เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1469

ตอนที่ 1469

ห้องหลอมรวมเต็มไปด้วยแสงสีขาว

บรรยากาศที่หนักหน่วงแสดงให้เห็นว่าการหลอมรวมวิญญาณอมตะมาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุดแล้ว

ฟางหยวนใช้สมาธิทั้งหมดขณะที่ผมที่หกรู้สึกประหม่า

“ถึงเวลาแล้ว!” ผมที่หกกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน

ในขั้นต้น วิธีการที่ดีที่สุดในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์คือการใช้วิธีบนเส้นทางแห่งแสง วิธีบนเส้นทางสายอื่นต้องใช้ความพยายามมากขึ้นขณะที่ผลลัพธ์ด้อยกว่า

สำหรับขั้นตอนสุดท้าย พวกเขาไม่สามารถใช้ค่ายกลวิญญาณแต่ผู้อมตะต้องทำมันด้วยตัวเอง

นี่เป็นส่วนสำคัญที่สุดของการหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์ วิญญาณอมตะอื่นๆไม่มีข้อกำหนดดังกล่าว

ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นบททดสอบครั้งใหญ่ในการหลอมรวมวิญญาณของผู้อมตะ

เพราะผู้อมตะต้องเข้าแทนที่ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมทันทีและทำขั้นตอนสุดท้ายให้เสร็จสิ้น

แต่ผู้อมตะก็ไม่สามารถควบคุมมันอย่างเข้มงวดเกินไป มิฉะนั้นมันจะไม่สำเร็จ

กล่าวได้ว่ามันเป็นขั้นตอนการรักษาสมดุลที่แปลกประหลาด

ฟางหยวนใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาและสามารถแบกรับภาระต่อจากค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ด้วยความตั้งใจของฟางหยวน แสงสีขาวควบรวมเป็นก้อนแสงทรงกลมโดยมีฟางหยวนอยู่ตรงกลาง

หลังจากไม่กี่ลมหายใจ มันก็กลายเป็นวงแหวนแสงสีทองลอยอยู่รอบตัวฟางหยวนอย่างเงียบๆ

ผมที่หกกลั้นหายใจและคิดด้วยความตื่นเต้น ‘ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม วงแหวนแสงสวรรค์ ในที่สุดมันก็ก่อตัวขึ้น แต่เราต้องหมุนมันเจ็ดครั้งเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์ระดับเจ็ด’

การหมุนรอบแรก

ฟางหยวนบังคับวงแหวนแสงสีทองให้หมุนวนอย่างช้าๆ

การหมุนครั้งนี้ใช้เวลาสิบห้านาที

‘รอบแรกสำเร็จแล้ว’ ผมที่หกสูดหายใจลึก

การหมุนรอบที่สอง

ดวงตาที่ปิดอยู่ของฟางหยวนค่อยๆเปิดขึ้น

ภายในดวงตาของเขามีแสงสะท้อนออกมา

วงแหวนแสงสีทองเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

การหมุนครั้งนี้เร็วกว่าก่อนหน้า

มันใช้เวลาเพียงเจ็ดนาที

‘รอบที่สองสำเร็จเช่นกัน’ ผมที่หกกำหมัดแน่น

การหมุนรอบที่สาม

ฟางหยวนหายใจอย่างเกรี้ยวกราด

นี่เป็นอีกท่าไม้ตายหนึ่งในการหลอมรวมวิญญาณ

ลมหายใจของเขาทำให้วงแหวนแสงสีทองเริ่มหมุน

การหมุนครั้งนี้เร็วกว่าเดิม

‘รอบที่สามสำเร็จแล้ว’ หัวใจของผมที่หกเต้นเร็วขึ้น

การหมุนรอบที่สี่

ฟางหยวนพึมพำเบาๆ

ภายใต้อิทธิพลจากเสียงของเขา วงแหวนแสงหมุนอย่างรุนแรง

ในไม่ช้าการหมุนรอบที่สี่ก็เสร็จสิ้น

‘เราผ่านมาครึ่งทางแล้ว แต่หลังจากนี้มันจะยิ่งยากขึ้นเพราะวงแหวนแสงจะหมุนเร็วขึ้น มันไม่ง่ายที่จะควบคุม’ เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของผมที่หก

ฟางหยวนไม่ประมาท เขาพักชั่วครู่ก่อนจะใช้ท่าไม้ตายต่อไปเพื่อหมุนวงแหวนแสง

การหมุนรอบที่ห้า

เขาค่อยๆยกแขนขึ้นราวกับกำลังแบกภูเขาทั้งลูก

วงแหวนแสงสีทองเริ่มหมุนแต่ครั้งนี้มันเริ่มลอยขึ้นด้านบน

เมื่อลอยขึ้นถึงไหล่ของฟางหยวน มันหยุดอย่างกะทันหัน

“โอ้ ไม่!” การแสดงออกของผมที่หกเปลี่ยนไปเมื่อวงแหวนแสงระเบิดตัวเอง

“บึม!”

การระเบิดครั้งใหญ่ถูกระงับโดยห้องหลอมรวมวิญญาณ

แต่ฟางหยวนที่อยู่ตรงกลางได้รับแรงระเบิดอย่างเต็มที่

“พรวด!”

เขากระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก

บาดเจ็บสาหัส!

วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า!

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ทันที อย่างไรก็ตามเขายังไม่หายดี อาการบาดเจ็บของเขาในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

การหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์ล้มเหลว

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก

หลายครั้งมาแล้วที่ผมที่หกล้มเหลวระหว่างการหลอมรวมวิญญาณ คราวนี้มันมาถึงขั้นตอนสุดท้าย แต่ฟางหยวนยังล้มเหลวแม้เขาจะลงมือด้วยตนเอง

การแสดงออกของฟางหยวนและผมที่หกกลายเป็นน่าเกลียด

ฟางหยวนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพื่อสิ่งนี้ ก่อนการหลอมรวมวิญญาณ เขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชคมากมายแต่สุดท้ายเขายังไม่ประสบความสำเร็จ

การหลอมรวมวิญญาณเป็นเช่นนี้ มันไม่ง่ายที่จะประสบความสำเร็จ แม้จะลงทุนมากเพียงใด ความพยายามของพวกเขาก็อาจสูญเปล่า

สิ่งสำคัญที่สุดคือภัยพิบัติของฟางหยวนกำลังคืบคลายเข้ามา

“น่าเสียดาย” ผมที่หกถอนหายใจ

“อย่ากังวล แม้จะไม่มีวิญญาณอมตะความลับสวรรค์ ข้าก็ยังมั่นใจว่าสามารถก้าวข้าม” ฟางหยวนโบกมือขณะที่จิตใจของเขากลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง

หลายวันต่อมา ฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งเดินทางไปยังสถานที่รกร้างแห่งหนึ่งเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติของเขา

เขาวางมิติช่องว่างลง

ปราณสวรรค์พิภพไหลเข้าไปราวกับน้ำตก

ฉากที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆรู้สึกงุนงง

ครั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าภัยพิบัติจะไม่สร้างปัญหาใดๆ ฟางหยวนจึงนำสมาชิกนิกายเงามาด้วย ไป่หนิงปิงอยู่ที่นี่เช่นกันขณะที่เซี่ยเอ๋อถูกทิ้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

เซี่ยเอ๋อไม่ได้รับความไว้วางใจจากฟางหยวน สำหรับคนอื่นๆ พวกนางเคยเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิมาแล้ว

หากผู้อมตะคนอื่นถูกดึงดูดมาที่นี่และพยายามโจมตีเขา สมาชิกนิกายเงาจะออกมาป้องกันศัตรูเหล่านั้น

นั่นคือภัยพิบัติมนุษย์

เมื่อฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ เขาจะถูกเฝ้ามองจากเจตจำนงสวรรค์

แน่นอนว่าเจตจำนงสวรรค์จะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดฟางหยวน

“หากไม่ได้เห็นมันกับตาของตนเอง ผู้ใดจะเชื่อว่ามิติช่องว่างของคนผู้หนึ่งจะดูดกลืนปราณสวรรค์พิภพมากมายถึงระดับนี้ในครั้งเดียว!”

“มิติช่องว่างจักรพรรดิ…มันทรงพลังเกินไป ข้าเชื่อว่ากระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ไม่สามารถสร้างฉากที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้!”

กลุ่มผู้อมตะนิกายเงาพูดคุยและยกย่อง

ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็น สายตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย

นางลอบตกใจอยู่ภายในแต่นางกลับกล่าวอีกอย่าง “พวกเจ้าประเมินผู้อมตะระดับเก้าต่ำเกินไป แม้ข้าจะไม่เคยเห็นมิติช่องว่างระดับเก้าดูดซับปราณสวรรค์พิภพ แต่หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงไป่เซียง ข้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดูดซับปราณสวรรค์พิภพของเขา มันสามารถสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ได้เช่นกัน”

อิงอู๋เซี่ยมองไป่หนิงปิง “ไป่เซียงเป็นผู้อมตะระดับแปด เขามีถ้ำสวรรค์ระดับแปด แต่ตอนนี้ฟางหยวนยังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาครอบครองแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดเท่านั้น ทั้งสองไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ ยิ่งไปกว่านั้นมิติช่องว่างจักรพรรดิก็ใหญ่โตเกินไป มีหลายจุดที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ศักยภาพของมันไม่สามารถจินตนาการถึง ในทางตรงข้าม ถ้ำสวรรค์ไป่เซียงถูกเติมเต็มแล้วในเวลานั้น ทรัพยากรเหล่านั้นต้องใช้ปราณสวรรค์พิภพจำนวนมาก”

ไป่หนิงปิงเงียบ

“อู๋เซี่ยกล่าวได้ถูกต้องแล้ว” เทพธิดาเมี่ยวหยินหัวเราะ

ผู้อมตะคนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย

หลังจากมิติช่องว่างจักรพรรดิดูดซับปราณสวรรค์พิภพเรียบร้อยแล้ว ภัยพิบัติก็เริ่มก่อตัวขึ้นในสวรรค์สีแดงน้อย

ร่างหลักของฟางหยวนอยู่ที่นี่ ดังนั้นภัยพิบัติจึงมุ่งเป้ามาที่เขา

เหตุผลที่เขาเลือกสวรรค์สีแดงน้อยเพราะที่นี่ว่างเปล่า มันไร้ทรัพยากรใดๆ

หากเขาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ภาคเหนือน้อยหรือภาคใต้น้อย ภัยพิบัติจะทำลายทรัพยากรของเขา

“มิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินไปจริงๆ หากพวกเราพบภัยพิบัติ พวกเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสีย แต่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ภัยพิบัติไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของมัน” ไห่ลั่วหลันถอนหายใจกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม

“นิกายเงาของข้ารวบรวมทรัพยากรมาเป็นเวลานับแสนปีเพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ แน่นอนว่ามันย่อมไม่ธรรมดา” อิงอู๋เซี่ยกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

“น่าเสียดายที่มันถูกฟางหยวนฉกชิงไปแล้ว” ไป่หนิงปิงเย้ยหยัน นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยมองนางด้วยความโกรธ

“อันใด? ข้ากล่าวสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ?” ไป่หนิงปิงมองอิงอู๋เซี่ยอย่างไม่หวาดกลัว

อิงอู๋เซี่ยสูดหายใจลึก เขาหันหน้ากลับไป “มันถูกใช้โดยท่านฟางหยวน ตอนนี้เขาเป็นผู้นำของนิกายเงา เราอยู่บนเรือลำเดียวกัน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ไป่หนิงปิงหัวเราะเย้ยหยัน

อิงอู๋เซี่ยเพิกเฉยและมองไปยังภัยพิบัติที่กำลังก่อตัวขึ้น

หมอกพิษหนาทึบห้าสีเริ่มปรากฏขึ้น

“นี่คือภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งพิษ” เทพธิดากระต่ายขาวกล่าว

“พิษทั้งห้า!” อิงอู๋เซี่ยมีความรู้มากกว่า

หมอกพิษห้าสีก่อตัวเป็นสัตว์อสูรขนาดใหญ่ห้าตัวได้แก่ อสรพิษ แมงป่อง แมงมุม คางคก และตะขาบ

สัตว์อสูรทั้งห้าปิดล้อมฟางหยวนเอาไว้แต่พวกมันยังไม่โจมตี เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของพวกมันก็ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ

“เหตุใดฟางหยวนยังไม่โจมตี?” ไป่หนิงปิงขมวดคิ้ว

ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะโจมตี หากปล่อยเวลาผ่านไป สัตว์อสูรเหล่านี้จะแข็งแกร่งขึ้น

แต่กลยุทธ์ของฟางหยวนแตกต่างจากความคิดของคนทั่วไป

เขารอกระทั่งสัตว์อสูรเหล่านี้เติบโตเต็มที่

ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆต้องกลั้นหายใจ ภัยพิบัตินี้รุ่นแรงจนพวกเขารู้สึกตกตะลึง

นี่ไม่ใช่ภัยพิบัติของผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไป แต่มันถูกเสริมความแข็งแกร่งด้วยความต้องการของเจตจำนงสวรรค์

“เพียงเท่านี้?” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาหายตัวไปจากจุดนั้น

“บึม บึม บึม…”

วินาทีต่อมาเสียงระเบิดก็ดังขึ้น

ดวงตาของไป่หนิงปิงและคนอื่นๆเบิกกว้างขึ้นขณะที่ฟางหยวนอาละวาดอยู่ในสนามรบ สัตว์อสูรทั้งห้าถูกกำหราบโดยฟางหยวนในครั้งเดียว

ไม่นานหมอกพิษก็จางหายไป เหลือเพียงฟางหยวนที่ยืนอยู่ในสนามรบราวกับเทพปีศาจ

เขากวาดตามองไปรอบๆและพึมพำ “ภัยพิบัติระดับเจ็ด…อ่อนแอเกินไป”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท