‘แม้เจตจำนงสวรรค์จะต้องการกำจัดข้าและยกระดับภัยพิบัติสวรรค์จนถึงขีดสุด แต่มันยังไม่สามารถทำสิ่งใด’
ภัยพิบัติไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับฟางหยวนอีกต่อไป
เขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอและมีไพ่ตายอยู่ในมือมากมาย
อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเฝ้ามองการแสดงเดี่ยวของฟางหยวนและจบลงด้วยความตกตะลึงโดยไม่ได้ทำประโยชน์ใด
ผู้อมตะระดับเจ็ดต้องผ่านภัยพิบัติพิภพยี่สิบสี่ครั้ง ภัยพิบัติสวรรค์สามครั้ง และภัยพิบัติใหญ่สามครั้ง
ฟางหยวนรอให้สัตว์อสูรทั้งห้าเติบโตขึ้นจนถึงขีดสุดเพื่อทดสอบขีดจำกัดของภัยพิบัติสวรรค์ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าภัยพิบัติสวรรค์ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับเขาอีกต่อไป ภัยพิบัติพิภพยิ่งอ่อนแอกว่า มีเพียงภัยพิบัติใหญ่ที่ยังไม่แน่ชัด
การบ่มเพาะระดับเจ็ดของฟางหยวนได้รับมาจากการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติสวรรค์ระดับเจ็ด
ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพิษจำนวนมากจากภัยพิบัติสวรรค์ครั้งนี้
แต่กำไรนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
ประการแรก เขาไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพิษ ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งพิษของเขาก็ค่อนข้างต่ำ เขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพิษเพียงดวงเดียว นั่นคือวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงาม
เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงสวรรค์จงใจเลือกเส้นทางแห่งพิษเพื่อกีดขวางการเติบโตของฟางหยวน
‘ครั้งต่อไปที่ข้าเผชิญหน้ากับภัยพิบัติสวรรค์ เจตจำนงสวรรค์อาจลดพลังอำนาจของภัยพิบัติลงจนถึงจุดต่ำสุด’
ฟางหยวนสามารถคาดเดาได้โดยไม่ต้องคิดมาก
เมื่อเจตจำนงสวรรค์ตระหนักว่าภัยพิบัติสวรรค์ไม่สามารถกำจัดฟางหยวน มันจะไม่เพิ่มพลังอำนาจของภัยพิบัติสวรรค์อีก เพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะทำให้ฟางหยวนแข็งแกร่งขึ้น มันไม่มีประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น
‘นี่หมายความว่าข้าจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมากเมื่อข้าก้าวข้ามภัยพิบัติ การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะของข้า’ ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้
การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นข้อได้เปรียบของร่างทารกอมตะ แต่ตอนนี้เขาไม่มีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและเนื่องจากฟางหยวนกำลังบ่มเพาะอยู่อย่างสันโดษ เขาไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลาดังกล่าวฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพอีกหนึ่งครั้งและได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมาก
แต่ในแง่มุนอื่น ฟางหยวนพัฒนาไปไกลมาก เขามีกำไรมหาศาล
ด้านจิตวิญญาณ รากฐานของเขามาถึงระดับห้าสิบล้านคน
สิ่งสำคัญที่สุดคืออาภรณ์วิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น
ไห่ลั่วหลันสามารถปรับแต่งดวงดาวได้ตามเป้าหมาย ฟางหยวนสามารถใช้ดวงดาวเหล่านี้ตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ
การพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิขั้นพื้นต้นเสร็จสิ้นลงแล้ว
เขาใช้หินวิญญาณอมตะเกือบทั้งหมดที่มีรวมถึงของขวัญจากเผ่ามนุษย์หิมะ
การพัฒนามิติช่องว่างมีเจ็ดขั้นตอน
ขั้นตอนแรกคือสร้างทรัพยากรระดับมนุษย์
ขั้นตอนที่สองคือสร้างทรัพยากรอมตะเพื่อหล่อเลี้ยงวิญญาณอมตะ
ขั้นตอนที่สามคือการเลี้ยงและผลิตสัตว์อสูรหรือพืชอสูรรวมถึงการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์
ขั้นตอนที่สี่คือการผลิตทรัพยากรอมตะเพื่อการค้าและทำกำไรจากภายนอก
…..
ฟางหยวนข้ามไปยังขั้นตอนที่สี่แต่เขายังวางขาข้างหนึ่งไว้ในขั้นตอนที่สอง
เมื่อขั้นตอนที่สองสำเร็จ ขาข้างนั้นจะก้าวเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม
ขั้นตอนที่สามคือการเลี้ยงและผลิตสัตว์อสูรหรือพืชอสูรรวมถึงการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์
หลักเกณฑ์ของขั้นตอนนี้คือสัตว์อสูรและพืชอสูรต้องใช้ชีวิตอยู่ในมิติช่องว่างได้อย่างสมบูรณ์ พวกมันต้องสร้างห่วงโซ่อาหารกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในโดยไม่พึ่งพาโลกภายนอก
ฟางหยวนเคยทำมาแล้ว แต่ตอนนี้เขายังไม่ผ่านขั้นตอนนี้
เนื่องจากสัตว์อสูรสองฝูงที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือฝูงอินทรีย์และฝูงอสูรปียังไม่สามารถพึ่งพาเพียงมิติช่องว่างจักรพรรดิ
นกอินทรีย์ต้องล่าเหยื่อด้วยตัวมันเอง แต่ตอนนี้ฟางหยวนยังต้องซื้ออาหารจากนิกายหลางหยาหรือสวรรค์สีเหลืองเพื่อเลี้ยงดูพวกมัน
อสูรปีกินวิญญาณปีเป็นอาหาร ฟางหยวนต้องสร้างวิญญาณปีขึ้นมาด้วยการใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ โดยปราศจากความช่วยเหลือจากฟางหยวน พวกมันจะอดอาหาร
‘การพัฒนามิติช่องว่างในขั้นตอนที่สามยังต้องรอไปก่อน’ ฟางหยวนมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะทำเรื่องนี้ เขาต้องข้ามไปขั้นตอนที่สี่เพื่อดูแลสถานะการเงิน
ตอนนี้ฟางหยวนมีแหล่งรายได้เก้าแหล่ง
อันดับแรก วิญญาณความเด็ดเดี่ยว ธุรกิจผูกขาดมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาต้องลงทุนและแบ่งปันรายได้กับนิกายหลางหยา ตอนนี้เขากำลังบ่มเพาะจิตวิญญาณ ดังนั้นกำไรจากธุรกิจนี้จึงเป็นศูนย์
ถัดมาคือวิญญาณปี มันยังสามารถครองตลาด แต่ยอดขายจะลดลงในช่วงสองสามปีข้างหน้า
ธุรกิจวิญญาณปีมีศักยภาพเพราะการคงอยู่ของวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปด
ไม่เพียงมันจะใช้งานได้ง่ายแต่การเป็นเจ้าของวิญญาณอมตะดวงนี้หมายความว่าเขาสามารถผลิตวิญญาณปีได้อย่างสม่ำเสมอและมีต้นทุนต่ำ แต่มันก็มีจุดอ่อนเช่นกัน มันจะดึงดูดอสูรปีแรกกำเนิดเข้ามาในมิติช่องว่าง
ไห่ฟานพยายามแก้ปัญหานี้ แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและไม่ชำนาญเส้นทางสายอื่น หากเขามีท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยเช่นฟางหยวน เขาจะสามารถแก้ปัญหา
นอกจากนั้นอายุขัยของไห่ฟานยังมีจำกัด เขาตายก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการพัมนาค่ายกลวิญญาณตกอสูรปีได้อย่างสมบูรณ์
ดังนั้นเมื่อวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำตกมาอยู่ในมือของฟางหยวน มันจึงสามารถแสดงคุณค่าที่น่าทึ่งออกมา
กล่าวได้ว่านี่เป็นจุดพลิกผันของชีวิตฟางหยวนอย่างแท้จริง
ต่อมาคือธุรกิจปลามังกรและแมงมุมหน้าคน ย้อนกลับไปที่ภาคใต้ ฟางหยวนเคยคิดที่จะใช้ตระกูลวูเพื่อพัฒนาธุรกิจปลามังกร
แต่ตอนนี้ธุรกิจปลามังกรได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากตัวตนของวูอี้ไห่ถูกเปิดเผย ดังนั้นธุรกิจนี้จึงหยุดลงโดยธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ธุรกิจแมงมุมหน้าคนจึงกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของฟางหยวนโดยมีผู้ซื้อหลักคือตระกูลเซียวของทะเลทรายตะวันตก
ธุรกิจถัดไปคืออสรพิษเพลิง ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาว อสรพิษวิญญาณ อสูรหิมะ และราเรืองแสง
ธุรกิจอสรพิษเพลิงพึ่งเริ่มต้น แม้ฟางหยวนจะใช้วิธีเลี้ยงดูของเผ่าไห่ แต่มันยังด้อยกว่าธุรกิจปลามังกรและแมงมุมหน้าคน
ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาวเป็นธุรกิจหลักของจักรพรรดิแห่งดวงดาวหว่านเซียง พวกมันเริ่มมีความสำคัญน้อยลงเรื่อยๆเพราะพวกมันมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเท่านั้น
อสรพิษวิญญาณคล้ายกับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาว มันมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง แต่ฟางหยวนไม่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาสิ่งนี้
สำหรับอสูรหิมะและราเรืองแสง มันเป็นแผนการในอนาคต ผนึกแก่นแท้น้ำแข็งกำลังเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของภาคเหนือน้อย ขณะที่ราเรืองแสงยังไม่สามารถขายในช่วงเวลานี้
โดยสรุป สถานการณ์ทางธุรกิจของฟางหยวนไม่ดีนัก
ธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยวไม่ทำกำไร ปลามังกรได้รับผลกระทบอย่างหนัก แมงมุมหน้าเหมือนเดิมแต่มันยังไม่สามารถรองรับความต้องการของฟางหยวน อสรพิษเพลิง ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาว และอสรพิษวิญญาณ พวกมันมีค่าน้อยเกินไป
ธุรกิจอสูรหิมะและราเรืองแสงยังอยู่ในขั้นตอนการลงทุน พวกมันยังไม่สามารถขายออก
กำไรจากธุรกิจวิญญาณปีลดลง ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนต้องทำธุรกิจอื่นอย่างเร่งด่วน
เขามีทรัพยากรมากมาย แม้เขาจะเสร็จสิ้นขั้นตอนพื้นฐานในการพัฒนามิติช่องว่าง แต่เปรียบเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดของมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันพึ่งเพิ่มจากสามส่วนเป็นสี่ส่วนร้อยเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนามิติช่องว่าง การดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะ หรือการบ่มเพาะจิตวิญญาณ ทุกกิจกรรมล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
เพื่อปรับปรุงสถานะทางการเงิน เขาต้องลงทุน ยิ่งเขาลงทุนมากเท่าใด โอกาสเติบโตก็จะมากเท่านั้น
ฟางหยวนมีมรดกมากมาย เขามีวิธีการบ่มเพาะนับไม่ถ้วน อาจกล่าวได้ว่าเขามีตัวเลือกมากเกินไป
ท่ามกลางพวกมัน ตัวเลือกใดที่เหมาะสมและสามารถทำประโยชน์ให้เขาได้มากที่สุด
ฟางหยวนต้องไตร่ตรองอย่างหนัก