เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1471

ตอนที่ 1471

แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ในห้องลับของเมืองเมฆา

ดวงวิญญาณของฟางหยวนออกจากร่าง

หลังจากทำงานหนัก ตอนนี้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาอยู่ในระดับเจ็ดสิบล้านคน

‘อีกสามสิบล้านจะถึงระดับหนึ่งร้อยล้าน’ ฟางหยวนคิด

ดวงวิญญาณของเขาดูแข็งแกร่งและบริสุทธิ์มาก

อาภรณ์วิญญาณของเขาพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มันดูเหมือนชุดเกราะที่ใช้ในการต่อสู้ นี่คือรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอาภรณ์วิญญาณระดับเจ็ด!

ก่อนหน้านี้มันได้รับผลกระทบจากผนึกภูตผีทำให้มันอ่อนแอลงและกลายเป็นอาภรณ์วิญญาณระดับหก

แต่หลังจากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนยกระดับขึ้น อาภรณ์วิญญาณจึงกลับสู่ระดับเจ็ด

‘แต่มันยังห่างไกลจากอาภรณ์วิญญาณที่แท้จริง’ ฟางหยวนตรวจสอบและตระหนักถึงเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามเป้าหมายในการฝึกฝนของฟางหยวนในวันนี้ไม่ใช่การบ่มเพาะและตรวจสอบรากฐานบนเส้นทางจิตวิญญาณเท่านั้น

เขาเริ่มใช้ท่าไม้ตายอมตะ

แยกวิญญาณ!

นี่เป็นท่าไม้ตายจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ หลังจากดัดแปลง ฟางหยวนสามารถใช้งานมัน

ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีดวงวิญญาณของฟางหยวน

ล้มเหลว!

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส!

แต่เขายังกัดฟันอดทนและนำดวงวิญญาณกลับเข้าสู่ร่างกาย

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทดลองใช้ท่าไม้ตายนี้

แยกวิญญาณแตกต่างจากท่าไม้ตายอมตะทั่วไป ผู้ใช้งานต้องนำดวงวิญญาณออกจากร่างและทิ้งเจตจำนงเอาไว้เบื้องหลังเพื่อกระตุ้นใช้งานวิญญาณต่างๆ มันยากกว่าท่าไม้ตายอมตะทั่วไป

ฟางหยวนใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวรักษาตัวเองอย่างเงียบๆ

หากการแยกวิญญาณประสบความสำเร็จ เขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ มันจะง่ายเหมือนการดื่มน้ำ แต่ในกรณีที่ล้มเหลว ผลที่ตามมาจะรุนแรงมาก ดวงวิญญาณของเขาอาจแตกสลายไปทันที ดังนั้นผู้ใช้งานจึงต้องมีรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง

ตอนนี้ฟางหยวนคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงเริ่มดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและฝึกฝนมัน

นอกจากท่าไม้ตายอมตะแยกวิญญาณ ยังมีท่าไม้ตายอมตะปราบปรามวิญญาณ เสียงกรีดร้องของวิญญาณ ระเบิดวิญญาณ กลืนกินวิญญาณ สลับวิญญาณ อัญเชิญอสูรวิญญาณ และอื่นๆ

สิ่งที่ตัดสินพลังการต่อสู้ของฟางหยวนคือเกราะหวนคืน สำหรับท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เส้นทางแห่งดาบ หรือเส้นทางแห่งปัญญา พวกมันมีไว้เพื่อตอบสนองสถานการณ์ที่หลากหลายเท่านั้น

การดัดแปลงและฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณใช้เวลาและพลังงานของฟางหยวนไปมาก

ด้านการพัฒนามิติช่องว่าง ฟางหยวนตัดสินใจแล้ว

เขาเลือกปลามังกร

ประการแรก เขามีรากฐานในธุรกิจปลามังกรและในช่วงเวลานี้เขาสามารถเพาะเลี้ยงปลามังกรจำนวนมาก

ประการที่สอง ฟางหยวนมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ มันไม่เหมือนกับธุรกิจวิญญาณปีที่เขาเป็นมือใหม่

ประการสุดท้าย ปลามังกรเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางอาหาร ตามข่าวลือปลามังกรถูกสร้างขึ้นโดยผู้อมตะบนเส้นทางอาหาร

ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหารอยู่ในการครอบครอง เขามีหลายวิธีในการเพาะพันธุ์ปลามังกร

ฟางหยวนขยายอาณาเขตของทะเลเกล็ดมังกรออกไปและปรับปรุงค่ายกลวิญญาณของมันอีกครั้ง

ค่ายกลวิญญาณใหม่ใช้วิญญาณอมตะอาหารว่างระดับหก วิญญาณอมตะเกล็ดมังกรระดับเจ็ด วิญญาณอมตะลมหายใจมังกรระดับเจ็ด และวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของมังกรระดับหกเป็นแกนกลาง นอกจากนั้นยังมีวิญญาณระดับมนุษย์อีกหนึ่งแสนสามหมื่นดวงเป็นส่วนสนับสนุน

ฟางหยวนใช้เวลาสามวันสามคืนอนุมานค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่โดยไม่หยุดพักและใช้เวลาอีกสิบสองวันในการจัดตั้ง

ครึ่งเดือนต่อมาฟางหยวนประสบความสำเร็จในการยกระดับแหล่งทรัพยากรปลามังกร

ด้วยวิธีนี้ ปลามังกรจะขยายพันธุ์เร็วขึ้น และด้วยเวลาของมิติช่องว่างจักรพรรดิ การขยายพันธุ์พวกมันจะยิ่งรวดเร็วมากขึ้นไปอีก

ฟางหยวนเริ่มหาลูกค้าสำหรับธุรกิจปลามังกร

นิกายหลางหยารับซื้ออย่างง่ายดาย เผ่ามนุษย์หิมะก็ตกลงซื้อปลามังกรของฟางหยวนเป็นระยะ

ตระกูลเซียวของทะเลทรายตะวันตกกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของธุรกิจปลามังกรเนื่องจากสายสัมพันธุ์เกี่ยวกับแมงมุมหน้าคน

สำหรับเผ่าชูของภาคเหนือ ชูตู๋เจรจากับฟางหยวนเพื่อสร้างข้อตกลงคู่ค้ามากกว่าสิบปี

การเริ่มต้นดำเนินไปได้ด้วยดี แต่หลังจากนี้คือส่วนสำคัญ

ฟางหยวนวางขายปลามังกรในสวรรค์สีเหลือง

เขาส่งเจตจำนงเข้าไปและเปลี่ยนอัตลักษณ์

กลยุทธ์ของฟางหยวนในครั้งนี้แตกต่างจากกลยุทธ์ในธุรกิจวิญญาณปี

ฟางหยวนมีข้อได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ในธุรกิจวิญญาณปี เขาสามารถโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างดุร้ายและทำลายอุปสวรรค์ทั้งหมด

แต่ในแง่ของธุรกิจปลามังกร ฟางหยวนมีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูพวกมันและนั่นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ดังนั้นคราวนี้เขาจึงต้องใช้วิธีแบบค่อยเป็นค่อยไป

เกิดความโกลาหลขึ้นเล็กน้อย

ฟางหยวนฝึกฝนและเฝ้ามองตลาดอยู่อย่างเงียบๆ

ทะเลตะวันออก

ผู้อมตะโหยว่ชานจับปลามังกรขึ้นมาและสังเกตมัน

นางขมวดคิ้วและแสดงออกด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึม

นางตรวจสอบปลามังกรอย่างระมัดระวังหลายครั้งก่อนที่นางจะเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างและถอนหายใจเบาๆ

“คนผู้นี้มาจากที่ใด? ปลามังกรของเขาโดดเด่นมาก นอกจากนั้นเขายังมีสินค้าจำนวนมาก”

โหยว่ชานเป็นผู้ขายอันดับหนึ่งในธุรกิจปลามังกรของสวรรค์สีเหลือง

ธุรกิจวิญญาณปีมีผู้ขายรายใหม่สามราย แต่ธุรกิจปลามังกรมีโหยว่ชานเพียงผู้เดียว นางเป็นอันดับหนึ่งมานานหลายทศวรรษ

ด้านหนึ่ง นางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวารี นางมีความได้เปรียบในการเพาะเลี้ยงปลามังกร อีกด้านหนึ่ง นางครอบครองทะเลปลามังกรที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ตามธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก

นางมีปลามังกรอยู่ในคลังสินค้าเป็นจำนวนมาก

นอกเหนือจากปัจจัยเหล่านี้ โหยว่ชานยังเป็นคนระวังตัวและมีเครือข่ายมากมาย นางสามารถมองผู้คนได้อย่างเฉียบขาดและมีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลม

โหยว่ชานมีคุณสมบัติที่จะครอบครองธุรกิจปลามังกร

เมื่อฟางหยวนเพิ่มจำนวนปลามังกรในสวรรค์สีเหลือง โหยว่ชานสัมผัสได้ทันที

นางซื้อปลามังกรมาจากฟางหยวนและตรวจสอบมัน สุดท้ายจึงตระหนักว่าฟางหยวนเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว

โหยว่ชานให้ความสนใจเป็นอย่างมากและพยายามตรวจสอบภูมิหลังของฟางหยวน

รู้เขารู้เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้

นางพยายามปลอมตัวเป็นผู้ซื้อเพื่อตรวจสอบข้อมูลของเขา แต่ฟางหยวนไม่เปิดเผยข้อบกพร่องใดๆ แม้โหยว่ชานจะแสดงเจตจำนงที่จะสื่อสารกับฟางหยวนเป็นการส่วนตัว แต่ฟางหยวนไม่ตอบรับ

หลังจากผ่านไปหลายวัน โหยว่ชานรู้สึกกดดันมากขึ้น นางพบว่าฟางหยวนนำสินค้าออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

ในตลาดสวรรค์สีเหลือง มีผู้อมตะจำนวนมากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน

แม้ฟางหยวนจะไม่สร้างความโกลาหล แต่โหยว่ชานยังรู้สึกกดดัน

“ข้าไม่สามารถให้สิ่งนี้ดำเนินต่อไป” โหยว่ชานไม่สามารถอดทน นางออกจากทะเลปลามังกรทันที

นางไม่ได้บินแต่นางว่ายน้ำ หลังจากเดินทางไปหลายร้อยลี้ นางพบคลื่นใต้น้ำ

โหยว่ชานดำลงไปใต้น้ำและใช้ปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้เพื่อเร่งความเร็วในการเดินทาง

นี่คือลักษณะพิเศษของทะเลตะวันออกที่อีกสี่ภูมิภาคไม่มี

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท