เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1472

ตอนที่ 1472

โหยว่ชานเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวารี นางใช้คลื่นใต้น้ำในการเดินทาง วิธีนี้รวดเร็วกว่าการบินของผู้อมตะทั่วไป

หลายวันผ่านไป นางไปถึงอาณาเขตของตระกูลหนานกง

ตระกูลหนานกงเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออก หลังจากมาถึง โหยว่ชานหยุดอยู่ที่เกาะนิรนามแห่งหนึ่ง

นางมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ นางใช้วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลเพื่อแจ้งพวกเขาล่วงหน้าแล้ว

ผู้อมตะตระกูลหนานกงกำลังรอนางอยู่

“เทพธิดาโหยว่ชาน ท่านอาจารย์ฮัวส่งข้ามาที่นี่เพื่อต้อนรับท่าน ตอนนี้ท่านรออยู่ที่วังฮัวเฉียวแล้ว” ผู้อมตะตระกูลหนานกงกล่าวอย่างสุภาพ เขาไม่ได้แสดงความยโสของกองกำลังใหญ่ออกมาแม้แต่น้อย

ด้านหนึ่ง เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกขณะที่โหยว่ชานเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด อีกด้านหนึ่ง แม้โหยว่ชานจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่นางมีเครือขายมากมาย นางยังเป็นหนึ่งในหกเทพธิดาที่งดงามที่สุดของทะเลตะวันออก ผู้อมตะตระกูลหนานหงต้องให้เกียรตินาง

“ขอบคุณมาก” โหยว่ชานเผยรอยยิ้มบางและทำให้หัวใจของผู้อมตะตระกูลหนานหงเต้นเร็วขึ้น

“เทพธิดาโปรดตามข้ามา” ผู้อมตะตระกูลหนานกงสงบจิตใจลงและเริ่มนำทาง

โหยว่ชานตามคนผู้นี้ไปใต้ทะเล หลังจากผ่านกระแสน้ำหลายกระแส โหยว่ชานก็พบกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่อยู่ใต้ทะเล

มันเป็นศาลาที่มีโต๊ะหินและเก้าอี้อยู่ภายใน

ผู้อมตะผู้หนึ่งกำลังชงชาอยู่ที่นั่น

โหยว่ชานติดตามผู้อมตะตระกูลหนานกงเข้าไปในศาลา

ชายที่อยู่ภายในกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เทพธิดาโหยว่ชาน เจ้ามาจากแดนไกล ขอโทษที่ข้าไม่สามารถออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง”

โหยว่ชานยิ้ม “ฮัวอัน เจ้าเป็นหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะเลตะวันออก ข้าจะทำสิ่งใดได้กับความเย่อหยิ่งของเจ้า”

โหยว่ชานและฮัวอันเป็นสหายที่ดีต่อกัน พวกเขาเพียงหยอกล้อกันเท่านั้น

ฮัวอันเคยเป็นสมาชิกตระกูลฮวา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เขาต้องออกจากตระกูล ขณะหลบหนี เขาได้รับความช่วยเหลือจากโหยว่ชาน ดังนั้นทั้งสองจึงกลายเป็นสหายที่ดีต่อกัน

หลังจากนั้นฮัวอันก็เข้าร่วมกับตระกูลหนานกงและกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงบนเส้นทางแห่งปัญญาของทะเลตะวันออก

มีคำกล่าวที่ว่า เจียตันนั่งอยู่บนหน้าผา ฮัวอันซ่อนตัวอยู่ในหนานกง เต่ามังกรอาศัยอยู่ในทะเลแห่งภัยพิบัติ

ทั้งสามเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะเลตะวันออก

ฮัวอันเป็นหนึ่งในนั้น

แม้ฮัวอันจะอยู่ในตระกูลหนานกง แต่เขาถูกตระกูลฮัวคุกคามมาตลอด เขาพบกับความพยายามในการลอบสังหารมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงอยู่ในฐานทัพใหญ่ของตระกูลหนานกงตลอดเวลาและไม่ค่อยออกไปที่ใด ตอนนี้เขาเสี่ยงออกมาพบโหยว่ชาน นี่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขา

โหยว่ชานเข้าใจสถานการณ์ของฮัวอัน นางพอใจมากที่ได้พบเขาและกระทั่งรู้สึกสนุกสนานเล็กน้อย

ฮัวอันหัวเราะ “เทพธิดาเชิญนั่ง”

โหยว่ชานนั่งลงและดื่มชาก่อนจะถอนหายใจ “ชาดี แต่ใจของข้าเต็มไปด้วยความกังวล ข้าไม่สามารถดื่มด่ำกับรสชาติของมันได้อย่างเต็มที่”

ฮัวอันพยักหน้า “บอกรายละเอียดกับข้า ข้าจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยเจ้าแก้ไขปัญหา”

โหยว่ชานกำลังดื่มชาขณะที่ฟางหยวนดื่มสุรา

เขาไม่ได้ดื่มสุราทั่วไปแต่เป็นสุราหมั้น

สุราหมั้นไม่ใช่ของผู้ใดแต่เป็นของเขาเอง!

“ขอแสดงความยินดีกับท่านฟางหยวนและเทพธิดาเซี่ยเอ๋อ มันวิเศษมากที่ทั้งคู่สามารถรวมเป็นหนึ่ง ฮ่าฮ่าฮ่า” ปิงเจาหัวเราะเสียงดังและยกถ้วยสุราขึ้น

ฟางหยวนยกถ้วยสุราตอบและมองไปรอบๆ

ห้องโถงเต็มไปด้วยผู้อมตะ

ส่วนใหญ่เป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ มีมนุษย์หิมะ มนุษย์ขน และมนุษย์หิน นอกจากนั้นยังมีสมาชิกนิกายเงารวมถึงไป่หนิงปิง

ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด นี่เป็นงานหมั้นของเขา เขามีสถานะพิเศษในพันธมิตรมนุษย์กลายพันธุ์ของภาคเหนือ ดังนั้นผู้อมตะเกือบทั้งหมดจึงเข้าร่วม

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะตะโกนเสียงดังอย่างมีความสุขขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินมีทางทีแข็งกร้าว

งานหมั้นในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดีต่อเผ่ามนุษย์หิมะ แต่สำหรับเผ่ามนุษย์หิน การได้เห็นเพื่อนบ้านได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปดเป็นฝันร้ายของพวกเขา

“ผู้อาวุโสปิงหยวน ท่านทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์จริงๆ น่าประทับใจ น่าประทับใจ” ในงานเลี้ยง ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่ามนุษย์หินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมกับปิงหยวน

ปิงหยวนเป็นย่าของเซี่ยเอ๋อ นางเป็นผู้ริเริ่มและวางแผนเรื่องการแต่งงานกับฟางหยวน ตอนนี้พวกเขากำลังเห็นผลลัพธ์บางอย่าง

“นี่เป็นพรของหลานสาวของข้า เห้อ…กล่าวตามตรง เผ่าของเรายังไม่คู่ควร” ปิงหยวนคิดถึงการสนทนาระหว่างนางกับฟางหยวนและเริ่มสงสัยในเรื่องทั้งหมด

แต่ภายนอก ปิงหยวนไม่สามารถแสดงอารมณ์ใดๆออกมา นางต้องยิ้มและสร้างบรรยากาศที่ดี

ทะเลตะวันออก

ฮัวอันกล่าวด้วยความละอายใจ “เทพธิดา ข้าทำให้ผิดหวังแล้ว ข้าไม่สามารถอนุมานภูมิหลังของคนผู้นี้ได้เลย”

“แม้แต่เจ้าก็ทำไม่ได้งั้นหรือ?” โหยว่ชานรู้สึกประหลาดใจมาก

ฮัวอันแสดงออกอย่างเคร่งขรึม “ประการแรก เพียงเงื่อนงำของปลามังกร มันยากที่จะสรุป ประการที่สอง คนผู้นี้มีท่าไม้ตายที่สามารถป้องกันการอนุมานบนแห่งทางเส้นปัญญา”

ได้ยินเรื่องนี้ โหยว่ชานยิ่งตื่นตัวมากขึ้น อีกฝ่ายสามารถป้องกันการอนุมาน แต่นางไม่สามารถ

ศัตรูมีแต่นางไม่มี เขาหรือกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดมันก็แสดงให้เห็นว่าศัตรูแข็งแกร่ง

“อย่าบอกว่าความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฝ่ายนั้นยิ่งใหญ่กว่าเจ้า? เจ้าเป็นหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะเลตะวันออก แล้วเจ้าจะไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเลยงั้นหรือ?” โหยว่ชานไม่เต็มใจยอมแพ้

“เทพธิดาเข้าใจผิดแล้ว วิถีบนเส้นทางแห่งปัญญาแตกต่างจากเส้นทางแห่งวารี เหตุการณ์นี้เหมือนฝ่ายตรงข้ามได้สร้างเขื่อนไว้ในส่วนที่แคบที่สุดของแม่น้ำ แม้แม่น้ำจะกว้างเพียงใด ด้านหลังเขื่อนนี้ แม่น้ำก็จะตื้นและเคลื่อนที่ช้าลง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาสามารถสร้างคลื่นใหญ่ในน้ำลึก แต่ด้านหลังเขื่อนแห่งนี้ เราไม่สามารถทำสิ่งใด ความพยายามทั้งหมดไม่คุ้มกับผลลัพธ์” ฮัวอันอธิบายอย่างอดทน

“ไม่เพียงข้าแต่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาคนอื่นๆก็จะไม่ประสบความสำเร็จในการอนุมาน เว้นเพียงพวกเขาจะทำลายการป้องกันนี้ หากมันเป็นเพียงการป้องกันระดับหก นั่นอาจไม่ใช่ปัญหา”

โหยว่ชานรู้สึกลำบากใจ นางไม่มีความรู้บนเส้นทางแห่งปัญญา ในความเป็นจริงไม่เพียงนางแต่ผู้อมตะส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางแห่งปัญญา

ด้านหนึ่ง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาหาได้ยาก อีกด้านหนึ่ง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเส้นทางแห่งปัญญาก็ไม่ต้องการบอกให้โลกรับรู้ถึงรายละเอียดหรือมรดกของพวกเขา

เดิมทีโหยว่ชานคิดว่าด้วยความช่วยเหลือของฮัวอัน นางจะได้รับข้อมูลของฟางหยวน แต่มันกลายเป็นความล้มเหลว

ยิ่งเหตุการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ โหยว่ชานยิ่งไม่อยากยอมแพ้

ฮัวอันเข้าใจบุคลิกของนาง

โหยว่ชานไม่ได้เป็นเพียงหญิงงาม แต่นางยังเป็นคนดื้อรั้น ความสำเร็จทั้งหมดในปัจจุบันของนางก็เกิดจากการทำงานหนักทั้งสิ้น

ฮัวอันแนะนำ “เราควรตรวจสอบเพิ่ม ตราบเท่าที่เรามีข้อมูลและเบาะแสมากขึ้น ข้าจะมีโอกาสทำลายการป้องกันของเขาได้มากขึ้น แม้มันจะเป็นเบาะแสเล็กๆ แต่หากเราสามารถรวบรวมได้มากขึ้น เราจะประสบความสำเร็จในที่สุด”

โหยว่ชานพยักหน้า “โปรดรอสักครู่”

นางส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในสวรรค์สีเหลืองและมองหาเจตจำนงของฟางหยวน

การตรวจสอบก่อนหน้านี้ของนางไม่ประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้นางยังต้องการทดลองอีกครั้ง

‘โหยว่ชาน หยุดทดสอบข้า ข้าสนใจธุรกิจปลามังกร หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้น ข้าต้องการมีส่วนร่วมในธุรกิจนี้” เจตจำนงของฟางหยวนกล่าวกับโหยว่ชานทันที

โหยว่ชานตะลึง!

การแสดงออกของนางเปลี่ยนไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางกลับร่างและแจ้งฮัวอัน

การแสดงออกของฮัวอันเปลี่ยนไปเช่นกัน “นี่…ข้าเกรงว่าเขาจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่!”

“ธุรกิจปลามังกรของข้าเป็นอันดับหนึ่ง แล้วคนที่ต้องการแข่งขันกับข้าจะไม่แข็งแกร่งได้อย่างไร?” โหยว่ชานกลอกตา

ฮัวอันส่ายศีระและแสดงออกอย่างเคร่งขรึม “ข้ากำลังกล่าวถึงความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขา เขาสังเกตเห็นการอนุมานนี้ของข้าและได้อนุมานกลับ นั่นคือวิธีที่เขาค้นพบตัวตนของเจ้า ข้าระวังตัวมากแล้ว แต่เขายังสามารถอนุมานตัวตนของเจ้าได้ด้วยข้อมูลที่จำกัด ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาย่อมไม่ด้อยกว่าข้า ในความเป็นจริง…มันอาจสูงกว่าข้า!”

“เป็นเช่นนั้น!” โหยว่ชานตกใจอีกครั้ง

นางไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากขอความช่วยเหลือจากฮัวอัน ไม่เพียงนางจะล้มเหลวแต่มันยังเป็นการเปิดเผยตัวตนของนางอีกด้วย

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท