เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1470

ตอนที่ 1470

‘แม้เจตจำนงสวรรค์จะต้องการกำจัดข้าและยกระดับภัยพิบัติสวรรค์จนถึงขีดสุด แต่มันยังไม่สามารถทำสิ่งใด’

ภัยพิบัติไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับฟางหยวนอีกต่อไป

เขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอและมีไพ่ตายอยู่ในมือมากมาย

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเฝ้ามองการแสดงเดี่ยวของฟางหยวนและจบลงด้วยความตกตะลึงโดยไม่ได้ทำประโยชน์ใด

ผู้อมตะระดับเจ็ดต้องผ่านภัยพิบัติพิภพยี่สิบสี่ครั้ง ภัยพิบัติสวรรค์สามครั้ง และภัยพิบัติใหญ่สามครั้ง

ฟางหยวนรอให้สัตว์อสูรทั้งห้าเติบโตขึ้นจนถึงขีดสุดเพื่อทดสอบขีดจำกัดของภัยพิบัติสวรรค์ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าภัยพิบัติสวรรค์ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับเขาอีกต่อไป ภัยพิบัติพิภพยิ่งอ่อนแอกว่า มีเพียงภัยพิบัติใหญ่ที่ยังไม่แน่ชัด

การบ่มเพาะระดับเจ็ดของฟางหยวนได้รับมาจากการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติสวรรค์ระดับเจ็ด

ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพิษจำนวนมากจากภัยพิบัติสวรรค์ครั้งนี้

แต่กำไรนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

ประการแรก เขาไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพิษ ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งพิษของเขาก็ค่อนข้างต่ำ เขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพิษเพียงดวงเดียว นั่นคือวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงาม

เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงสวรรค์จงใจเลือกเส้นทางแห่งพิษเพื่อกีดขวางการเติบโตของฟางหยวน

‘ครั้งต่อไปที่ข้าเผชิญหน้ากับภัยพิบัติสวรรค์ เจตจำนงสวรรค์อาจลดพลังอำนาจของภัยพิบัติลงจนถึงจุดต่ำสุด’

ฟางหยวนสามารถคาดเดาได้โดยไม่ต้องคิดมาก

เมื่อเจตจำนงสวรรค์ตระหนักว่าภัยพิบัติสวรรค์ไม่สามารถกำจัดฟางหยวน มันจะไม่เพิ่มพลังอำนาจของภัยพิบัติสวรรค์อีก เพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะทำให้ฟางหยวนแข็งแกร่งขึ้น มันไม่มีประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น

‘นี่หมายความว่าข้าจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมากเมื่อข้าก้าวข้ามภัยพิบัติ การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะของข้า’ ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้

การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นข้อได้เปรียบของร่างทารกอมตะ แต่ตอนนี้เขาไม่มีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและเนื่องจากฟางหยวนกำลังบ่มเพาะอยู่อย่างสันโดษ เขาไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในช่วงเวลาดังกล่าวฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพอีกหนึ่งครั้งและได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมาก

แต่ในแง่มุนอื่น ฟางหยวนพัฒนาไปไกลมาก เขามีกำไรมหาศาล

ด้านจิตวิญญาณ รากฐานของเขามาถึงระดับห้าสิบล้านคน

สิ่งสำคัญที่สุดคืออาภรณ์วิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น

ไห่ลั่วหลันสามารถปรับแต่งดวงดาวได้ตามเป้าหมาย ฟางหยวนสามารถใช้ดวงดาวเหล่านี้ตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ

การพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิขั้นพื้นต้นเสร็จสิ้นลงแล้ว

เขาใช้หินวิญญาณอมตะเกือบทั้งหมดที่มีรวมถึงของขวัญจากเผ่ามนุษย์หิมะ

การพัฒนามิติช่องว่างมีเจ็ดขั้นตอน

ขั้นตอนแรกคือสร้างทรัพยากรระดับมนุษย์

ขั้นตอนที่สองคือสร้างทรัพยากรอมตะเพื่อหล่อเลี้ยงวิญญาณอมตะ

ขั้นตอนที่สามคือการเลี้ยงและผลิตสัตว์อสูรหรือพืชอสูรรวมถึงการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์

ขั้นตอนที่สี่คือการผลิตทรัพยากรอมตะเพื่อการค้าและทำกำไรจากภายนอก

…..

ฟางหยวนข้ามไปยังขั้นตอนที่สี่แต่เขายังวางขาข้างหนึ่งไว้ในขั้นตอนที่สอง

เมื่อขั้นตอนที่สองสำเร็จ ขาข้างนั้นจะก้าวเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม

ขั้นตอนที่สามคือการเลี้ยงและผลิตสัตว์อสูรหรือพืชอสูรรวมถึงการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์

หลักเกณฑ์ของขั้นตอนนี้คือสัตว์อสูรและพืชอสูรต้องใช้ชีวิตอยู่ในมิติช่องว่างได้อย่างสมบูรณ์ พวกมันต้องสร้างห่วงโซ่อาหารกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในโดยไม่พึ่งพาโลกภายนอก

ฟางหยวนเคยทำมาแล้ว แต่ตอนนี้เขายังไม่ผ่านขั้นตอนนี้

เนื่องจากสัตว์อสูรสองฝูงที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือฝูงอินทรีย์และฝูงอสูรปียังไม่สามารถพึ่งพาเพียงมิติช่องว่างจักรพรรดิ

นกอินทรีย์ต้องล่าเหยื่อด้วยตัวมันเอง แต่ตอนนี้ฟางหยวนยังต้องซื้ออาหารจากนิกายหลางหยาหรือสวรรค์สีเหลืองเพื่อเลี้ยงดูพวกมัน

อสูรปีกินวิญญาณปีเป็นอาหาร ฟางหยวนต้องสร้างวิญญาณปีขึ้นมาด้วยการใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ โดยปราศจากความช่วยเหลือจากฟางหยวน พวกมันจะอดอาหาร

‘การพัฒนามิติช่องว่างในขั้นตอนที่สามยังต้องรอไปก่อน’ ฟางหยวนมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะทำเรื่องนี้ เขาต้องข้ามไปขั้นตอนที่สี่เพื่อดูแลสถานะการเงิน

ตอนนี้ฟางหยวนมีแหล่งรายได้เก้าแหล่ง

อันดับแรก วิญญาณความเด็ดเดี่ยว ธุรกิจผูกขาดมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาต้องลงทุนและแบ่งปันรายได้กับนิกายหลางหยา ตอนนี้เขากำลังบ่มเพาะจิตวิญญาณ ดังนั้นกำไรจากธุรกิจนี้จึงเป็นศูนย์

ถัดมาคือวิญญาณปี มันยังสามารถครองตลาด แต่ยอดขายจะลดลงในช่วงสองสามปีข้างหน้า

ธุรกิจวิญญาณปีมีศักยภาพเพราะการคงอยู่ของวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปด

ไม่เพียงมันจะใช้งานได้ง่ายแต่การเป็นเจ้าของวิญญาณอมตะดวงนี้หมายความว่าเขาสามารถผลิตวิญญาณปีได้อย่างสม่ำเสมอและมีต้นทุนต่ำ แต่มันก็มีจุดอ่อนเช่นกัน มันจะดึงดูดอสูรปีแรกกำเนิดเข้ามาในมิติช่องว่าง

ไห่ฟานพยายามแก้ปัญหานี้ แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและไม่ชำนาญเส้นทางสายอื่น หากเขามีท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยเช่นฟางหยวน เขาจะสามารถแก้ปัญหา

นอกจากนั้นอายุขัยของไห่ฟานยังมีจำกัด เขาตายก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการพัมนาค่ายกลวิญญาณตกอสูรปีได้อย่างสมบูรณ์

ดังนั้นเมื่อวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำตกมาอยู่ในมือของฟางหยวน มันจึงสามารถแสดงคุณค่าที่น่าทึ่งออกมา

กล่าวได้ว่านี่เป็นจุดพลิกผันของชีวิตฟางหยวนอย่างแท้จริง

ต่อมาคือธุรกิจปลามังกรและแมงมุมหน้าคน ย้อนกลับไปที่ภาคใต้ ฟางหยวนเคยคิดที่จะใช้ตระกูลวูเพื่อพัฒนาธุรกิจปลามังกร

แต่ตอนนี้ธุรกิจปลามังกรได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากตัวตนของวูอี้ไห่ถูกเปิดเผย ดังนั้นธุรกิจนี้จึงหยุดลงโดยธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ธุรกิจแมงมุมหน้าคนจึงกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของฟางหยวนโดยมีผู้ซื้อหลักคือตระกูลเซียวของทะเลทรายตะวันตก

ธุรกิจถัดไปคืออสรพิษเพลิง ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาว อสรพิษวิญญาณ อสูรหิมะ และราเรืองแสง

ธุรกิจอสรพิษเพลิงพึ่งเริ่มต้น แม้ฟางหยวนจะใช้วิธีเลี้ยงดูของเผ่าไห่ แต่มันยังด้อยกว่าธุรกิจปลามังกรและแมงมุมหน้าคน

ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาวเป็นธุรกิจหลักของจักรพรรดิแห่งดวงดาวหว่านเซียง พวกมันเริ่มมีความสำคัญน้อยลงเรื่อยๆเพราะพวกมันมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเท่านั้น

อสรพิษวิญญาณคล้ายกับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาว มันมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง แต่ฟางหยวนไม่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาสิ่งนี้

สำหรับอสูรหิมะและราเรืองแสง มันเป็นแผนการในอนาคต ผนึกแก่นแท้น้ำแข็งกำลังเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของภาคเหนือน้อย ขณะที่ราเรืองแสงยังไม่สามารถขายในช่วงเวลานี้

โดยสรุป สถานการณ์ทางธุรกิจของฟางหยวนไม่ดีนัก

ธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยวไม่ทำกำไร ปลามังกรได้รับผลกระทบอย่างหนัก แมงมุมหน้าเหมือนเดิมแต่มันยังไม่สามารถรองรับความต้องการของฟางหยวน อสรพิษเพลิง ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาว และอสรพิษวิญญาณ พวกมันมีค่าน้อยเกินไป

ธุรกิจอสูรหิมะและราเรืองแสงยังอยู่ในขั้นตอนการลงทุน พวกมันยังไม่สามารถขายออก

กำไรจากธุรกิจวิญญาณปีลดลง ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนต้องทำธุรกิจอื่นอย่างเร่งด่วน

เขามีทรัพยากรมากมาย แม้เขาจะเสร็จสิ้นขั้นตอนพื้นฐานในการพัฒนามิติช่องว่าง แต่เปรียบเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดของมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันพึ่งเพิ่มจากสามส่วนเป็นสี่ส่วนร้อยเท่านั้น

แต่ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนามิติช่องว่าง การดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะ หรือการบ่มเพาะจิตวิญญาณ ทุกกิจกรรมล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น

เพื่อปรับปรุงสถานะทางการเงิน เขาต้องลงทุน ยิ่งเขาลงทุนมากเท่าใด โอกาสเติบโตก็จะมากเท่านั้น

ฟางหยวนมีมรดกมากมาย เขามีวิธีการบ่มเพาะนับไม่ถ้วน อาจกล่าวได้ว่าเขามีตัวเลือกมากเกินไป

ท่ามกลางพวกมัน ตัวเลือกใดที่เหมาะสมและสามารถทำประโยชน์ให้เขาได้มากที่สุด

ฟางหยวนต้องไตร่ตรองอย่างหนัก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท