เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1488

ตอนที่ 1488

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1488 อาชญากรรมถูกเปิดเผย

แปลโดย iPAT

หลายวันต่อมา

ผู้อมตะผู้หนึ่งบินอยู่เหนือทะเลกระเรียนขาว

ชายผู้นี้อยู่ในชุดสีเขียวและมีหน้าตาอ่อนเยาว์ จมูกของเขาแหลม ใบหน้ากว้าง ดวงตาเปล่งประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า

กลิ่นอายระดับเจ็ดเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขา ชื่อของเขาคือฉิงเย่จื่อเฉิง เขามีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่และเป็นสมาชิกของกองกำลังใหญ่แห่งทะเลตะวันออก ตระกูลฉิงเย่ เขาเป็นทายาททางสายเลือดของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ฉิงเย่อัน

“นี่คือ?” เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งของทะเลกระเรียนขาว การแสดงออกของฉิงเย่จื่อเฉิงก็เปลี่ยนแปลงไป

เขาชอบฉินไป่อี้ แม้เขาจะรู้ว่านางชอบผู้หญิง แต่เขายังสามารถยอมรับได้

แม้เขาจะยอมรับฉินไป่อี้แต่ฉินไป่อี้ไม่ยอมรับเขา

มันเป็นความรักข้างเดียวอย่างสมบูรณ์ ฉินเย่จื่อเฉิงถูกปฏิเสธตั้งแต่เริ่มต้น แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ เขาพยายามมาสิบปีแล้ว

แม้ฉินไป่อี้จะไม่ชอบเขา แต่นางก็ไม่ต้องการสร้างความขุ่นเคืองให้แก่ตระกูลฉิงเย่ ดังนั้นนางจึงตอบจดหมายของฉิงเย่จื่อเฉิงเสมอแม้จะเป็นลักษณะครึ่งๆกลางๆก็ตาม

ฉิงเย่จื่อเฉิงจะเขียนจดหมายบอกรักนางเป็นระยะ แต่ฉินไป่อี้จะตอบเพียงคำเดียวคืออ่านแล้วหรืออืม

ฉิงเย่จื่อเฉิงพอใจกับการได้อ่านคำว่า อ่านแล้ว หรือ อืม ของฉินไป่อี้ เขาจะยิ้มไปสามวันเจ็ดวันหลังจากได้รับจดหมายตอบกลับ

มนุษย์ไม่ได้ไร้ความรู้สึก กระทั่งผู้อมตะก็ยังมีความต้องการทางเพศและรู้สึกรักใคร่ผู้อื่น

แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขาไม่ได้รับจดหมายตอบกลับจากนาง

ฉิงเย่จื่อเฉิงพยายามติดต่อนางแต่มันล้มเหลวทั้งหมด

เขารู้สึกไม่สบายใจและไม่สามารถอดทนรอคอยได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินทางมายังทะเลกระเรียนขาว

เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป คิ้วของฉิงเย่จื่อเฉิงขมวดแน่นทันที

ในอดีตทะเลกระเรียนขาวเป็นสถานที่เงียบสงบและมีนกกระเรียนขาวอาศัยอยู่มากมาย แต่ตอนนี้มันกลับไม่เหลือสิ่งใด

“เทพธิดาไป่อี้ เจ้าอยู่ที่ใด?” ฉิงเย่จื่อเฉิงรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเร่งดำลงไปในทะเล

เขาเคยมาที่นี่หลายครั้ง แม้ฉินไป่อี้จะไม่ต้อนรับเขา แต่เขามักจะหาเหตุผลมากมายเพื่อมาพบนางเสมอ

ครั้งนี้หลังจากลงไปใต้ทะเล ภาพที่เขาเห็นกลับแตกต่างไปจากภาพที่อยู่ในใจของเขาเป็นอย่างมาก

รอยแยกใต้สมุทรและซากปรักหักพังทำให้หัวใจของฉิงเย่จื่อเฉิงจมดิ่งลง “ไม่ ที่นี่ถูกปล้น!”

หลังจากตรวจสอบ ฉิงเย่จื่อเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ

“ผู้ใดช่างกล้าหาญนัก!”

“พวกเขากล้าปล้นทะเลกระเรียนขาวของเทพธิดาไป่อี้ ทรัพยากรถูกปล้นชิงไปทั้งหมด!”

“เทพธิดาไป่อี้ เจ้าต้องปลอดภัย!”

ฉิงเย่จื่อเฉิงคิดถึงคนที่เขารักและรู้สึกหวาดกลัวมาก

เขามองไปรอบๆแต่ไม่พบคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับหกวังไป่อี้

ฉิงเย่จื่อเฉิงไม่ยอมแพ้ เขาใช้วิธีตรวจสอบอีกครั้ง

แต่เขายังไม่พบสิ่งใด

ฉินไป่อี้ราวกับหายตัวไปในอากาศ วังไป่อี้ก็เช่นกัน และสิ่งที่แปลกประหลาดกว่านั้นก็คือฉิงเย่จื่อเฉิงไม่พบร่องรอยการต่อสู้ในสถานที่แห่งนี้เลย

ฟางหยวนไม่ได้ฆ่าฉินไป่อี้หรือโหยว่ชานที่นี่แต่เป็นทะเลปลามังกร

แต่กระทั่งฉิงเย่จื่อเฉิงจะไปที่ทะเลปลามังกร เขาก็จะไม่พบร่องรอยใดๆ

วิธีการลบร่องรอยของฟางหยวนยอดเยี่ยมเกินไป นอกจากนั้นเขายังต่อสู้อยู่ในเขตแดนอมตะ

ฉิงเย่จื่อเฉิงไม่พบสิ่งใดและรู้สึกสงสัย

“เทพธิดาไป่อี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด ไม่ควรมีผู้ใดสามารถสังหารนางได้อย่างลับๆ เว้นเพียงฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้อมตะระดับแปด…”

“แต่การเคลื่อนไหวของผู้อมตะระดับแปดจะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ พวกเขาจะสังหารเทพธิดาไป่อี้โดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร?”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความกังวลของฉิงเย่จื่อเฉิงก็ถูกปัดเป่าออกไป

แต่ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็กลายเป็นแข็งทื่อ “อย่าบอกว่าเทพธิดาไป่อี้เบื่อข้าและตัดสินใจย้ายที่อยู่รวมถึงทรัพยากรทั้งหมดของนางงั้นหรือ?”

ฉิงเย่จื่อเฉิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่เขารู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย

ทะเลกระเรียนขาวผลิตทรัพยากรมากมาย แล้วฉินไป่อี้จะละทิ้งมันได้อย่างไร? กระทั่งนางจะพบสถานที่ที่ดีกว่าก็ตาม

“เว้นเพียงนางจะพบศัตรูที่ไม่สามารถเอาชนะ เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้และล่าถอย?”

ฉิงเย่จื่อเฉิงคิด

แต่ในไม่ช้าเขาก็ส่ายศีรษะ “หากนางพบศัตรูที่แข็งแกร่ง นางต้องขอความช่วยเหลือจากเครือข่าย เพียงนางกล่าวออกมา นางจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมาย”

“เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่? เหตุใดเทพธิดาไป่อี้ถึงหายตัวไปอย่างลึกลับเช่นนี้?”

ฉิงเย่จื่อเฉิงขมวดคิ้วลึก

เขาไม่คิดว่าฉินไป่อี้จะตาย ประการแรก เขาไม่ต้องการคิดไปในทิศทางนั้น ประการที่สอง ความเป็นไปได้มีน้อยและแปลกประหลาดเกินไป

ฉินไป่อี้เป็นคนมีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก นางเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด ความแข็งแกร่งของนางไม่ธรรมดา

เช่นเดียวกับที่ฉิงเย่จื่อเฉิงได้กล่าวเอาไว้ เว้นเพียงมันจะเป็นผู้อมตะระดับแปด

แต่ความเป็นไปได้นี้ยิ่งน้อยกว่า

ทั้งห้าภูมิภาคสงบสุขมานานเกินไป ฉิงเย่จื่อเฉิงรู้สึกว่าการฆาตกรรมที่โหดร้ายจะไม่เกิดขึ้นและมันจะไม่เกิดขึ้นกับเทพธิดาอันเป็นที่รักของเขาอย่างแน่นอน

แต่หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ฉิงเย่จื่อเฉิงก็ได้ข้อสรุป

“ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นเทพธิดาไป่อี้ก็ต้องพบปัญหา ข้าต้องตามหาและช่วยนาง!”

ทันใดนั้นความคิดเกี่ยวกับวีรบุรุษช่วยชีวิตหญิงงามก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

“หากที่นี่ไม่มีเบาะแส ข้าก็จะไปหาผู้อมตะที่อยู่ใกล้ๆและถามพวกเขา” ในไมช้าชื่อโหยว่ชานก็ปรากฏขึ้นในใจของฉิงเย่จื่อเฉิง

ทะเลปลามังกรของโหยว่ชานอยู่ไม่ไกลจากทะเลกระเรียนขาว

กล่าวได้ว่าพวกนางเป็นเพื่อนบ้านกัน

ฉิงเย่จื่อเฉิงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เขาออกจากทะเลกระเรียนขาวและเดินทางไปยังทะเลปลามังกรอย่างรวดเร็ว

ทะเลปลามังกรอยู่ในสภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่าทะเลกระเรียนขาว สถานที่แห่งนี้เคยมีปลามังกรจำนวนนับไม่ถ้วน มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลตะวันออก แต่ตอนนี้มันกลับว่างเปล่า

คลื่นลมพัดมาอย่างไม่รู้สิ้นสุด

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“กระทั่งทะเลปลามังกรก็ยังถูกปล้นงั้นหรือ?”

ฉิงเย่จื่อเฉิงแสดงออกด้วยความตกใจ

ผู้ใดก่อเรื่องนี้?

ท้ายที่สุดทั้งโหยว่ชานและฉินไป่อี้ล้วนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกนางไม่อ่อนแอเลย

คราวนี้ฉิงเย่จื่อเฉิงไม่เพียงรู้สึกสังสนแต่เขายังรู้สึกหวาดกลัวอีกด้วย

เขาตื่นตัวมาก เขาเริ่มตรวจสอบแต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือเขาไม่พบสิ่งใดเลย

“เป็นไปได้อย่างไร? เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่? ไม่เพียงเทพธิดาไป่อี้ กระทั่งเทพธิดาโหยว่ชานก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เดี๋ยว! ธุรกิจปลามังกรในสวรรค์สีเหลือง!”

ร่างของฉิงเย่จื่อเฉิงสั่นสะท้านเมื่อเขาเริ่มเชื่อมโยงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสวรรค์สีเหลือง

ธุรกิจปลามังกรของโหยว่ชานในสวรรค์สีเหลืองมีชื่อเสียงมาก เป็นธรรมดาที่ฉิงเย่จื่อเฉิงจะคิดถึงเรื่องนี้

เขาเร่งส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในสวรรค์สีเหลืองและพยายามติดต่อโหยว่ชาน

เขาพบกับเจตจำนงของโหยว่ชานแต่นางไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

“โหยว่ชานและเจตจำนงของนางติดต่อกันบ่อยครั้ง ช่วงเวลาของการติดต่อไม่เกินสามวันในแต่ละครั้ง นั่นหมายความว่าในช่วงสามวันที่ผ่านมา นางและเทพธิดาไป่อี้พบกับการโจมตีลึกลับ!”

เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของฉิงเย่จื่อเฉิง

ยิ่งเขาสืบสวนมากเท่าใด เขาก็ยิ่งค้นพบความจริงมากเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องที่ทั้งลึกลับและน่าสะพรึงกลัว

ไม่ว่าจะเป็นโหยว่ชานหรือฉิงไป่อี้ พวกนางจะไม่เก็บทรัพยากรและวิ่งหนี ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าพวกนางเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ไม่สามารถก้าวข้าม

หัวใจของฉิงเย่จื่อเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล

“ไม่ ข้าต้องกลับบ้าและขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสในตระกูล!” ฉิงเย่จื่อเฉิงมองทะเลปลามังกรที่ว่างเปล่าก่อนจะรีบกลับและไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป

ในเวลาเดียวกันอาชญากรที่อยู่เบื้องหลังคดีฆาตกรรมครั้งนี้กำลังบินอยู่ในทะเลทรายตะวันตก

หลังจากเดินทางออกจากทะเลตะวันออก ฟางหยวนไม่ได้กลับภาคเหนือแต่เขาเดินทางผ่านภาคใต้และมุ่งหน้ามายังทะเลทรายตะวันตก

บนก้อนเมฆ ฟางหยวนกำลังตรวจสอบกำไรที่ได้รับจากทะเลตะวันออก

หลังจากสังหารโหยว่ชานและฉินไป่อี้ ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์มหาศาล

เขาได้รับปลามังกรจำนวนมาก ตอนนี้พวกมันอาศัยอยู่ในทะเลตะวันออกน้อย

เขายังได้รับผลึกหินไข่จำนวนไม่น้อย นอกจากนั้นยังมีวิญญาณอมตะระดับหกอีกสองดวง

แดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งไม้ของฉินไป่อี้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ฟางหยวนไม่สามารถกลืนกินมัน สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งวารีของโหยว่ชาน มันถูกกลืนกินไปแล้ว

แต่กำไรเหล่านี้ยังด้อยกว่าเมืองจิ๋วมาก

ในความเป็นจริงตอนนี้เมืองจิ๋วอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน!

หลังจากไปยังทะเลตะวันออก สิ่งแรกที่ฟางหยวนทำคือไปที่ทะเลไหลเชี่ยวเพื่อย้ายเมืองจิ๋วเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิ จากนั้นเขาถึงไปทะเลปลามังกรเพื่อสังหารโหยว่ชานและฉินไป่อี้

แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ เมืองจิ๋ว!

ฟางหยวนต้องการมันมานานแล้ว แต่ในเวลานั้นวิญญาณอมตะยกภูเขาไม่สามารถย้ายมันได้

แต่ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะโดยใช้วิญญาณยกภูเขาเป็นแกนกลางเพื่อย้ายเมืองจิ๋ว

หลังจากทำงานหนักมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท