข้า สัตว์อสูรแรกกำเนิดปรากฏตัวขึ้นในไท่ชิว ผู้อมตะหลายคนของนิกายกำลังเผชิญหน้ากับมัน!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเต็มไปด้วยความกังวล

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท