เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1474

ตอนที่ 1474

ทะเลทรายตะวันตก

มันเป็นทะเลทรายที่ไร้จุดสิ้นสุด

ลึกลงไปใต้พื้นทรายมีโลกอีกใบ มันคือเหมืองแร่ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแร่ธรรมชาติ

มนุษย์หินมากกว่าแสนคนอาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะคนงาน พวกมันขุดหาทรัพยากรทุกประเภทให้กับผู้อมตะ

ที่นี่คือทะเลทรายหมื่นแร่ที่มีชื่อเสียงของทะเลทรายตะวันตก มันอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลซื่อ

นอกจากทรัพยากรระดับมนุษย์ที่ถูกขุดโดยมนุษย์หินยังมีทรัพยากรอมตะที่ผู้อมตะต้องขุดมันขึ้นมาด้วยตัวเอง

ลึกลงไปมีแม่น้ำทองคำขนาดใหญ่ไหลอยู่

เมื่อสวรรค์ทั้งเจ็ดถูกทำลาย เศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีเหลืองร่วงหล่นลงสู่พื้นและกลายเป็นแร่ทองคำจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจัดกระจายไปในสถานที่ต่างๆ

สวรรค์สีเหลืองน้อยของฟางหยวนมีลำธารทองคำชนิดนี้อยู่เช่นกัน แต่มันมีขนาดเล็กมาก มันเหมือนมดที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร

และในแม่น้ำทองคำขนาดใหญ่สายนี้มีค่ายกลวิญญาณถูกจัดตั้งเอาไว้โดยผู้อมตะ

ค่ายกลวิญญาณตรวจสอบแร่ล้ำค่าตลอดเวลาและยังสามารถควบคุมคนงานในเหมืองแร่

“บึม!”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นพร้อมกับรอยแตกร้าวของค่ายกลวิญญาณ

ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับกลุ่มควันหนาทึบที่พวยพุ่งออกมาจากภายใน

“แค่ก แค่ก” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินผู้หนึ่งเดินออกมา

หลังจากนั้นหินที่อยู่บนร่างของเขาก็ร่วงหล่นลงและเผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่

แท้จริงแล้วเขาคือผู้อมตะมนุษย์

เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาแต่ดูเป็นมิตร

ตอนนี้ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเขม่าควัน

“การหลอมรวมวิญญาณครั้งที่แปดสิบเก้าล้มเหลว!” ผู้อมตะวัยกลางคนถอนหายใจก่อนจะกระอักเลือดออกมา

ก้อนเลือดที่เขากระอักออกมากลายเป็นอัญมณีทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นไข่มุก หยก ทองคำ เงิน และอื่นๆ

หากฟางหยวนอยู่ที่นี่ เขาจะตกใจมากที่เห็นสิ่งนี้ แม้เขาจะรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังก็ตาม

สิ่งใดที่ทำให้ผู้อมตะวัยกลางคนมีอาการบาดเจ็บที่แปลกประหลาดเช่นนี้?

ผู้อมตะวัยกลางคนมองอัญมณีที่อยู่รอบๆและไม่รู้สึกประหลาดใจ

เพราะเขารู้ว่าตนเองกำลังทำสิ่งใด เขากำลังหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่ง!

วิญญาณความมั่งคั่งในตำนาน!

มนุษย์คนแรกสร้างมันขึ้นมาด้วยน้ำจากทะเลสาบแห่งชีวิต มือของเขา วิญญาณความกังวล วิญญาณความยากลำบาก วิญญาณความโศกเศร้า วิญญาณสติปัญญา และวิญญาณความโง่เขลา

แต่โดยพื้นฐาน เป็นไปไม่ได้ที่ผู้อมตะวัยกลางคนผู้นี้จะใช้วิธีเดียวกันในการหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้

มันไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของตำนาน แต่มันมีรายละเอียดมากเกินไป วัสดุเหล่านั้นสูญพันธุ์ไปแล้วในยุคปัจจุบัน

ฟางหยวนมีวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า แม้เขาจะยังไม่ได้ปรับแต่งมันก็ตาม

แต่ทะเลสาบแห่งชีวิตไม่ปรากฏในยุคนี้ แล้วเขาจะหาน้ำสีฟ้าจากทะเลสาบแห่งชีวิตมาได้อย่างไร?

แม้มันจะมีอยู่ แล้วเขาจะหามือของมนุษย์คนแรกมาจากที่ใด?

แล้วเหตุใดผู้อมตะวัยกลางคนผู้นี้ยังต้องการหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่ง?

เพราะมนุษย์สามารถดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

หากวิธีในตำนานไม่สามารถใช้งาน เขาก็ต้องสร้างวิธีใหม่ขึ้นมาด้วยตนเอง

ผู้อมตะวัยกลางคนผู้นี้บ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งปฐพีแต่เขาได้รับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่งที่ไม่สมบูรณ์มาโดยบังเอิญ

เขาไม่รู้ว่าผู้ใดทิ้งเคล็ดลับนี้เอาไว้

แต่เมื่อผู้อมตะวัยกลางคนได้รับมันมา เป็นธรรมดาที่เขาจะทดลองหลอมรวมมัน

หากเขาประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่ง เขาจะได้รับทุกสิ่งที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นเงิน ทอง หรือทรัพยากรอมตะ

แต่วิญญาณความมั่งคั่งไม่สามารถสร้างรูปแบบชีวิตเช่นพืช สัตว์ มนุษย์ มนุษย์กลายพันธุ์ หรือวิญญาณ

“หากข้ามีวิญญาณความมั่งคั่ง ข้าจะสามารถสร้างธุรกิจที่ทำกำไรมหาศาล ข้าจะสร้างทรัพยากรที่สูญพันธุ์ไปแล้วเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ข้าจะสามารถยกระดับการบ่มเพาะของตนเองและเหนือกว่าคนตระกูลซื่อทั้งหมด!”

ผู้อมตะวัยกลางคนต้องการวิญญาณความมั่งคั่งเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับคนนอก

คนผู้นี้คือซื่อจง

ตระกูลซื่อเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตก

ซื่อจงมีสถานะที่น่าอึดอัดใจในตระกูลซื่อ แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาถูกกีดกันโดยผู้อมตะของตระกูล

มีเหตุผลทางประวัติศาสตร์สำหรับเรื่องนี้ บิดาของซื่อจงทรยศต่อตระกูลและสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับพวกเขา ความเสียหายที่เกิดขึ้นนอกจากทรัพยากรยังรวมถึงชีวิตของผู้อมตะอีกด้วย

ซื่อจงไม่เคยได้รับการดูแลที่ดีจากตระกูล

เขาถูกตระกูลส่งตัวมาดูแลทะเลทรายหมื่นแร่แห่งนี้

สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทรัพยากร แต่มันมีอาณาเขตติดกับกองกำลังอื่นที่เป็นศัตรูของตระกูลซื่อ กล่าวได้ว่าชีวิตของซื่อจงตกอยู่ในอันตรายขณะที่เขาไม่สามารถทำกำไรเพราะค่ายกลวิญญาณของที่นี่จะตรวจสอบเขาอย่างเข้มงวด

ในความเป็นจริงแม้ค่ายกลวิญญาณจะไม่ตรวจสอบเขา ซื่อจงก็ไม่มีความคิดที่จะทำสิ่งใด หากเขาถูกค้นพบ สถานการณ์ของเขาจะเลวร้ายยิ่งขึ้น

“พื้นฐานของการบ่มเพาะคือการจัดการมิติช่องว่าง โดยปราศจากทรัพยากร ไม่ว่าพลังการต่อสู้จะสูงเพียงใด มันก็เป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น มันเหมือนกับการสร้างตึกสูงโดยโครงสร้างที่ทำจากทราย” ซื่อจงเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี แม้มันจะยากลำบาก แต่เขาไม่เคยยอมแพ้และทำงานอย่างหนักเสมอ

นอกเหนือจากความยากลำบาก ซื่อจงยังต้องลงทุนด้วยทรัพยากรทั้งหมดของตนเองเพื่อหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่ง

“ความล้มเหลวแปดสิบเก้าครั้งทำให้ข้าเหลือมนุษย์ไม่เพียงพอ” ซื่อจงรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองและตรวจสอบคลังทรัพยากรของเขา เขาตระหนักว่ามนุษย์ที่เป็นวัสดุในการหลอมรวมเหลือไม่พอที่จะหลอมรวมวิญญาณครั้งต่อไป

ซื่อจงเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะแต่เขากลับใช้มนุษย์ในการหลอมรวมวิญญาณ กล่าวได้ว่าการกระทำของเขาไม่ต่างจากปีศาจที่ชั่วร้าย

แต่ตราบเท่าที่เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและไม่ทิ้งหลักฐานใดๆเอาไว้เบื้องหลัง เขาจะไม่พบปัญหา

ซื่อจงระวังตัวมาก เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดพบเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำของเขา ทาสมนุษย์เหล่านี้ล้วนมาจากสวรรค์สีเหลือง นี่เป็นการซื้อขายทาสที่ปลอดภัย

“ข้าใช้มนุษย์แทนน้ำจากทะเลสาบแห่งชีวิตและมือของมนุษย์คนแรก แต่มันยังไม่พอ ข้าต้องเพิ่มวิญญาณอายุยืนหรือไม่?”

ซื่อจงพิจารณา

เขามีวิญญาณอายุยืนอยู่ในมือแต่เขาไม่กล้าใช้มัน

“ตำนานกล่าวว่าแม้วิญญาณสติปัญญาจะไม่เสียสละตนเองเหมือนวิญญาณความโง่เขลาแต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งในการหลอมรวมวิญญาณ ข้าไม่มีวิญญาณสติปัญญา แต่ขาสามารถใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาดวงอื่นแทนที่มัน”

วิญญาณความกังวล วิญญาณความยากลำบาก วิญญาณความโศกเศร้า ซื่อจงมีวิญญาณระดับมนุษย์เหล่านี้ทั้งหมด พวกมันหาได้ไม่ยาก

เขาสามารถหลอมรวมวิญญาณความโง่เขลาขึ้นมาได้ด้วยตนเอง

“อย่างไรก็ตามหลังจากนี้เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณจะสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ” หลังจากอาการบาดเจ็บได้รับการรักษา ซื่อจงถ่มน้ำลายเลือดลงบนพื้น

เลือดของเขายังกลายเป็นอัญมณีเช่นเดิม

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท