ปัจจุบันวิญญาณกาลเวลาถูกผนึกไว้ในร่างผีดิบอมตะของฟางหยวน
ตอนนี้มันฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้วและพร้อมใช้งานได้ทันที
วิญญาณกาลเวลามีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ มันถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจบัวแดงและเป็นวิญญาณหลักของเขา
พลังอำนาจของมันคือการส่งผู้ใช้งานกลับไปในอดีตผ่านสายธารแห่งกาลเวลาด้วยการเสียสละร่างกายภาพเพื่อเป็นเชื้อเพลิง
ความสามารถของวิญญาณกาลเวลาน่าอัศจรรย์แต่มันยังมีข้อบกพร่อง
วิญญาณกาลเวลาจะดึงดูดโชคร้ายเข้ามาหาผู้ใช้งาน
ฟางหยวนมองวิญญาณกาลเวลาด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
มันอยู่กับเขาตั้งแต่ชีวิตแรก โดยปราศจากวิญญาณกาลเวลา เขาจะมาไม่ถึงจุดนี้
หากถามว่าวิญญาณดวงใดสำคัญมากที่สุดสำหรับผู้อมตะ คำตอบของคำถามนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทุกคนมีคำตอบของตัวเอง แต่สำหรับฟางหยวน คำตอบของเขาคือวิญญาณกาลเวลา
ลืมอดีตของเขาไปก่อน มองเพียงชีวิตปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์บนภูเขาชิงเหมา แดนศักดิ์สิทธิ์สามกษัตริย์ หรือภูเขาอี้เทียน วิญญาณกาลเวลาก็สามารถแสดงคุณค่าของมันออกมาได้เสมอ มันทำให้ฟางหยวนสามารถพลิกสถานการณ์และหลบหนีจากอันตราย
แต่หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนสูญเสียวิญญาณกาลเวลา แม้เขาจะได้รับวิญญาณกาลเวลากลับคืนมาในภายหลัง แต่มันเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์และไม่สามารถใช้งานได้
ฟางหยวนแยกทางกับเจตจำนงสวรรค์และกลายเป็นศัตรูของมัน เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถใช้งานวิญญาณกาลเวลาได้อีกต่อไป
หากเขาต้องการใช้วิญญาณกาลเวลาอีกครั้ง เขาต้องกำจัดเจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายในออกไป มิฉะนั้นแม้เขาจะพยายามกำเนิดใหม่ เจตจำนงสวรรค์ก็จะฆ่าเขาระหว่างกระบวนการนั้น
“ให้ข้าดูว่าท่าไม้ตายนี้จะทำสิ่งใดได้บ้าง?” ฟางหยวนพึมพำ
ท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์!
แสงสีเทาขาวส่องประกายขึ้นบนร่างของฟางหยวน
จากนั้นเขาใช้มือที่ปกคลุมไปด้วยแสงสีเทาขาวสัมผัสร่างผีดิบอมตะ
แสงสีเทาขาวราวกับสายน้ำที่ไหลเข้าปกคลุมร่างผีดิบอมตะเอาไว้ทั้งหมด
หลังจากชั่วครู่มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางขึ้น
ดวงตาหลายดวงปรากฏขึ้นในแสงสีเทาขาว
มันเป็นดวงตาหลากหลายสีสันที่แตกต่างกัน
พวกมันปรากฏขึ้นทั่วร่างผีดิบอมตะ เมื่อพวกมันกระพริบตา สีของพวกมันจะเปลี่ยนไปทุกครั้ง
ต่อมาดวงตาเหล่านี้ก็กระจายเข้าไปถึงทะเลวิญญาณ
ในที่สุดบนพื้นผิวของวิญญาณกาลเวลาก็ถูกปกคลุมไปด้วยดวงตาขนาดเล็กหลายดวง
ดวงตาเหล่านั้นกระพริบตาอย่างต่อเนื่อง ทุกการกระพริบตาคือการโจมตีเจตจำนงสวรรค์
วิญญาณกาลเวลาเริ่มสั่นไหว
ดวงตาหลากสีปรากฏขึ้นและถูกทำลายลง แต่ฟางหยวนยังสร้างดวงตาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
วิญญาณกาลเวลาสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง
หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนก็พบว่าผิวของวิญญาณกาลเวลาเกิดรอยแตกร้าวเล็กน้อย
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขารีบหยุดใช้ท่าไม้ตายทันที
ร่างของเขาสั่นราวกับถูกฟ้าผ่า การหยุดใช้ท่าไม้ตายอย่างกะทันหันทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
แต่มันเป็นอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆเท่านั้น มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับความปลอดภัยของวิญญาณกาลเวลา
ฟางหยวนเพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บของตน เขาเร่งตรวจสอบวิญญาณกาลเวลา
รอยแตกร้าวบนร่างวิญญาณกาลเวลาเล็กมาก แต่ฟางหยวนเป็นคนระมัดระวัง ทันทีที่มันเริ่มเกิดขึ้น เขาก็สังเกตเห็นและหยุดกระบวนการทั้งหมดทันที
รอยแตกร้าวหมายความว่าวิญญาณกาลเวลาได้รับบาดเจ็บ
วิญญาณเปราะบางมาก ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณอมตะระดับหก ระดับเจ็ด ระดับแปด หรือระดับเก้า กระทั่งวิญญาณกาลเวลาที่เป็นวิญญาณหลักของเทพปีศาจบัวแดงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
หลังจากตรวจสอบ ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งขรึม
“เจตจำนงสวรรค์…” ฟางหยวนกัดฟันแน่น
อาการบาดเจ็บของวิญญาณกาลเวลาไม่รุนแรงเพราะฟางหยวนค้นพบมันอย่างรวดเร็ว อาการบาดเจ็บระดับนี้สามารถรักษาได้อย่างง่ายดาย
แต่เขาไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายสลายเจตจำนงสวรรค์ได้อีก
หากทำต่อ วิญญาณกาลเวลาจะถูกทำลาย
เจตจำนงสวรรค์ส่งอิทธิพลต่อวิญญาณกาลเวลามากกว่าการคาดเดาของฟางหยวน
ฟางหยวนคิดและพบวิธีแก้ปัญหาสองทาง
หนึ่งคือพัฒนาท่าไม้ตายอมตะต่อไปจนกว่ามันจะสามารถสลายเจตจำนงสวรรค์ได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อวิญญาณกาลเวลา
สองคือใช้วิธีหลอมรวมย้อนกลับของนิกายเงา ระหว่างกระบวนการนี้เจตจำนงสวรรค์จะถูกกำจัดออกไป
แต่ทั้งสองวิธีมีข้อบกพร่อง
เขาพัฒนาท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์จนเข้าใกล้ขีดจำกัดของตนเองแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนามันต่อไป แต่เขาต้องใช้เวลา ความพยายาม และทรัพยากรอีกมาก
สำหรับวิธีการหลอมรวมย้อนกลับของนิกายเงา มันเป็นเพียงแนวคิดและยากที่จะดำเนินการในโลกของความเป็นจริง
เจตจำนงสวรรค์ส่งอิทธิพลต่อวิญญาณกาลเวลาเป็นอย่างมาก อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
‘ดูเหมือนข้าต้องรวมทั้งสองวิธีเข้าด้วยกัน นั่นจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด’ ฟางหยวนตัดสินใจ
ฟางหยวนไปหาวิญญาณสติปัญญาทันที
“ข้าต้องพึ่งพาเจ้าอีกครั้ง”
วิญญาณสติปัญญาบินไปรอบๆฟางหยวนก่อนจะปลดปล่อยแสงแห่งปัญญาออกมา
ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาและสร้างคลื่นความคิดจำนวนมหาศาลขึ้นอย่างรวดเร็ว
หน้าผากของเขาปกคลุมไปด้วยเหงื่อ คิ้วของเขาขมวดแน่น เห็นได้ชัดว่ามีความยากลำบากในการอนุมาน
สิบห้านาที สามสิบนาที…หลังจากสองชั่วโมงฟางหยวนก็หยุดอนุมาน
เขาถอนหายใจออกมาขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว
เขาทุ่มเททุกสิ่งในการอนุมาน นั่นทำให้เขารู้สึกปวดหัวมาก
หลังจากพักผ่อนและฟื้นตัวขึ้น ฟางหยวนใช้แสงแห่งปัญญาในการอนุมานอีกครั้ง
การอนุมานครั้งนี้ยากมาก มันเกินกว่าความสามารถในปัจจุบันของเขา
แต่ฟางหยวนเป็นคนแน่วแน่ เขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้
เขาหยุดบ่มเพาะจิตวิญญาณและฝึกฝนท่าไม้ตายชั่วคราวเพื่อทุ่มเวลาและพลังงานทั้งหมดให้กับการอนุมานครั้งนี้
อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าของเขายังช้ามาก
แต่ฟางหยวนมีความอดทน
‘ตราบใดที่ยังมีความก้าวหน้า แม้จะใช้เวลาหลายวัน หลายสิบวัน หรือนับเดือน ข้าก็จะทำ’
ด้วยความมุ่งมั่นและความอุตสาหะดังกล่าว ฟางหยวนค่อยๆแก้ปัญหาของเขาต่อไป
ในช่วงเวลานี้ธุรกิจปลามังกรของเขาเริ่มมีความก้าวหน้าเช่นกัน
มิติช่องว่างจักรพรรดิ ทะเลเกล็ดมังกร
ปลามังกรจำนวนนับไม่ถ้วนว่ายอยู่ในทะเล
ปลามังกรเดียวดายมีร่างกายใหญ่โต พวกมันเหมือนยักษ์ในท้องทะเล
แต่พลังการต่อสู้ของปลามังกรอยู่ในระดับล่างสุด
หลังจากช่วงเวลาของการขยายพันธุ์ ในที่สุดปลามังกรชนิดพิเศษก็ปรากฏขึ้นในทะเลเกล็ดมังกร
ปลามังกรตัวนี้มีขนาดเล็กกว่าปลามังกรทั่วไป ขณะเดียวกันเกล็ดของมันก็ส่องแสงคล้ายโลหะทองแดง
‘ในที่สุดปลามังกรทองแดงก็ถือกำเนิดขึ้น’ ฟางหยวนตรวจสอบและรู้สึกพึงพอใจ
ปลามังกรไม่ใช่สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ พวกมันถูกสร้างขึ้นโดยผู้อมตะบนเส้นทางอาหาร
ฟางหยวนได้รับมรดกบนเส้นทางอาหารของผู้อมตะเผ่ามนุษย์อสูรมาจากนิกายเงา เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปลามังกร
หากเขาใช้วิธีที่อยู่ในมรดกนี้เพื่อผสมพันธุ์ มันจะให้กำเนิดปลามังกรสายพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงขึ้น
เช่นเดียวกับปลามังกรทองแดง มันเหนือกว่าปลามังกรทั่วไป
เมื่อพบว่าปลามังกรทองแดงถือกำเนิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ฟางหยวนจึงนำส่วนหนึ่งของพวกมันเข้าไปวางขายในสวรรค์สีเหลือง
‘หากข้าพึ่งเริ่มต้นธุรกิจปลามังกร ปลามังกรทองแดงจำนวนเล็กน้อยนี้จะไม่ได้รับความสนใจเลย’
‘แต่ก่อนหน้านี้ข้าเริ่มขายปลามังกรไปแล้วและถูกโจมตีกลับโดยโหยว่ชาน ขณะเดียวกันผู้อมตะทั่วไปก็เริ่มรู้จักธุรกิจของข้าแล้ว’
“ฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เขาไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่าปลามังกรทองแดงเหล่านี้จะสร้างความโกลาหลเพียงใดเมื่อพวกมันถูกนำเข้าสู่สวรรค์สีเหลือง
‘โอ้ โหยว่ชาน นี่คือไพ่ตายของข้า เจ้าจะจัดการมันอย่างไร?’ ฟางหยวนคิดด้วยความคาดหวัง