เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1486

ตอนที่ 1486

ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของฟางหยวน โหยว่ชานรู้สึกเหนื่อยล้า นางไม่สามารถต่อต้านได้อีก

‘เห้อ…’ ฉินไป่อี้ลอบถอนหายใจ

ฟางหยวนไม่ได้โกหก วิธีการสื่อสารของฉินไป่อี้ไร้ประโยชน์ นางเริ่มเข้าสู่การต่อสู้ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง

นางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ นางใช้ท่าไม้ตายและส่งกลีบดอกไม้ออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ชุดยาวของฉินไป่อี้ลอยขึ้นสู่อากาศพร้อมเส้นผมสีดำของนาง นางดูราวกับกำลังเต้นรำอยู่ในสนามรบ

อีกด้านหนึ่ง โหยว่ชานตะโกนและต่อสู้ด้วยความกล้าหาญ

หญิงทั้งสองเป็นเทพธิดาที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก พวกนางทั้งสง่างามและทรงเสน่ห์ หากผู้อมตะทั่วไปพบเห็นพวกนาง พวกเขาอาจถูกรูปโฉมของพวกนางล่อลวงได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องกล่าวถึงการสร้างปัญหาหรือสังหาร

น่าเสียดายที่พวกนางพบกับฟางหยวน

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล

ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน

“โฮก…”

มังกรดาบบรรพกาลคำรามและพุ่งเข้าโจมตีหญิงทั้งสอง

“โอ้ ไม่!” โหยว่ชานอุทาน

หัวใจของฉินไป่อี้แทบกระโดดออกมาจากหน้าอก นางกัดฟันแน่น “มารร้าย รับสิ่งนี้!”

หลังกล่าวจบคำ กลีบดอกไม้ก็รวมตัวกันและสร้างเป็นพายุหมุนกลีบดอกไม้ขนาดใหญ่พุ่งไปทางมังกรดาบบรรพกาล

โหยว่ชาตตะโกน “ให้ข้าช่วย!”

นางใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งวารียิงกระสุนน้ำออกไป

กระสุนน้ำหลอมรวมกับพายุหมุนกลีบดอกไม้และทำให้มันทรงพลังขึ้นอีกหลายเท่า

“เป็นการผสานงานระหว่างไม้กับวารีที่ยอดเยี่ยม!” ฉินไป่อี้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น

พายุหมุนกลีบดอกไม้พุ่งชนมังกรดาบบรรพกาลอย่างเกรี้ยวกราดและกลืนกินฝ่ายหลังเข้าไป

แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้ทำให้เทพธิดาทั้งสองมีความสุข ตรงข้ามพวกนางตกใจมาก

‘โอ้ ไม่ มังกรดาบบรรพกาลตัวนี้เป็นของปลอม!’ ฉินไป่อี้คิดเรื่องนี้ขณะที่มังกรสีเงินปรากฏขึ้นด้านหลังนางอย่างเงียบๆ

เวลาราวกับหยุดนิ่ง

ฉินไป่อี้พยายามหันหลังกลับด้วยความยากลำบาก ด้วยหางตา นางสามารถมองเห็นมังกรดาบบรรพกาลอ้าปากของมันและกัดร่างเล็กๆของนางด้วยฟันอันแหลมคม

“ฟางหยวน เจ้าเป็นคนมีชื่อเสียงและมีความแข็งแกร่งระดับแปด แต่เจ้ากลับใช้วิธีลอบโจมตีงั้นหรือ!?” โหยว่ชานกรีดร้องด้วยความโกรธ

ฟางหยวนมีความได้เปรียบแต่เขายังลอบโจมตี เขาช่างไร้ยางอายเกินไปจริงๆ

เมื่อเห็นฉินไป่อี้กำลังจะจบลงในปากของฟางหยวน โหยว่ชานโจมตีด้วยพลังทั้งหมด

สายฝนพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนราวกับลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วน

ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็น เขากัดฟันอย่างรุนแรงโดยปราศจากความกังวล

“ปัง!”

ด้วยการใช้พละกำลังมากเกินไป ฟันที่ปะทะกันจึงส่งเสียงดังออกมา

“ไม่!” โหยว่ชานกรีดร้องด้วยความตกใจ

แทบจะในเวลาเดียวกันที่การโจมตีของนางถูกสะท้อนกลับเพราะเกราะหวนคืน

โหยว่ชานปกป้องตนเองด้วยความตื่นตระหนก ในเวลานี้นางรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอมาก

‘ข้าจะเอาชนะเขาได้อย่างไร?’

‘เกราะหวนคืนสะท้อนการโจมตีทั้งหมดของข้ากลับมา เขาช่างไร้ยางอายนัก!’

โหยว่ชานรู้สึกราวกับอยู่ในหุบเหวอันหนาวเย็น

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนอ้าปาก มันกลับไม่มีเศษเนื้อหรือกระดูกติดอยู่ระหว่างฟันของเขา มีเพียงกลีบดอกไม้เหลืออยู่เท่านั้น

อีกด้านหนึ่ง กลีบดอกไม้รวมตัวกันและกลายเป็นร่างมนุษย์

มันคือฉินไป่อี้ในร่างเปลือยเปล่า

นางใช้ท่าไม้ตายอมตะช่วยชีวิตของตนเองเอาไว้จากการโจมตีของฟางหยวน

“ไป่อี้!” โหยว่ชานตะโกนอย่างมีความสุข

ใบหน้าของฉินไป่อี้กลายเป็นซีดขาว ริมฝีปากของนางสั่นเทา นางรอดพ้นจากความตายมาอย่างฉิวเฉียด สถานการณ์ก่อนหน้านี้อันตรายมาก นางอยู่ห่างจากความตายเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

กลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่รอบๆลอยเข้ามารวมตัวกันและกลายเป็นชุดที่งดงามอยู่บนร่างกายของนาง

โหยว่ชานรีบบินเข้าไปรวมกลุ่มกับนาง

หญิงทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนจะมองไปที่ฟางหยวนด้วยความหวาดกลัวและตกใจ

การโจมตีของมังกรดาบบรรพกาลล้มเหลวแต่มันไม่ได้โจมตีอีก

“ข้าเข้าใจแล้ว เป็นเช่นนี้” ปากของมังกรดาบบรรพกาลเปิดออกและกล่าวออกมาด้วยภาษามนุษย์

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงดาวสีม่วงพุ่งเข้าทำลายกลีบดอกไม้ทั้งหมดที่อยู่ในสนามรบ

ร่างของฉินไป่อี้สั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

การกระทำของฟางหยวนทำให้ฉินไป่อี้ไม่สามารถใช้วิธีการเดิมของนางได้อีก

มังกรดาบบรรพกาลคำรามและพุ่งเข้าโจมตีศัตรูของมันอีกครั้ง

เทพธิดาทั้งสองกัดริมฝีปากและต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตรอด

นี่คือการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายอย่างแท้จริง

พวกนางไม่กล้าผ่อนคลายและต้องใช้ไพ่ตายทุกใบที่มีออกมาทั้งหมด

“บึม บึม บึม”

การโจมตีที่รุนแรงสร้างแสงสว่างปะทุขึ้นราวกับดอกไม้ไฟ

มังกรดาบบรรพกาลไม่สนใจการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเพราะเกราะหวนคืนสามารถสะท้อนการโจมตีเหล่านั้นกลับไปทั้งหมด

หญิงทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่สามารถสังหารพวกนางได้

เทพธิดาทั้งสองต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกนางมีวิธีการมากมาย การเป็นผู้มีชื่อเสียงก็ทำให้รากฐานของพวกนางแข็งแกร่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสังหารพวกนางได้ในทันที

“ฟางหยวน อย่าโจมตี พวกเรายอมแพ้แล้ว!”

“เราตระหนักถึงความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว ข้าสาบานว่าข้าจะออกจากธุรกิจปลามังกร โปรดปล่อยพวกเราไปด้วย!”

หลังจากไม่นาน หญิงทั้งสองก็เริ่มร้องขอความเมตตา

ไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะอยู่แม้แต่น้อย

ตั้งแต่ต้นจนจบ ฟางหยวนเป็นฝ่ายได้เปรียบ หญิงทั้งสองตกอยู่ในความสิ้นหวังและไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป

“เราจะจ่ายค่าชดเชยจำนวนมากให้เจ้าตราบเท่าที่เจ้าปล่อยพวกเราไป”

“ถูกต้อง หากเราต่อสู้จนตาย เราจะระเบิดวิญญาณอมตะของเรา เจ้าจะไม่ได้รับสิ่งใดเลย”

“เราไม่ควรเป็นศัตรูกัน ปลามังกรเหล่านี้จะเป็นของเจ้าทั้งหมด เราได้รับบทเรียนแล้ว หากเราพบกันอีกครั้ง เราจะใช้ทางอ้อม”

“เราสาบานว่าหลังจากนี้เราจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าหรือริเริ่มการแก้แค้นใดๆ”

หญิงทั้งสองเร่งกล่าว

“ฉลาดและเข้าใจสถานการณ์ดีจริงๆ” มังกรดาบบรรพกาลหยุดโจมตีและลอยอยู่กลางอากาศ

ดวงตาที่เย็นชามองไปที่หญิงทั้งสอง “เช่นนั้นมอบวิญญาณอมตะให้ข้าคนละดวงเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ”

หัวใจของหญิงทั้งสองบีบรัดตัวแน่น พวกนางมองหน้ากันและรู้สึกว่าฟางหยวนเป็นคนที่รับมือได้ยากนัก

หากพวกนางสูญเสียวิญญาณอมตะ พลังการต่อสู้ของพวกนางจะลดลงทันที

แต่หากพวกนางไม่ส่งมอบวิญญาณอมตะ พวกนางจะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต

หลังจากลังเลเล็กน้อย โหยว่ชานเริ่มกล่าว “เราตกลงตามเงื่อนไขนี้ แต่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุใดๆ เราควรทำข้อตกลงว่าจะไม่ทำร้ายกันด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล”

“ได้” ฟางหยวนพยักหน้า

อย่างไรก็ตามระหว่างการเจรจากลับมีอุปสรรค

ฉินไป่อี้และโหยว่ชานย้ำว่าหากฟางหยวนละเมิดข้อตกลง เขาต้องเผชิญหน้ากับความตาย แล้วเขาจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร

ฟางหยวนมีแผนการของตนเอง เขามีค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเอง เขาวางแผนที่จะใช้ค่ายกลนี้เพื่อกำจัดข้อตกลงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง

แต่วิธีนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร

หากเป็นกฎตายทันที ค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองจะไม่สามารถช่วยเขา

ฟางหยวนไม่ต้องการปล่อยผู้อมตะสองคนนี้ไป

หากเขาทำได้ เขาจะจับพวกนางทั้งเป็น

นอกจากนี้วังสวรรค์ยังสามารถกำจัดข้อตกลงของพวกนางและนั่นจะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย ขณะที่ธุรกิจปลามังกรของฟางหยวนจะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง

ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลง เทพธิดาทั้งสองเข้าใจเจตนาของฟางหยวนอย่างสมบูรณ์

“ฟางหยวน ดูเหมือนเจ้าต้องการให้พวกเราตายจริงๆ”

“ต่อให้ตาย ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าได้รับสิ่งใด!”

ด้วยความโกรธ หญิงทั้งสองเลือกที่จะต่อสู้จนตัวตาย

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา เจตนาสังหารของเขาพุ่งสูงขึ้น หลังการชั่วครู่ ครึ่งร่างของฉินไป่อี้ก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

อวัยวะภายในและกระดูกของนางโผล่ออกมาภายนอก

“ไป่อี้ ให้ข้าช่วยเจ้า!” โหยว่ชานเป็นห่วงมาก นางเข้าไปช่วยแต่นางไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของฟางหยวนคือนาง

โหยว่ชานถูกมังกรดาบบรรพกาลกัดโดยไม่รู้ตัว

“พรวด!”

เลือดไหลทะลักออกมจากช่องว่างระหว่างฟันที่แหลมคมของมังกรดาบบรรพกาล

มังกรดาบบรรพกาลเคี้ยวและกลืนร่างของนางเข้าไป

โหยว่ชานเสียชีวิต!

“เสี่ยวชาน!” ฉินไป่อี้เห็นคนที่นางรักถูกฆ่าตายต่อหน้า นางกรีดร้องด้วยความโศกเศร้าขณะที่ดวงตาสีแดงของนางหลั่งน้ำตาออกมา

“ฟางหยวน เจ้าฆาตกร ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป!” ฉินไป่อี้พุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

ฟางหยวนเย้ยหยัน เขาใช้แสงดาวสีม่วงทำลายการป้องกันของฉินไป่อี้

ต่อมาเขาก็เปิดปากและส่งลมหายใจมังกรดาบออกไป

หลังจากลมหายใจมังกรดาบสงบลง ร่างกายของฉินไป่อี้ก็ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ มีเพียงศีรษะของนางเท่านั้นที่เหลืออยู่ ใบหน้าที่งดงามของนางยังไม่บุบสลายแต่มันบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยเลือด

ฟางหยวนบินเข้าไปอย่างช้าๆและฟาดกรงเล็บมังกรออกไป

“ผั๊ว!”

ราวกับผลแตงโมที่ถูกทุบแตก กรงเล็บมังกรฉีกศีรษะของฉินไป่อี้ออกเป็นชิ้นๆขณะที่สมองและเลือดสาดกระเซ็นลงบนพื้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท