เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1479

ตอนที่ 1479

มิติช่องว่างจักรพรรดิ ภาคใต้น้อย ภูเขาผนึกสวรรค์

มันเคยเป็นสถานที่ผนึกร่างผีดิบอมตะของฟางหยวน

ภูเขาลูกนี้ถูกเรียกว่าภูเขาผนึกสวรรค์เพราะมันหมายถึงการผนึกเจตจำนงสวรรค์

ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและมองลงไปที่ภูเขาผนึกสวรรค์โดยมีผมที่หกอยู่ข้างกาย

การอนุญาตให้ผมที่หกเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นสิ่งที่ฟางหยวนไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบแล้ว

โดยปกติมิติช่องว่างของผู้อมตะจะถูกเก็บไว้เป็นความลับเพราะมันเป็นรากฐานของพวกเขา

แต่ฟางหยวนอนุญาตให้สมาชิกนิกายเงาเข้ามาในมิติช่องว่างของเขาก่อนแล้ว ขณะที่ผมที่หกก็เป็นหนึ่งในสมาชิกนิกายเงา ดังนั้นฟางหยวนจึงมอบความไว้วางใจให้ผมที่หกเช่นกัน

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมที่หกช่วยฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณอมตะอย่างเต็มความสามารถ ฟางหยวนสามารถเห็นถึงความตั้งใจจริงของเขาและจดจำมันไว้

เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือผมที่หกและอิงอู๋เซี่ยสามารถติดต่อกัน พวกเขาเป็นสมาชิกนิกายเงาตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นทั้งสองจึงเข้าใจมิติช่องจักรพรรดิเป็นอย่างดี เมื่ออิงอู๋เซี่ยเคยเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะซ่อนสิ่งนี้จากผมที่หกอีก

“ข้าจะเริ่มหลมอรวมวิญญาณแล้ว” ฟางหยวนกล่าว

ผมที่หกพยักหน้า “ท่านผู้นำ ข้าจะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่”

การหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาในครั้งนี้มีความสำคัญมาก ฟางหยวนต้องการความช่วยเหลือจากผมที่หก

นอกจากนั้นฟางหยวนยังยืมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมมาจากนิกายหลางหยาเพื่อใช้พวกมันจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ

โดยการใช้ลูกพลัมแดงอมตะเป็นเชื้อเพลิง ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกกระตุ้นใช้งานในที่สุด

คลื่นแสงสีขาวอาบย้อมภูเขาผนึกสวรรค์เอาไว้ทั้งหมด

ครู่ต่อมาฟางหยวนก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมไว้

“บึม!”

เสาแสงสีทองขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าและทะลวงลึกลงไปยังจุดศูนย์กลางของภูเขาผนึกสวรรค์

เสาแสงสีทองปะทะร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนและกลืนกินมันเข้าไป

หลังจากนั้นฟางหยวนก็นำสัตว์อสูรเดียวดายที่มีชีวิตออกมา

“ฉับ!”

แสงดาบพุ่งตัดศีรษะของสัตว์อสูรเดียวดายออกทันที

“พรวด!”

เลือดจำนวนมากทะลักออกมาจากลำคอที่ปราศจากศีรษะของสัตว์อสูรเดียวดายราวกับน้ำพุสีแดง

กลิ่นคาวเลือดกระจายออกไปขณะที่เลือดของสัตว์อสูรเดียวดายถูกเสาแสงสีทองดูดกลืนเข้าไป

ในไม่ช้าซากศพของสัตว์อสูรเดียวดายก็แห้งเหี่ยวลงเมื่อเลือดของมันถูกดูดออกไปจนหมด

ปรากฏร่องรอยของแสงสีแดงเลือดอยู่ภายในเสาแสงสีทอง นั่นทำให้มันดูน่ากลัวและทรงพลังมากกว่าก่อนหน้า

ฆ่า ฆ่า ฆ่า…

ฟางหยวนฆ่าสัตว์อสูรเดียวดายเจ็ดตัวอย่างไร้ปรานี

เสาแสงสีทองดูดซับเลือดของสัตว์อสูรเข้าไปทั้งหมดและเปลี่ยนเป็นเสาแสงสีแดงเลือดอย่างสมบูรณ์

ผมที่หกพยักหน้า

เขาตระหนักว่าวิธีที่ฟางหยวนใช้คือท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดที่เรียกว่าเจ็ดสังหาร วิธีนี้มาจากนิกายหลางหยา ผมที่หกเคยได้ยินชื่อของมันแต่ไม่รู้รายละเอียด

ฟางหยวนวิเคราะห์ท่าไม้ตายนี้และนำแก่แท้ของมันมาปรับเปลี่ยนกระทั่งสามารถใช้ประโยชน์ได้ในครั้งนี้

แม้แต่ผมที่หกยังรู้สึกชื่นชม

ฟางหยวนควบคุมเสาแสงสีเลือดขณะที่ผมที่หกเริ่มเคลื่อนไหว

ผมที่หกมีงานใหญ่รออยู่

โดยไม่จำเป็นต้องรอสัญญาณจากฟางหยวน ผมที่หกรู้ว่าเขาต้องทำสิ่งใด

เขานำวัสดุในการหลอมรวมออกมา

มันเป็นดอกไม้หลากหลายชนิด มีดอกทานตะวันหน้าผี ดอกฝ้าย ดอกไม้สวรรค์ ดอกไม้เจ็ดสมบัติ ดอกชานม ดอกเปลือกหอยเหล็ก ดอกเรือใบ ดอกโลหิตพิษ ดอกไม้แสงหลากสี และอื่นๆ

ดอกไม้บางชนิดเป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ขณะที่บางชนิดเป็นทรัพยากรอมตะ

ผมที่หกเริ่มแปรรูปดอกไม้เหล่านี้

การจัดการวัสดุในการหลอมรวมต้องใช้ความรู้ที่กว้างขวาง

โชคดีที่ผมที่หกบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม เขามีประสบการณ์มากมาย ในฐานะร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ รากฐานของเขายิ่งล้ำลึกและสามารถจัดการดอกไม้เหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหา

หลายนาทีผ่านไป ผมที่หกแปรรูปดอกไม้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

แก่นแท้ของพวกมันถูกสกัดออกมาและหลอมรวมเป็นหนึ่ง

ฟางหยวนควบแน่นเสาแสงสีเลือดให้เล็กลง

“ของเหลวพร้อมแล้ว” ผมที่หกส่งน้ำดอกไม้ที่ดูราวกับฟองอากาศลอยเข้าไปหาฟางหยวน

ฟางหยวนคว้ามันเอาไว้

เขาสูดหายใจก่อนที่เมฆสีดำจะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

ฟางหยวนคำรามและโยนน้ำดอกไม้ขึ้นไปด้านบน

น้ำดอกไม้พุ่งเข้าสู่ก้อนเมฆสีดำและเปลี่ยนมันให้เป็นสีชมพู

สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมา

ฟางหยวนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม นิ้วของเขาขยับอย่างรวดเร็วจนสร้างเป็นภาพติดตา

ฝนสีชมพูผสานเข้ากับเสาแสงสีเลือดและหลอมรวมกับร่างผีดิบอมตะ

อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้

เสาแสงสีเลือดค่อยๆหดตัวลงและหายไปอย่างสมบูรณ์

ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งานอย่างเต็มที่

ด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ยกลระดับปรมาจารย์และแสงแห่งปัญญา เขาสามารถคิดค้นค่ายกลวิญญาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการหลอมรวมวิญญาณของเขา

ค่ายกลวิญญาณทำงานอย่างต่อเนื่องขณะที่ฟางหยวนนำท่อนไม้สีเหลืองอำพันที่มีลวดลายเหมือนก้อนเมฆออกมา

มันคือทรัพยากรอมตะไม้ศักดิ์สิทธิ์ลายเมฆสีทอง

ฟางหยวนส่งมันเข้าไปในค่ายกลวิญญาณราวกับเชื้อเพลิง

ไม้ศักดิ์สิทธิ์ลายเมฆสีทองแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไม้ก็ก่อตัวขึ้นบนร่างผีดิบอมตะ

ฟางหยวนสูดหายใจลึกและกล่าวกับผมที่หก “เข้าแทนที่ข้า”

หลังจากแปรรูปดอกไม้ ผมที่หกมีเวลาพักผ่อนเล็กน้อย กระทั่งเขาได้ยินคำสั่งของฟางหยวน เขาจึงเข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะ

ฟางหยวนนั่งลงพักผ่อน

แม้กระบวนการทั้งหมดจะราบรื่นมาก แต่ในความเป็นจริงทุกย่างก้าวราวกับการเหยียบลงบนชั้นน้ำแข็งบางๆ เขาใช้จ่ายพลังงานอมตะไปเป็นจำนวนมากขณะที่จิตใจของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล

แม้เขาจะมาถึงจุดนี้แต่เขาก็แทบไม่สามารถดำเนินการต่อ

มันอันตรายที่จะดำเนินการต่อไปในสภาพนี้ ดังนั้นฟางหยวนจึงเลือกที่จะพักผ่อนและปล่อยให้ผมที่หกเข้าแทนที่

หลังจากทั้งหมดการหลอมรวมวิญญาณอมตะไม่ใช่เรื่องง่าย โดยปกติผู้อมตะจะไม่สามารถเข้าแทนที่ในการหลอมรวมวิญญาณของอีกคนได้โดยง่าย

เนื่องจากแต่ละคนมีแก่นแท้และกลิ่นอายที่แตกต่างกัน มันจะเกิดความขัดแย้งและข้อบกพร่องมากมายในการหลอมรวมวิญญาณ

แต่ฟางหยวนอนุมานมาอย่างชัดเจนแล้ว เขาออกแบบทุกขั้นตอนมาอย่างพิถีพิถันและจะไม่พบปัญหาดังกล่าว

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท