เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1475

ตอนที่ 1475

ซื่อจงหมกมุ่นอยู่กับสิ่งนี้เป็นเวลานาน เขาสามารถบอกได้ว่าอาการของเขาดีขึ้นจากการสังเกตก้อนเลือดเหล่านั้น

“แม้ข้าจะมีความก้าวหน้า แต่มันยังห่างไกลจากความสำเร็จ ขั้นตอนยังขาดไปสองสามขั้น ข้าต้องทำงานให้หนักขึ้น!” ซื่อจงมีประสบการณ์ในเรื่องนี้

เขาคำนวณและตระหนักว่าถึงเวลาให้อาหารวิญญาณของเขาอีกครั้ง

ซื่อจงรับสืบทอดมรดกมาจากครอบครัวของตนเอง เขามีวิญญาณอมตะหลายดวง นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูลซื่อรู้สึกอิจฉา น่าเสียดายที่การรับสืบทอดมรดกจากครอบครัวเป็นกฎที่ไม่สามารถทำลายได้

ซื่อจงครอบครองวิญญาณอมตะจำนวนมาก นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายและถูกกีดกันโดยผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูลซื่อ

เขาตรวจสอบคลังสมบัติของตนและรู้สึกปวดหัวมาก

“มันค่อนข้างลำบาก ข้าขาดอาหาร ข้าลืมไปว่าการหลอมรวมวิญญาณความมั่งคั่งทำให้ข้าขาดแคลนทรัพยากร ข้าขายอาหารบางส่วนออกไปก่อนหน้านี้”

“ตอนนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะรวบรวมอาหารเพิ่ม ข้าควรซื้อปลามังกรมาเป็นอาหารให้กับวิญญาณอมตะของข้าเป็นการชั่วคราว”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ซื่อจงก็ไม่ลังเลที่จะส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในสวรรค์สีเหลือง

‘ปลามังกร…’ เขามีเป้าหมายที่ชัดเจน เขาพบว่ามีผู้ขายหลายรายกำลังขายปลามังกรอยู่ในขณะนี้

ในฐานะผู้ซื้อ เขาต้องเปรียบเทียบสินค้าของผู้ขายเหล่านั้น

ธุรกิจปลามังกรไม่เหมือนธุรกิจวิญญาณปี มันขายได้ตลอดเวลาเนื่องจากปลามังกรสามารถผสมพันธุ์ได้ทุกฤดูกาล นี่ทำให้ตลาดปลามังกรคึกคักเสมอ

ซื่อจงไปที่ร้านของโหยว่ชานเป็นอันดับแรก

ทุกคนรู้ว่าโหยว่ชานเป็นผู้ขายปลามังกรอันดับหนึ่งของสวรรค์สีเหลือง

แต่นางยังมีสินค้าชนิดอื่นด้วย

ในอดีตหากซื่อจงต้องการซื้อปลามังกร เขาจะซื้อจากโหยว่ชานเพราะชื่อเสียงของนาง

หากทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย ครั้งนี้เขาก็จะซื้อปลามังกรจากนางเช่นกัน

อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นปลามังกรของโหยว่ชาน ซื่อจงยังไม่ได้ซื้อทันทีแต่มองไปรอบๆ

ในไม่ช้าเขาก็เห็นร้านของฟางหยวน

“หือ? มีคนขายปลามังกรอยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ? เขามีสินค้าค่อนข้างมาก” ซื่อจงรู้สึกประหลาดใจ

เขาตรวจสอบและพบว่าปลามังกรของฟางหยวนมีคุณภาพสูงเทียบเท่ากับปลามังกรของโหยว่ชาน

“ร้านนี้ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากกว่า” ซื่อจงเห็นเจตจำนงและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะจำนวนมากอยู่ที่ร้านของฟางหยวน

“ผู้ใดจะคิดว่าหลังจากปิดประตูบ่มเพาะมานาน ธุรกิจปลามังกรในสวรรค์สีเหลืองจะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งรายใหม่เกิดขึ้น” ผู้อมตะบางคนกล่าว

“สหาย ท่านมาที่นี่เพื่อซื้อปลามังกรงั้นหรือ? เหตุใดเราไม่ซื้อด้วยกัน? มันจะถูกกว่า” ผู้อมตะคนเดิมแนะนำ

“โอ้ เกิดสิ่งใดขึ้น?” ซื่อจงถาม

ผู้อมตะผู้นั้นอธิบาย “ท่านไม่รู้งั้นหรือ? คนขายปลามังกรร้านนี้มีกฎเกณฑ์ที่แตกต่าง ตราบเท่าที่เราซื้อในปริมาณที่กำหนด ราคาจะลดลง มีหลายระดับราคา แต่ประเด็นคือยิ่งซื้อมากก็ยิ่งถูก”

ซื่อจงได้ยินเรื่องนี้และลอบยกย่องอยู่ในใจ ‘เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม!’

ต่อมา เขานึกถึงตัวเอง ‘บางทีข้าอาจใช้วิธีนี้ในการทำธุรกิจในอนาคต’

ซื่อจงพิจารณาและรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ฉลาด

แม้ราคาจะลดลงแต่ด้วยปริมาณที่มากขึ้น กำไรจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน หากเปรียบเทียบกับสงครามราคาของธุรกิจวิญญาณปี นี่เป็นวิธีที่ฉลาดและลึกซึ้งมากกว่า

‘วิธีนี้ไม่เพียงทำให้ยอดขายปลามังกรเพิ่มขึ้น แต่มันยังสามารถเพิ่มชื่อเสียง หากบางคนต้องการซื้อปลามังกรจำนวนมากเพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง พวกเขาจะชวนสหายหรือกระทั่งคนแปลกหน้ามาซื้อพร้อมกัน มันเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเผยแพร่ข่าวสารสำหรับผู้ขาย’

ซื่อจงคิดเกี่ยวกับมันและรู้สึกว่าคนขายปลามังกรมีความคิดที่น่าทึ่งมาก

‘ไม่แปลกใจเลยที่ร้านของเขามีลูกค้ามากมายเมื่อเปรียบเทียบกับร้ายของผู้ขายอันดับหนึ่ง’

‘ฮ่าฮ่า ผู้ขายอาจปลอมตัวมาที่นี่เพื่อสร้างสถานการณ์นี้ด้วยตัวเขาเอง’

ซื่อจงรู้สึกสนใจผู้ขายรายนี้ทันที

‘ลืมมันไปซะ ข้าจะซื้อสินค้าของที่นี่ หลังจากทั้งหมดราคาของมันถูกกว่า’ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซื่อจงก็ตัดสินใจร่วมงานกับผู้อมตะที่ไม่รู้จักทันที

ทั้งสองมีความสุขมาก หลังจากเจรจา พวกเขาก็ซื้อปลามังกรรวมกันถึงแสนตัว

หลังจากซื้อสินค้า พวกเขาก็แบ่งสินค้ากันในสวรรค์สีเหลือง

ซื่อจงต้องการให้อาหารวิญญาณอมตะ ขณะที่ผู้อมตะอีกคนออกจากสวรรค์สีเหลืองทันที

ความจริงก็คือซื่อจงเดาถูก ผู้อมตะที่ซื้อสินค้าร่วมกับเขาคือตัวแทนของฟางหยวน เขาไม่ใช่ฟางหยวนแต่เป็นหนึ่งในสมาชิกนิกายเงา

แม้ผู้คนจะสามารถคาดเดา แต่พวกเขาจะพิสูจน์อย่างไร?

ไม่มีทางเป็นไปได้

ในความเป็นจริงนี่ไม่ใช่วิธีที่ฟางหยวนคิดค้นขึ้นด้วยตนเอง

ซื่อจงหมกมุ่นอยู่กับการหลอมรวมวิญญาณและไม่ได้สนใจสวรรค์สีเหลืองมากนัก วิธีการนี้ถูกใช้มานานแล้ว

ความแปลกใหม่ของแนวคิดไม่ใช่สิ่งสำคัญ มีเพียงผลลัพธ์เท่านั้นที่สำคัญ

ฟางหยวนประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำเช่นนี้

หลายวันที่ผ่านมาเขาเพิ่มปริมาณสินค้าที่วางขายในสวรรค์สีเหลือง ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจมันมากขึ้น

ปริมาณสินค้าแสดงถึงความสามารถของเขา ผู้ซื้อจะซื้อสินค้าจากผู้ขายที่น่าเชื่อถือ

ในทางกลับกันฟางหยวนใช้วิธีการที่เหมาะสมในการขาย ด้วยวิธีนี้ชื่อเสียงของเขาจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แรกเริ่มมีไม่กี่คนที่ซื้อสินค้าของเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็มีลูกค้ามากขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในฐานะที่เป็นผู้ขายอันดับหนึ่งในธุรกิจปลามังกร โหยว่ชานแห่งทะเลตะวันออกยังขายปลามังกรของนางอย่างสงบโดยไม่สร้างความโกลาหลใดๆ

‘การนิ่งเฉยเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในระยะสั้นวิธีการของข้ายังไม่สามารถคุกคามนาง หากนางพยายามต่อสู้ กำไรของนางจะลดลง’ ฟางหยวนคิด

โหยว่ชานสงบนิ่งในสถานการณ์นี้

‘แต่อีกไม่นานนางจะเริ่มกังวล ฮ่าฮ่า’ ฟางหยวนมั่นใจมาก

หลังจากดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมา ฟางหยวนไปที่ห้องหลอมรวมวิญญาณเพื่อพบผมที่หก

ใบหน้าของผมที่หกซีดขาวขณะหลอมรวมวิญญาณให้ฟางหยวน

ตอนนี้เขามาถึงขั้นตอนสุดท้ายในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์อีกครั้ง

มันเป็นเวลาที่ฟางหยวนต้องลงมือทำด้วยตนเอง

แสงสีขาวส่องประกายขึ้นรอบตัวฟางหยวน

“เราจะเริ่มต้นเดี๋ยวนี้” ฟางหยวนสงบจิตใจและกล่าวกับผมที่หก

หลังจากนับถอยหลัง ผมที่หกก็หยุดการทำงานของค่ายกลวิญญาณ

ฟางหยวนเข้าแทนที่ทันที

ความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในใจของเขา เขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาก่อนจะควบแน่นแสงสีขาวให้กลายเป็นวงแหวนขนาดใหญ่

ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม วงแหวนแสงสวรรค์

การหมุนครั้งแรก

ฟางหยวนเริ่มหมุนวงแหวนแสงสีทองอย่างช้าๆ

การหมุนครั้งนี้ประสบความสำเร็จ

ในการหมุนครั้งที่สอง ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นและมองไปที่วงแหวนแสง มันหมุนเร็วกว่ารอบแรก

หลังจากหลายนาที การหมุนครั้งที่สองก็สำเร็จ

ในการหมุนครั้งที่สาม ฟางหยวนใช้ลมหายใจขยับวงแหวนแสง หลังจากชั่วครู่เขาก็ทำสำเร็จ

การหมุนครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า และครั้งที่หกประสบความสำเร็จเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ถึงการหมุนครั้งที่เจ็ด

‘ดูเหมือนท่านผู้นำจะพยายามอย่างมากหลังจากการล้มเหลวครั้งนั้น’ ผมที่หกมองจากด้านข้างด้วยความกังวล

การหมุนครั้งที่เจ็ด

ฟางหยวนกัดฟันแน่นและพยายามหมุนวงแหวนแสงสีทองอย่างดีที่สุด

ตอนนี้วงแหวนแสงหดตัวลงมามีขนาดเท่าอ่างน้ำลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาแล้ว

“บึม!”

ด้วยเสียงอันแผ่วเบา วงแหวนแสงหดตัวลงเป็นจุดเล็กๆ

วิญญาณความลับสวรรค์ระดับเจ็ด!

“ข้าทำสำเร็จจริงๆ!” กระทั่งฟางหยวนยังแปลกใจ

เขาล้มเหลวในการหลอมรวมครั้งแรก แต่เขากลับประสบความสำเร็จในการทดลองครั้งที่สอง

หลังจากประหลาดใจ ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขมาก

“อาจเป็นเพราะวิธีการแห่งโชคทำให้ข้าโชคดีมาก”

ฟางหยวนหยิบวิญญาณอมตะความลับสวรรค์มาดู

มันดูเหมือนกิ่งไม้ที่มีความยาวเท่ากับครึ่งหนึ่งของต้นแขนมนุษย์และมีปีกเหมือนแมลงปอ

ฟางหยวนสังเกตมันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ “ในที่สุดข้าก็ได้รับวิญญาณอมตะความลับสวรรค์”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท