เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1481

ตอนที่ 1481

ร่างแยกของฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติและกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ขณะที่ร่างหลักของเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง

การมีร่างแยกจะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อฟางหยวนอย่างแน่นอน

ตัวอย่างเช่นฟางหยวนอาจปล่อยให้ร่างแยกจัดการดูแลมิติช่องว่างจักรพรรดิแทนเขา

ตัวเขาเองย่อมมีประโยชน์และเชื่อถือได้มากกว่าสมาชิกนิกายเงาอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากทั้งหมดพวกเขาเป็นคนๆเดียวกันตั้งแต่เริ่มต้น ความคิดและเจตจำนงของพวกเขาเหมือนกันทั้งหมด มันจะไม่เกิดความขัดแย้งใดๆ เมื่อพวกเขาสื่อสารกัน จะไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย

เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของนิกายเงา มันไม่ยากที่จะจินตนาการถึงประโยชน์ของร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

สมาชิกของนิกายเงาไม่กลัวการเสียสละ นั่นเป็นเพราะพวกเขาคือคนๆเดียวกันตั้งแต่แรก

ฟางหยวนจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อทำให้ร่างเดิมของเขากลายเป็นผู้อมตะระดับหก

อันดับแรกการอนุมานต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก การหลอมรวมคู่ขนานวิญญาณกาลเวลายังใช้ทรัพยากรอมตะจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อมันประสบความสำเร็จ ฟางหยวนยังต้องฝึกฝน แม้นั่นจะไม่สำคัญนักแต่มันยังใช้เงินทุน

ด้วยการแยกวิญญาณ รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนจึงร่วงหล่นลง

ฟางหยวนต้องรวบรวมรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณอีกครั้ง

ร่างแยกของฟางหยวนเป็นกึ่งปีศาจต่างโลก เนื่องจากร่างกายของเขามีต้นกำเนิดจากโลกใบนี้ มันถูกจำกัดโดยโชคชะตา ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากนัก

เว้นเพียงเขาจะเลียนแบบนิกายเงาและหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะขึ้นมาอีกครั้ง แต่นิกายเงาใช้เวลาหนึ่งแสนปีเพื่อหลอมรวมสิ่งนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสร้างวิญญาณทารกอมตะขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง

วันต่อมาร่างหลักของฟางหยวนสามารถพักผ่อนขณะที่ร่างแยกของเขาใช้ค่ายกลวิญญาณชำระล้างตัวเองเพื่อกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่พึงประสงค์ออกไป

เดิมทีฟางหยวนก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง หลังจากกลายเป็นผีดิบอมตะและมิติช่องว่างแตกสลาย ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ถูกทิ้งไว้ย้ายไปอยู่บนร่างกายของเขา

ฟางหยวนตัดสินใจกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งทั้งหมดออกไป

ร่างแยกของเขาไม่เหมือนร่างทารกอมตะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกันจะเกิดการต่อต้านกัน หลังจากพิจารณาอย่างรอบอคอบ ฟางหยวนต้องการให้ร่างแยกบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอย่างเต็มที่

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเคยคิดที่จะบ่มเพาะบนเส้นทางสองสายคือความแข็งแกร่งและกาลเวลา

แต่ตอนนี้เขามีร่างทารกอมตะและสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง ขณะที่ร่างแยกเป็นเพียงส่วนสนับสนุนเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้แผนการสร้างมิติช่องว่างที่สองจึงถูกยกเลิกไปเช่นกัน

มิติช่องว่างสองช่องไม่มีประโยชน์สำหรับฟางหยวนในเวลานี้

แทนที่จะพัฒนามิติช่องว่างเหล่านั้น เขาเลือกที่จะทุ่มเทความพยายามทั้งหมดกับมิติช่องว่างจักรพรรดิ

‘บางทีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการมีมิติช่องว่างที่สองก็คือการครอบครองวิญญาณหลักดวงที่สอง’ ฟางหยวนคิด

ข้อดีของวิญญาณหลักก็คือมันจะไม่ถูกทำลายหากการหลอมรวมล้มเหลว

ชีวิตของวิญญาณหลักเชื่อมโยงกับชีวิตของผู้อมตะ

หากผู้อมตะตาย วิญญาณหลักของพวกเขาจะตายไปพร้อมกัน

ปัจจุบันฟางหยวนไม่มีความจำเป็นที่จะใช้ข้อได้เปรียบของวิญญาณหลัก

ท่ามกลางวิญญาณทั้งหมด วิญญาณกาลเวลาเป็นวิญญาณหลักเพียงดวงเดียวของเขา

ด้ายการคงอยู่ของร่างแยก มันจะรับประกันชีวิตของวิญญาณกาลเวลา วิญญาณดวงนี้จะไม่ถูกทำลายหากการยกระดับล้มเหลวในอนาคต

“ตื่นแล้วงั้นหรือ?” ฟางหยวนมองผมที่หก

ผมที่หกเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ เขายังรู้สึกอ่อนเพลีย หลังจากเห็นฟางหยวน เขาเร่งถาม “ท่านผู้นำ การหลอมรวมประสบความสำเร็จหรือไม่?”

“แน่นอน” ฟางหยวนพยักหน้า

“ยอดเยี่ยม” ผมที่หกยิ้มและกล่าว “นั่นหมายความว่าการหลอมรวมวิญญาณรอบที่สองของพวกเราสมบูรณ์แบบแล้ว”

การหลอมรวมรอบแรกของฟางหยวนคือการหลอมรวมวิญญาณล้างใจ วิญญาณรักตัวเอง และวิญญาณอาหารว่าง การหลอมรวมรอบที่สองคือการหลอมรวมวิญญาณความลับสวรรค์ และวิญญาณกาลเวลา

ฟางหยวนจ่ายราคามหาศาลเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะเหล่านี้ โดยรวมถือว่าโชคของเขาดีมาก บางคนหลอมรวมมากกว่าร้อยครั้งก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

แน่นอนว่าวิธีการบนเส้นทางแห่งโชคช่วยฟางหยวนได้มาก ในทางกลับกันนิกายหลางหยาก็มีบทบาทสำคัญ หากไม่ใช่เพราะจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและผมที่หกช่วยหลอมรวมพวกมัน ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอมตะเหล่านี้มาโดยง่ายได้อย่างไร

“รอยสักรูปอสรพิษสีแดงบนร่างของเจ้าคือสิ่งใด?” ฟางหยวนถาม

“นี่…มันไม่ใช่สิ่งใด” ผมที่หกกระพริบตา

“ขณะที่เจ้าหมดสติ ข้าตรวจสอบมันแล้ว ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้ดูเหมือนจะใช้พลังชีวิตของเจ้าเป็นเชื่อเพลิงเพื่อเพิ่มความสามารถบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมให้เจ้า หากข้าจำไม่ผิด เมื่อรอยสักรูปอสรพิษแดงเคลื่อนที่ไปถึงศีรษะ เจ้าจะตาย” ฟางหยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ผมที่หกเงียบไปชั่วขณะก่อนจะเปิดปากกล่าว “ท่านผู้นำกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ชีวิตของข้าไม่สำคัญ ข้าเพียงหวังว่าท่านจะสามารถบุกวังสวรรค์และช่วยร่างหลักของข้า”

“วังสวรรค์…” ฟางหยวนถอนหายใจและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ผมที่หกกล่าวเสริม “ท่านผู้นำอย่าได้ท้อแท้ ศัตรูแข็งแกร่ง แต่ท่านได้รับวิญญาณกาลเวลาแล้ว หลังจากนี้ท่านจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง มรดกของเขาน่าจะมีวิธีกเอาชนะวังสวรรค์ หลังจากทั้งหมดเขาเป็นเมล็ดพันธุ์ที่วังสวรรค์เคยเลือกไว้”

ฟางหยวนพยักหน้า เขาเข้าใจความหมายของผมที่หก มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะหยุดวังสวรรค์จากการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมภายในเวลาสิบปี แต่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย

เนื่องจากวิญญาณกาลเวลากลายเป็นของฟางหยวนโดยสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปในแผนการของเขาก็คือการค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

แต่ฟางหยวนส่ายศีรษะ “ข้ายังไม่รีบร้อนค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง วังสวรรค์จะไม่อนุญาตให้ข้าได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงโดยง่าย พวกเขาต้องวางกับดักไว้ในสายธารแห่งกาลเวลา ตอนนี้ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งเป็นอันดับแรก”

แม้วังสวรรค์จะไม่พบฟางหยวน แต่พวกเขารู้ว่าวันหนึ่งฟางหยวนจะไปที่สายธารแห่งกาลเวลาเพื่อตามหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง

โดยไม่จำเป็นต้องคิดมาก วังสวรรค์ต้องซุ่มโจมตีเขาอย่างแน่นอน

เขาต้องมีพลังการต่อสู้มากพอที่จะต่อต้านการซุ่มโจมตีของวังสวรรค์

“บอกข้าทุกสิ่งเกี่ยวกับท่าไม้ตายอสรพิษแดงของเจ้า ข้าจะช่วยแก้ปัญหาให้เจ้า”

“ผมที่หก อย่าเสียสละตัวเองโดยไม่จำเป็น ในอนาคตข้าต้องการให้เจ้าควบคุมนิกายหยางหลา”

หัวใจของผมที่หกเต้นแรง เขามีความคิดแบบเดียวกัน แม้เขาจะไม่สามารถแก้ปัญหา แต่มันไม่ได้หมายความว่าฟางหยวนไม่สามารถ

โดยเฉพาะเมื่อเขามีแสงแห่งปัญญา

หลังจากเก็บร่างแยกไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาพร้อมผมที่หก

พวกเขาอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ดังนั้นฟางหยวนกับผมที่หกจึงไม่สามารถพูดคุยและทำได้เพียงแยกย้ายกันไปเท่านั้น

ฟางหยวนไม่ได้กลับไปที่เมืองเมฆาแต่ไปหาวิญญาณสติปัญญา

เขานำร่างแยกออกมา

ร่างแยกของเขาเป็นร่างที่มีชีวิต แน่นอนว่าวิญญาณสติปัญญาไม่ตอบสนอง

แต่ไม่นานหลังจากร่างแยกกลายเป็นผีดิบอมตะอีกครั้ง วิญญาณสติปัญญาก็บินไปรอบตัวเขาด้วยความไม่แน่ใจ

หัวใจของฟางหยวนเต้นแรง

หลังจากบินวนอยู่หลายรอบ มันก็ยังไม่ปล่อยแสงแห่งปัญญาออกมา

ร่างแยกของฟางหยวนกล่าว “โอ้ วิญญาณสติปัญญา ข้าทำข้อตกลงกับเจ้า แต่เจ้ากลับลืมข้อตกลงของเรางั้นหรือ?”

วิญญาณสติปัญญาลอยอยู่ด้านหน้าร่างแยกของฟางหยวนและกำลังประเมินเขา

หลังจากชั่วครู่มันก็บินกลับไปที่ต้นไม้และปล่อยแสงแห่งปัญญาออกมา

ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

วิญญาณสติปัญญาเกือบจะไม่ยอมรับตัวตนของฟางหยวน มันช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกกังวล

‘ข้ากลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาขณะที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งถูกลบออกไป นี่ทำให้วิญญาณสติปัญญาลังเลใจ’

‘ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ข้าก็ต้องระวังในอนาคต แม้ระดับการบ่มเพาะของร่างแยกจะหยุดนิ่ง ข้าก็จำเป็นต้องปล่อยมันไป ข้าไม่สามารถสูญเสียแสงแห่งปัญญา!’

การแสดงออกของฟางหยวนค่อนข้างมืดมน วิญญาณสติปัญญาในตำนานมนุษย์คนแรกฉลาดมาก มันสามารถหลอกลวงมนุษย์คนแรกได้หลายครั้ง แต่เหตุใดวิญญาณสติปัญญาดวงนี้ถึงโง่นัก มันไม่ได้แสดงความเฉลียวฉลาดในฐานะวิญญาณสติปัญญาออกมาแม้แต่น้อย

หรืออาจเป็นเพราะเรื่องราวในตำนานมีเบื้องหลังหรือเหตุผลอื่นซ่อนอยู่?

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท