เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1467

ตอนที่ 1467

“พวกเราปลอดภัยแล้ว!”

“ท่านฟางหยวนจงเจริญ!”

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสองคนกรีดร้องด้วยความยินดีเมื่อเห็นฟางหยวนเอาชนะมังกรหมื่นเศียร

แต่กลุ่มผู้อมตะของนิกายเงาเงียบ

ไป่หนิงปิงสูดหายใจลึก

อิงอู๋เซี่ยคิดถึงการเสียสละของราชันภูเขาม่วงเมื่อเห็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเหล่านี้

ไห่ลั่วหลันเงียบ ยิ่งฟางหยวนแข็งแกร่งเท่าใด โอกาสหลบหนีของนางก็ยิ่งน้อยเท่านั้น

เซี่ยเอ๋อกระพริบตาอย่างต่อเนื่อง หัวใจของนางสั่นสะท้านเมื่อนางมองดูสนามรบที่พังทลาย นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเผ่าถึงต้องการให้นางแต่งงานกับฟางหยวน

‘นี่คือพลังการต่อสู้ระดับแปด?’

‘สัตว์อสูรแรกกำเนิดทั่วไปไม่ใช่คู่แข่งของผู้อมตะที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด เนื่องจากมนุษย์มีสติปัญญาและสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ’

‘การแต่งงานกับชายผู้นี้ แม้จะพึ่งพาเพียงการเชื่อมต่อ เผ่าของเราก็จะไม่ถูกเผ่ามนุษย์หินรังแกอีกต่อไป เผ่าของเราจะเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน!’

ด้านฟางหยวน เขากำลังคำนวณกำไรในครั้งนี้

สัตว์อสูรแรกกำเนิดมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่พวกมันถูกแบ่งออกเป็นระดับที่แตกต่างกัน มังกรหมื่นเศียรถือว่าอ่อนแอกว่าสัตว์อสูรแรกกำเนิดทั่วไป

นอกจากนั้นมันพึ่งตื่นจากการจำศีลและไม่สามารถตอบโต้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวน

หากฟางหยวนใช้วิธีอื่น เขาอาจต้องใช้ความพยายามมากขึ้น แต่ความคิดอุกกาบาตเพลิงและความคิดดอกไม้เบ่งบานกลับส่งผลกระทบที่ไม่น่าเชื่อ

‘ข้าควรจัดการมังกรหมื่นเศียรตัวนี้อย่างไร? โดยปราศจากศีรษะมังกรแรกกำเนิด มันจะเป็นเพียงสัตว์อสูรบรรพกาล แต่มันยังมีรากฐาน หลังจากนี้ศีรษะมังกรบรรพกาลจะค่อยๆกลายเป็นศีรษะมังกรแรกกำเนิด’

สัตว์อสูรแรกกำเนิดบนเส้นทางแห่งค่ายกลเช่นนี้หาได้ยาก แรกเริ่มฟางหยวนคิดที่จะย้ายมันไปไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

แต่น่าเสียดายที่มังกรหมื่นเศียรอยู่ใต้ดิน มันไม่สามารถขยับเขยื้อน ในความเป็นจริงมันเชื่อมต่อกับเส้นโลหิตปฐพีและดูดกลืนสารอาหารจากที่นั่น

หากมันถูกขุดขึ้นมา มันจะเสียชีวิต

ผู้อมตะทั่วไปอาจไม่มีทางเลือกแต่ฟางหยวนมีวิธี

ไม่ว่าจะเป็นมรดกของนิกายเงาหรือมรดกของนิกายหลางหยา พวกมันต่างมีวิธีการมากมายในการย้ายที่อยู่ของมังกรหมื่นเศียร

แต่ฟางหยวนกลับเลิกคิดเรื่องนี้หลังจากไตร่ตรอง

เหตุผลง่ายมาก วิธีการเหล่านั้นพึ่งพาวิญญาณอมตะซึ่งฟางหยวนไม่มี แม้เขาจะใช้แสงแห่งปัญญา เวลา ความพยายาม และทรัพยากรมหาศาล แต่มันไม่คุ้มที่จะทำเพื่อสัตว์อสูรแรกกำเนิดเพียงตัวเดียว

แต่การฆ่ามันและขายชิ้นส่วนร่างกายถือเป็นเรื่องสิ้นเปลือง

ท้ายที่สุดสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่มีชีวิตก็มีค่ามากกว่าซากศพที่ตายแล้ว

กลุ่มก้อนความคิดปะทะกันในใจของฟางหยวนก่อนที่เขาจะพบวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด นั่นคือนิกายหลางหยา!

เขากำลังจะติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแต่ฝ่ายหลังชิงติดต่อเขามาก่อน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสุขมากที่ฟางหยวนเอาชนะสัตว์อสูรแรกกำเนิดและสามารถช่วยชีวิตผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสองคน เขาขอบคุณฟางหยวนด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอย่างเงียบๆ

พลังการต่อสู้ระดับแปดทำให้ทุกอย่างแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

แม้ฟางหยวนจะไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปด แต่พลังการต่อสู้ระดับแปดทำให้เขาถูกพิจารณาว่าเป็นกึ่งระดับแปด ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความอัศจรรย์ของตัวตนระดับนี้

ฟางหยวนกล่าวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “มังกรหมื่นเศียรตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ ศีรษะมังกรแรกกำเนิดจะเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต หากข้าต้องการขายสัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้ให้กับนิกายหลางหยา ข้าจะได้แต้มผลงานเท่าใด?”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึงก่อนตะโกน “เป็นความคิดที่ดี!”

นิกายหลางหยากำลังสำรวจไท่ชิว พวกเขาใช้ซากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิดเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณขนส่ง

แต่ไท่ชิวใหญ่โตเกินไป ค่ายกลวิญญาณขนส่งเพียงหนึ่งเดียวยังไม่เพียงพอ ตัวอย่างเช่นครั้งนี้ เนื่องจากระยะทางที่ห่างไกลเกินไป มันไม่ง่ายที่ความช่วยเหลือจะไปถึงได้ทันเวลา

“มังกรหมื่นเศียรเป็นค่ายกลวิญญาณตามธรรมชาติ พวกเราไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใด ตราบเท่าที่พวกเราสามารถกำหราบมัน พวกเราจะสามารถสร้างรากฐานที่สอง สำหรับแต้มผลงาน…” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพิจารณาก่อนจะมอบคำตอบที่น่าพอใจให้กับฟางหยวน

ภารกิจหลอมรวมวิญญาณอมตะของฟางหยวนทำให้เขาเสียแต้มผลงานไปมากมาย เขาจำเป็นต้องเติมเต็มเพื่อใช้มันหลอมรวมวิญญาณอีกครั้ง

ตอนนี้ภารกิจหลักของฟางหยวนที่มอบให้นิกายหลางหยาคือการหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์

ฟางหยวนนำกลุ่มผู้อมตะกลับด้วยชัยชนะ

ผู้อมตะนิกายเงาได้รับบาดเจ็บทั้งหมด อาการบาดเจ็บของไห่ลั่วหลันรุนแรงที่สุด แม้นางจะมีวิธีการบนเส้นทางแห่งไฟที่ดี แต่มันไม่เหมาะสมกับสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงของนาง

โชคไม่ดีที่ฟางหยวนใช้วิธีการบนเส้นทางความแข็งแกร่งเช่นกัน มันจึงเกิดความขัดแย้งระหว่างคนทั้งสอง

ฟางหยวนต้องพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของตนเองเป็นอันดับแรกก่อนจะส่งผ่านวิญญาณอมตะให้ผู้อมตะของนิกายเงา หลังจากทั้งหมดวังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป

‘อย่างไรก็ตามข้าสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไฟของนางเพื่อให้เหมาะสมกับนางมากขึ้น ข้ายังสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเพื่อให้นางใช้งาน’ ฟางหยวนคิด

ไห่ลั่วหลันภักดีต่อนิกายเงาเพราะข้อตกลงพันธมิตร แต่ในความคิดของฟางหยวน เทพธิดาเมี่ยวหยินและเทพธิดากระต่ายขาวเชื่อถือได้มากกว่า

แต่ฟางหยวนก็มีวิธีควบคุมไห่ลั่วหลัน นั่นคือไห่เจิ้ง

ไพ่ใบนี้อยู่ในมือของฟางหยวนขณะที่ไห่ลั่วหลันถูกทิ้งไว้ในความมืด

‘ข้าสามารถดูแลไห่ลั่วหลันได้เล็กน้อย การดัดแปลงท่าไม้ตายเหล่านี้เป็นเรื่องง่าย มันใช้เวลาและความพยายามไม่มาก ข้าสามารถทำมันได้อย่างรวดเร็ว’

หลังจากไม่กี่วันอาการบาดเจ็บของผู้อมตะของนิกายเงาก็ฟื้นฟูขึ้น

ฟางหยวนมอบวิญญาณอมตะเนตรดาราให้ไห่ลั่วหลันและปล่อยให้นางใช้งานมัน

เขาไม่มีเวลาและพลังงานสำหรับการปรับแต่งดวงดาวบนท้องฟ้า มันจะดีกว่าที่จะให้ไห่ลั่วหลันทำให้วิญญาณอมตะดวงนี้แสดงคุณค่าของมันออกมา

เมื่อไห่ลั่วหลันประสบความสำเร็จ ฟางหยวนจะให้รางวัลนางเป็นท่าไม้ตายอมตะที่ดัดแปลงแล้ว

ฟางหยวนเคยสร้างองค์กรขึ้นในชีวิตแรกของเขา เขาเลี้ยงดูผู้คนมากมาย เขาไม่สามารถให้รางวัลโดยไร้เหตุผล มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นปัญหาในอนาคต การเลื่อนตำแหน่งหรือลดระดับใดๆล้วนต้องพึ่งพาเหตุผลที่เหมาะสมทั้งสิ้น

หากไร้เหตุผลก็ต้องสร้างมันขึ้นมา

ฟางหยวนมีประสบการณ์มากมายในเรื่องนี้

หลังจากจัดการเรื่องมังกรหมื่นเศียร ฟางหยวนตระหนักว่าผู้อมตะของนิกายหลางหยาก็ต้องการพลังการต่อสู้เช่นกัน เมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจะช่วยฟางหยวนได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดยังเป็นความก้าวหน้าของตัวเขาเอง

คนที่เชื่อถือได้มากที่สุดมีเพียงตัวเอง บุคคลที่ยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่น นิกายหลางหยาเป็นเพียงตัวช่วยส่วนหนึ่งของฟางหยวนเท่านั้น

หลังจากกลับมาที่เมืองเมฆา ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่งดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งจากทรัพยากรอมตะระดับหก

ด้วยการใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า เขาตระหนักว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไม่มาก

ฟางหยวนไม่ผิดหวัง นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาคาดไว้

วิธีหลักในการเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของผู้อมตะคือการก้าวข้ามภัยพิบัติ สำหรับฟางหยวน เขายังมีวิธีการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ สำหรับท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่ง มันสามารถสะสมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น

‘หากข้าสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะอาหารว่างระดับเจ็ด ท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น’

ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนก่อนจะถูกปัดเป่าออกไปอย่างรวดเร็ว

มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำเรื่องนี้

การหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์มีความสำคัญที่สุด ตามมาด้วยการพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิเพื่อตอบสนองความอยากอาหารของวิญญาณอมตะ

ตอนนี้หินวิญญาณอมตะสิบล้านก้อนของเขาเกือบหมดลงแล้ว

แต่ความพยายามของเขายังมอบรางวัลให้เขามากมาย

‘รากฐานจิตวิญญาณของข้าอยู่ที่ระดับสิบล้านคนแล้ว ข้าจะทำเรื่องนี้ต่อไป’

‘ในแง่ของท่าไม้ตายอมตะ ข้าคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วงแล้ว ต่อไปข้าจะดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง’

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับมันเป็นอันดับหนึ่ง

ในแง่ของเส้นทางแห่งดาบ แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบหลายดวง แต่เขายังขาดความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้ อย่างไรก็ตามมันยังมีความสำคัญกับเขา

สำหรับเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ไม่เพียงเขาจะขาดความสำเร็จ เขายังขาดวิญญาณอมตะ เขามีเพียงวิญญาณอมตะเปลี่ยวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก นี่ทำให้ความสำคัญของมันต่ำกว่าอีกสองเส้นทาง

ฟางหยวนกำลังเตรียมความพร้อมให้กับตนเอง เขาต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด

‘ในขณะที่ข้าดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง ข้าสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะของไห่ลั่วหลันไปพร้อมกัน ปัญหาเดียวคือหลังจากเรื่องนี้ สถานะทางการเงินของข้าจะอยู่ในจุดที่อันตราย’

ฟางหยวนกังวลเล็กน้อย แต่หลังจากสามวัน เผ่ามนุษย์หิมะก็ส่งของขวัญชุดที่สามมาให้เขา

ของขวัญชุดที่สามมีมูลค่าสูงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากได้รับสิ่งนี้ ฟางหยวนก็ไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนอีกต่อไป

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท