เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1466

ตอนที่ 1466

“โฮก…”

เสียงคำรามดังขึ้นรอบๆกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน

ในเวลาเดียวกัน ศีรษะมังกรขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา

กลิ่นอายที่ทรงพลังและกระแสลมที่กรรโชกแรงทำให้ทุกคนสูญเสียความมั่นใจ

“จบแล้ว!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสามคนรู้สึกสิ้นหวัง หนึ่งในนั้นนอนอยู่บนพื้น

เมื่อพวกเขารู้สึกว่ากำลังจะตาย เสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้น “ไร้ประโยชน์”

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทั้งสามดีใจมากแม้พวกเขาจะถูกดูแคลน พวกเขาตะโกน “เราอยู่ที่นี่ เทพธิดาหนิงปิง ช่วยเราด้วย!”

ในช่วงเวลาคับขัน ร่างสีขาวบินเข้ามาหาพวกเขา มันคือเทพธิดามังกรไป่หนิงปิง

นางก่นเสียงเย็นและยกมือขึ้น

“ครืน…”

กำแพงน้ำแข็งปรากฏขึ้นด้านหน้าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทั้งสาม

“บึม!”

แต่มันก็พังทลายลงอย่างรวดเร็วด้วยการพุ่งชนของศีรษะมังกร

กำแพงน้ำแข็งแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

อย่างไรก็ตามไป่หนิงปิงและผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทั้งสามล่าถอยออกไปแล้ว

ไป่หนิงปิงมองศีรษะมังกรและสร้างชั้นน้ำแข็งขึ้นบนชั้นผิวหนังของมัน นี่ทำให้ความเร็วของมันลดลงอย่างมาก

ไป่หนิงปิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

นางอนุมานแล้วว่าศีรษะมังกรมีความแข็งแกร่งระดับเจ็ดเท่านั้น ด้วยพลังการต่อสู้ของนาง นางสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย

แต่…

‘สัตว์อสูรแรกกำเนิดมังกรหมื่นเศียรมีศีรษะมากมาย ข้าพึ่งจัดการไปเพียงหนึ่ง มันยังไม่ถือเป็นสิ่งใด หากศีรษะมังกรอื่นๆเข้าสู่การต่อสู้ ข้าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สองหมัดไม่สามารถแข่งขันกับสี่ฝ่ามือ’

ไป่หนิงปิงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและขมวดคิ้ว

ที่นี่ไม่ใช่ไท่ชิวทั่วไป มันเป็นค่ายกลวิญญาณ

มังกรหมื่นเศียรเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดบนเส้นทางแห่งค่ายกล มันสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณได้เช่นเดียวกับความสามารถทะลวงมิติของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด มันเป็นพรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิดของสัตว์อสูรแรกกำเนิด

‘ข้าต้องออกจากที่นี่และกลับสู่โลกภายนอก’

‘ข้าหวังว่าอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆจะสามารถอดทน!’

ในเวลาเดียวกัน ด้านนอกค่ายกลวิญญาณ

กลุ่มของไห่ลั่วหลันบินอยู่บนท้องฟ้าและกำลังเผชิญหน้ากับศีรษะมังกรนับร้อยที่อยู่บนพื้น

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดและสร้างเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่

ภายในทุ่งหญ้าที่สูงเท่ากับต้นไม้ มังกรหลายร้อยตัวมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน บางตัวมีเกล็ดสีทอง บางตัวมีเขาอยู่กลางหน้าผาก บางตัวมีดวงตาสามดวง

แต่ทั้งหมดมีเพียงศีรษะมังกร พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของมังกรหมื่นเศียร ร่างกายของพวกมันอยู่ลึกลงไปใต้ดิน ศีรษะมังกรนับหมื่นมีต้นกำเนิดเดียวกัน

ไห่ลั่วหลันบินเป็นวงกลมและใช้ท่าไม้ตายของนางออกมาอย่างต่อเนื่อง

เสียงคำรามของมังกรดังขึ้น พวกมันไม่หลบเลี่ยงแต่ตอบโต้โดยตรง ส่วนใหญ่ส่งลมหายใจมังกรออกมา บางส่วนพ่นพิษ ขณะที่บางส่วนยิงลำแสงออกจากดวงตา

“โดยไม่สนใจศีรษะมังกรที่ไปจัดการไป่หนิงปิง มีศีรษะมังกรระดับเจ็ดจำนวนสามเศียร ที่เหลือเป็นระดับหก”

“เรายังไม่พบวิญญาณอมตะป่าใดๆ แต่ก็ต้องระวังให้ดี”

“อย่าเข้าไปใกล้ มิฉะนั้นพวกเจ้าจะถูกลากเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ!”

ไห่ลั่วหลัน อิงอู๋เซี่ย และคนอื่นๆพูดคุยขณะต่อสู้

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขอความช่วยเหลือจากฟางหยวน เขาต้องยอมรับคำขอนี้ ประการแรก ภารกิจกู้ภัยมีรางวัลตอบแทนมากมาย มันน่าดึงดูดใจ ประการที่สอง ฟางหยวนเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลางหยา เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ มิฉะนั้นมันจะเป็นการละเมิดข้อตกลงพันธมิตร

ดังนั้นฟางหยวนจึงสั่งให้กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยช่วยถ่วงเวลาเอาไว้ขณะที่เขากำลังเดินทางไปที่นั่น

แต่กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยยังรู้สึกกดดันมาก

“โอ้ ไม่ มันมีมากขึ้นเรื่อยๆ!”

“หากยังเป็นเช่นนี้ มังกรหมื่นเศียรจะตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ นอกจากเราจะล้มเหลวในภารกิจช่วยชีวิตแต่เรายังจะเสียชีวิตที่นี่!”

“เมื่อใดท่านผู้นำจะมาถึง?”

“เราอยู่ในส่วนลึกของไท่ชิว ค่ายกลวิญญาณขนส่งอยู่ห่างไกล เขาต้องการเวลา ระวัง!”

ขณะสนทนา ศีรษะมังกรระดับเจ็ดก็ปรากฏขึ้นจากใต้ดินและส่งลมหายใจมังกรออกมา

ไห่ลั่วหลันหลบเลี่ยงได้อย่างฉิวเฉียดขณะที่อิงอู๋เซี่ยไตร่ตรองและกล่าวกับเทพธิดากระต่ายขาวรวมถึงเซี่ยเอ๋อ “ถอยไปด้านหลังและช่วยเราจากระยะไกล”

เซี่ยเอ๋อเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก นางหวาดกลัวมากและไม่มีความคิดที่จะต่อสู้แม้แต่น้อย

แม้นางจะเป็นอัจฉริยะของเผ่ามนุษย์หิมะ แต่นางไม่สามารถเปรียบเทียบกับไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆ นางไม่พยายามเข้าร่วมและเร่งล่าถอยออกไปพร้อมกับเทพธิดากระต่ายขาวทันที

หลังจากนั้นศีรษะมังกรก็เข้าสู่การต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆ

ร่างมังกรหมื่นเศียรเริ่มเคลื่อนไหว ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆถูกปราบปรามอย่างมาก

โชคดีที่มังกรหมื่นเศียรเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อมันถือกำเนิดขึ้น มันจะไม่สามารถเคลื่อนที่ แม้มันจะมีศีรษะมังกรจำนวนมาก พวกมันก็ทำได้เพียงปกป้องและขับไล่ศัตรูออกจากอาณาเขตของมันเท่านั้น

แต่ถึงกระนั้นลมหายใจมังกรของมันก็ทรงพลังมาก ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆแทบไม่สามารถต่อต้าน

“สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ”

“ไป่หนิงปิงยังไม่ออกมา ข้าเกรงว่านางจะไม่สามารถหลบหนีจากกับดักของศัตรู!”

ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆพูดถูก ไป่หนิงปิงกำลังต่อสู้อย่างสิ้นหวังอยู่ภายในค่ายกลวิญญาณเพื่อปกป้องผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทั้งสาม

แต่ในเวลานี้กลิ่นอายที่ลึกลับกลับแพร่กระจายไปทั่ว

ศีรษะมังกรที่ใหญ่โตกว่าศีรษะอื่นๆโผล่ขึ้นมาอย่างช้าๆ

มังกรหมื่นเศียรตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว!

มันสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับกลุ่มผู้อมตะ

“บัดซบ!”

“เราควรทำอย่างไร?”

ขณะที่กลุ่มผู้อมตะลังเล อิงอู๋เซี่ยออกคำสั่ง “เราจะถอย”

พวกเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ด แล้วพวกเขาจะต่อต้านพลังการต่อสู้ระดับแปดได้อย่างไร? พวกเขาสามารถเพียงหลบหนีและละทิ้งไป่หนิงปิงรวมถึงผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทั้งสาม

แต่ในจังหวะนี้ศีรษะมังกรแรกกำเนิดกลับอ้าปากและดูดพวกเขาเข้าไป

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆถูกลากเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณ

“ศีรษะมังกรแรกกำเนิด!” หัวใจของไป่หนิงปิงสั่นไหว นางมองไปที่กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยและถาม “ฟางหยวนอยู่ที่ใด?”

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเผยรอยยิ้มขมขื่น

โชคดีที่ศีรษะมังกรแรกกำเนิดดูดพวกเขาเข้ามาในค่ายกลวิญญาณเท่านั้นและไม่ได้โจมตี

มันมีพลังการต่อสู้ระดับแปด จากมุมมองของมัน ผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดไม่มีนัยสำคัญ มันไม่จำเป็นต้องต่อสู้

มันปล่อยให้ศีรษะอื่นๆจัดการคนเหล่านี้

ดังนั้นกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยจึงถูกบังคับให้เข้าสู่การต่อสู้ที่ยากลำบาก

ตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้า ภายในค่ายกลวิญญาณ ศีรษะมังกรสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างง่ายดาย พวกมันสามารถปรากฏตัวและหายไปได้ทันที

กลุ่มผู้อมตะไม่สามารถออกจากค่ายกลวิญญาณและทำได้เพียงรวมตัวกันต่อสู้อย่างสิ้นหวัง

ในการต่อสู้ ผู้อมตะทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ สามผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน เซี่ยเอ๋อ และเทพธิดากระต่ายขาวแทบไม่สามารถรักษาชีวิต

กลุ่มผู้อมตะของนิกายเงาเริ่มไม่สนใจผู้อ่อนแออีกต่อไป

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนหนึ่งเป็นคนแรกที่ตาย

เซี่ยเอ๋ออ้าปากค้างขณะที่นางไม่สามารถหลบหนี นางถูกปิดล้อมโดยศีรษะมังกรจำนวนมาก

“ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะมาตายที่นี่!” เซี่ยเอ๋อไม่สามารถต่อต้านศัตรู นางทำได้เพียงปิดเปลือกตาลงและรอรับความตายเท่านั้น อย่างไรก็ตามร่างหนึ่งบินเข้ามาและลากนางออกไป

“พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใด? เหตุใดต้องให้ข้าออกมากอบกู้สถานการณ์!” ท่ามกลางแรงกดดัน เทพธิดากระต่ายขาวกลายเป็นนางเสือดำอีกครั้ง นางเป็นคนช่วยชีวิตเซี่ยเอ๋อ

เซี่ยเอ๋อมึนงง “เจ้าคือกระต่ายขาวงั้นหรือ?”

“ข้าไม่ได้อ่อนแอเช่นนั้น” นางเสือดำเผยรอยยิ้มเย็นชาและมองเซี่ยเอ๋อด้วยสายตาดูแคลน

เซี่ยเอ๋อรู้สึกพูดไม่ออก

ในที่สุดนางก็เข้าใจ สมาชิกนิกายเงาล้วนเป็นสัตว์ประหลาด หากเปรียบเทียบ นางอ่อนแอที่สุด

ด้วยความช่วยเหลือจากนางเสือดำ สถานการณ์เริ่มเกิดเสถียรภาพ

แต่ช่วงเวลาที่ดีมักอยู่ไม่นาน ศีรษะมังกรเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

กลุ่มผู้อมตะทำได้เพียงป้องกันตัวแต่ไม่สามารถหลบหนี

ความหวังเดียวของพวกเขาอยู่ที่ฟางหยวน

แต่ฟางหยวนจะมาถึงเมื่อใด?

หลังจากต่อสู้มาเป็นเวลานาน พวกเขาคิดว่าฟางหยวนควรจะมาถึงแล้ว แต่ในไม่ช้ากลุ่มผู้อมตะของนิกายเงาก็ตระหนักว่าค่ายกลวิญญาณนี้เกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งกาลเวลา เวลาของที่นี่แตกต่างจากโลกภายนอก

แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าศีรษะมังกรเริ่มลดลง

พวกเขาเริ่มสามารถรักษาเสถียรภาพได้อีกครั้ง

“ฟางหยวนต้องมาถึงแล้ว!” หลังจากตระหนักถึงสิ่งนี้ ขวัญกำลังใจของพวกเขาก็พุ่งสูงขึ้น

แต่เซี่ยเอ๋อยังกังวล ‘ข้าสงสัยว่าการต่อสู้ด้านนอกจะเป็นอย่างไร? แม้ฟางหยวนจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่เขาจะสามารถต่อต้านศีรษะมังกรจำนวนมากได้หรือไม่?’

ขณะที่นางกำลังคิดเรื่องนี้ ค่ายกลวิญญาณก็แตกออก ทุกคนกลับสู่โลกภายนอก

“อา…” เมื่อเห็นทิวทัศน์ของโลกภายนอก ช่วยไม่ได้ที่เซี่ยเอ๋อจะอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

สนามรบเต็มไปด้วยเลือดและกองซากศพ

รวมถึงฟางหยวนจำนวนนับไม่ถ้วน

“ร่างแยกความคิด” อิงอู๋เซี่ยพึมพำเมื่อตระหนักถึงท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวน

ฟางหยวนซ่อนตัวอยู่ในร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน ศีรษะมังกรแรกกำเนิดไม่รู้ว่าร่างจริงของฟางหยวนอยู่ที่ใด

ความคิดอุกกาบาตเพลิง!

อุกกาบาตเพลิงจำนวนมากพุ่งเข้าปะทะศีรษะมังกรทำให้พวกมันล้มลงบนพื้น

พวกมันคิดที่จะลุกขึ้นแต่ความคิดของพวกมันก็หยุดลงด้วยเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ขึ้นในใจ

ความคิดดอกไม้เบ่งบาน!

ดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานขึ้นบนศีรษะมังกร

ดอกไม้เหล่านี้เป็นเชื้อเพลิงให้กับเปลวไฟที่ลุกไหม้ขึ้นในใจของพวกมัน

การโจมตีเหล่านี้สามารถกำหราบศีรษะมังกรระดับหกและระดับเจ็ดได้ทันที พวกมันนอนอยู่บนพื้นราวกับไส้เดือนตัวใหญ่

มีเพียงศีรษะมังกรแรกกำเนิดเท่านั้นที่ยังอยู่ แต่เนื่องจากมันไม่สามารถค้นหาร่างจริงของฟางหยวน ดังนั้นแม้มันจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด มันก็ยังไร้ประโยชน์

‘นี่คือพลังอำนาจที่แท้จริงของท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

เมื่อศีรษะมังกรแรกกำเนิดเห็นกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย มันเร่งเปลี่ยนเป้าหมาย

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่เหลือสองคนกรีดร้อง

ร่างหลักของฟางหยวนโผล่ออกมาและปกป้องพวกเขา

“ระวัง!” เซี่ยเอ๋อตะโกนเมื่อนางเห็นศีรษะมังกรแรกกำเนิดพุ่งชนฟางหยวน

ฟางหยวนบินออกไปแต่เขายังสามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

ในทางตรงข้ามศีรษะมังกรแรกกำเนิดกลับปกคลุมไปด้วยเลือด มันอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช

เกราะหวนคืน!

สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องตลก

ด้วยการฉวยโอกาสนี้ กลุ่มผู้อมตะของนิกายเงาสามารถหลบหนีออกไปในระยะที่ปลอดภัย

“แข็งแกร่งมาก!” เซี่ยเอ๋อมึนงงเมื่อเห็นการต่อสู้ของฟางหยวน

ฟางหยวนเป็นฝ่ายได้เปรียบและสามารถกำจัดศีรษะมังกรแรกกำเนิดได้ในที่สุด

“สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้อ่อนแอไปเล็กน้อย” เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ฟางหยวนกวาดตามองศีรษะมังกรแรกกำเนิดที่ถูกตัดออกจากร่างรวมถึงศีรษะมังกรอีกนับไม่ถ้วนที่นอนอยู่บนพื้นและถอนหายใจ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท