เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1491

ตอนที่ 1491

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1491 เด็กหนุ่มผู้น่าสงสาร

แปลโดย iPAT

อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน เทพธิดากระต่ายขาว และเทพธิดาเมี่ยวหยินออกมาจากมิติช่องว่างของฟางหยวน

“ต่อไปข้าจะสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน” ฟางหยวนหันกลับมากล่าวกับถังฟางหมิง

หัวใจของถังฟางหมิงสั่นสะท้านขึ้นแต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจความหมายของฟางหยวนและเผยรอยยิ้มขมขื่น “เทพธิดาโปรดตามข้ามา”

ค่ายกลวิญญาณถูกควบคุมโดยถังฟางหมิงแต่ตอนนี้เขาต้องสละส่วนหนึ่งของการควบคุมให้กับสมาชิกนิกายเงา

นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงพันธมิตรระหว่างฟางหยวนกับตระกูลถัง

เมื่อฟางหยวนสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ดวงวิญญาณของเขาจะออกจากร่างและเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน เขาจะไม่สามารถปกป้องร่างกายของตนเอง

นั่นเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างอันตราย

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องนำสมาชิกนิกายเงาออกมาเพื่อปกป้องร่างกายของเขา

ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่สามารถปล่อยให้คนนอกควบคุม สมาชิกนิกายเงาต้องเข้าควบคุมมันด้วยตนเอง

ด้วยวิธีนี้ไม่ว่าจะเป็นนิกายเงาหรือตระกูลถัง พวกเขาจะมีอำนาจอยู่ในมือและไม่สามารถทำเรื่องเลวร้ายต่อร่างกายของฟางหยวน

ฟางหยวนมักทำสิ่งต่างๆด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่เสมอ

หลังจากสมาชิกนิกายเงาเข้าควบคุมครึ่งหนึ่งของค่ายกลวิญญาณ ฟางหยวนก็เริ่มการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน

ถังฟางหมิงเฝ้ามองโดยไม่กะพริบตา

‘นี่เป็นจุดสำคัญ!’ เขาต้องการเก็บเกี่ยวความรู้จากฟางหยวนให้ได้มากที่สุด

แต่จุดสำคัญใดที่เขาสามารถเรียนรู้จากการเฝ้ามองฟางหยวน?

‘ข้าอยู่ที่ใด?’ ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันขณะที่วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนแปลงไป

เขาพบว่าตนเองอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มที่สวมชุดผ้าขี้ริ้ว

เขาอยู่ในกระโจมที่เรียบง่าย เพียงลมพัดผ่านเบาๆ มันก็สั่นสะเทือนอย่างง่ายดาย

“ฉั๊ว!”

“บัดซบ! คนผู้นี้ไม่เพียงทุบตีข้า แต่เขายังฉีกกระโจมของข้าด้วย!” ร่างเด็กหนุ่มที่ฟางหยวนเข้าสวมบทบาทกัดฟันพึมพำ

หลังจากนั้นเขาก็ก้มลงดูเสื้อผ้าที่สกปรกและขาดรุ่งริ่งของตนเอง หน้าอกของเขายังเต็มไปด้วยบาดแผลสีม่วง เขาดูน่าสงสารมาก

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัสบาดแผนบนร่างกายของตนและรู้สึกถึงความเจ็บปวด

“ผู้ใดจะคิดว่าผู้ยิ่งใหญ่ เบน เจสัน เช่นข้าจะจบลงในโลกที่ไร้สาระและกลายเป็นเด็กอีกครั้ง นอกจากนั้นข้ายังถูกรังแกโดยเด็กคนอื่นๆ นี่มันมากเกินไปแล้ว!”

“โลกใบนี้ช่างไร้สาระ มนุษย์ควบคุมวิญญาณเพื่อรับพลังลึกลับ นี่มันฝันร้ายชัดๆ!”

“เห้อ…หากนี่เป็นความฝัน เหตุใดข้ายังไม่ตื่นหลังจากผ่านไปนับสิบปี?” เด็กหนุ่มกล่าวขณะที่ฟางหยวนฟังคำกล่าวเหล่านี้และรู้สึกหัวใจสั่นไหว

เขาได้ยินความลับมากมาย เทพปีศาจปล้นสวรรค์เป็นปีศาจต่างโลกเช่นเดียวกับฟางหยวน

‘ชื่อเดิมของเทพปีศาจปล้นสวรรค์คือ เบน เจสัน นั่นหมายความว่าในอาณาจักรแห่งความฝันนี้ ข้ากำลังสวมบทของเทพปีศาจปล้นสวรรค์! แต่ตอนนี้เขายังเป็นเพียงเด็กมนุษย์ เขายังไม่ได้เริ่มต้นการบ่มเพาะ’ ฟางหยวนตระหนักถึงจุดนี้

เป็นเพียงเวลานี้ที่เด็กหนุ่มพึมพำ “แต่โชคดีที่ตระกูลจะเปิดอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ในคืนนี้ เมื่อข้าเข้าไป ข้าจะสามารถปลุกทะเลวิญญาณและเริ่มบ่มเพาะ ข้าจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณ”

“ข้าหวังว่าพลังนี้จะทำให้ข้าสามารถหลบหนีจากที่นี่และกลับบ้านเกิดของข้า!”

เด็กหนุ่มกล่าวด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เขากัดฟันยืนขึ้นและเดินออกจากกระโจม

ฟางหยวนเป็นเหมือนเจตจำนงที่แฝงตัวอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มผู้นี้และเฝ้ามองเขาแต่ไม่สามารถควบคุมร่างกายของเขา

นี่เป็นสถานการณ์ที่หายากแม้แต่สำหรับฟางหยวน

หลังจากทดลองด้วยทุกวิธีและล้มเหลวทั้งหมด ฟางหยวนทำได้เพียงเฝ้ามองในฐานะผู้สังเกตการณ์ขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันยังดำเนินต่อไป

เด็กหนุ่มออกจากกระโจน

ฟางหยวนมองเห็นโอเอซิสสีเขียวภายใต้แสงจันทร์

มันเป็นเวลากลางคืน ดวงจันทร์กลมโตลอยอยู่บนท้องฟ้า

โอเอซิสแห่งนี้มีขนาดเล็ก มีทะเลสาบเล็กๆอยู่ตรงกลางและรายล้อมไปด้วยกระโจมมากมาย

กระโจมเหล่านี้มีขนาดและสีสันที่แตกต่างกัน บางหลังเป็นสีเทา บางหลังเป็นสีขาว สีเหลือง สีทอง หรือสีม่วง

ยิ่งกระโจมมีสีสันสดใสและมีขนาดใหญ่เท่าใด สถานะของผู้ครอบครองก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

เด็กหนุ่มมองไปข้างหน้าด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะหันกลับไปมองกระโจมของตนเอง

กระโจมของเขาเล็กและน่าเกลียดมาก มันเต็มไปด้วยเขม่าสีดำและมีรูอยู่มากมาย

เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและถอนหายใจ “หลังจากคืนนี้ ข้าจะไม่อยู่ในสถานที่ที่เลวร้ายนี้อีกต่อไป”

หลังกล่าวจบคำเขาก็เดินตรงไปยังจุดศูนย์กลางของโอเอซิส

ระหว่างทาง เด็กหลายคนเดินออกมาจากกระโจมที่อยู่รอบๆ การแสดงออกของพวกเขาแข็งทื่อและไม่มีผู้ใดกล่าวสิ่งใดออกมา

วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา ตามธรรมเนียมของทะเลทรายตะวันตก เด็กทุกคนต้องแสดงความเคารพและไม่พูดคุยโดยไม่จำเป็น

ผู้ใดพูดมากเกินไปหรือแสดงอารมณ์มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า พวกเขาจะทำให้พิธีกรรมแปดเปื้อนและจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงจนถึงขั้นเนรเทศ

หากพวกเขาถูกเนรเทศออกไป เด็กเหล่านั้นต้องตายอย่างแน่นอน

ความรุนแรงของบทลงโทษเห็นได้ชัดเจน

เด็กจำนวนมากเดินไปรวมตัวกันที่ใจกลางโอเอซิส

ระหว่างทางเด็กหนุ่มได้พบกับกลุ่มเด็กที่ทุบตีเขาเช่นกัน

เด็กเหล่านั้นทั้งสูงและดูแข็งแกร่ง ร่างกายของพวกเขาสูงใหญ่กว่าเด็กทั่วไป เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ก็ดูราคาแพงกว่าอย่างเห็นได้ชัด นี่แสดงให้เห็นความภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา

เด็กเหล่านั้นไม่กล่าวสิ่งใดแต่ยังส่งสายตาดุร้ายและยั่วยุ

เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันกระทั้งไปถึงทะเลสาบกลางโอเอซิส

วิญญาณแห่งความหวังอาศัยอยู่บนต้นอ้อที่อยู่รอบๆทะเลสาบแห่งนี้

สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนนึกไปถึงพิธีเผยลิขิตสวรรค์บนภูเขาชิงเหมา

แม้พิธีการของทะเลทรายตะวันตกจะแตกต่างจากภาคใต้ แต่ทั้งสองภูมิภาคก็ใช้วิญญาณแห่งความหวังเพื่อปลุกทะเลวิญญาณคล้ายคลึงกัน

เด็กเดินเข้าไปที่ทุ่งต้นอ้อขณะที่วิญญาณแห่งความหวังบินออกมาด้วยความตกใจ

ทะเลวิญญาณถูกปลุกขึ้นทีละคน บางคนกังวล บางคนเศร้า บางคนมีความสุข และบางคนรู้สึกหดหู่ สำหรับมนุษย์ธรรมดา พรสวรรค์เป็นสิ่งกำหนดความสำเร็จในชีวิตของพวกเขา

บรรยากาศในพิธีเผยลิขิตสวรรค์ของภาคใต้ค่อนข้างร้อนแรงแต่บรรยากาศของทะเลทรายตะวันตกกลับเคร่งเครียดและเงียบสงบ

แม้พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร พวกเขาก็ต้องควบคุมตนเองเอาไว้ ใบหน้าของพวกเขาอาจดูบิดเบี้ยวและสามารถหลั่งน้ำตา แต่พวกเขาไม่สามารถส่งเสียงใดๆออกมา

ในไม่ช้าก็ถึงคราวของเทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์

เขาแทบไม่สามารถอดทนรอ เขาเดินเข้าไปที่ต้นอ้อเมื่อได้รับอนุญาต

แต่พรสวรรค์ของเขาอยู่ในนภาที่สี่เท่านั้น มันเป็นระดับต่ำสุด พรสวรรค์นภาที่สี่มีพลังวิญญาณเพียงสิบถึงสามสิบส่วนอยู่ในทะเลวิญญาณ คนกลุ่มนี้มักเป็นได้เพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง มีไม่กี่คนที่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับสอง

ผู้ใช้วิญญาณที่มีพรสวรรค์ระดับนี้กล่าวได้ว่าไร้ศักยภาพและไร้อนาคต

สถานะของพวกเขาจะถูกจัดให้อยู่ในจุดต่ำสุด

“เป็นไปได้อย่างไร? ข้ามีพรสวรรค์นภาที่สี่ได้อย่างไร!?” เด็กหนุ่มกรีดร้อง

“หุบปาก!” ผู้ใช้วิญญาณที่รับผิดชอบจับเด็กหนุ่มและปิดปากเขา

เด็กหนุ่มดิ้นรนอย่างหนักก่อนจะถูกฝ่ายตรงข้ามใช้ฝ่ามือกระแทกที่ต้นคอ

เด็กหนุ่มหมดสติไปทันที

วิสัยทัศน์ของฟางหยวนก็มืดมิดลงเช่นกัน

เขาพบว่าตนเองไม่สามารถทำสิ่งใด กระทั่งท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันก็ไม่มีผล

‘ยิ่งอาณาจักรแห่งความฝันใหญ่โตเท่าใด พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันก็ลดลงเท่านั้น อาณาจักรแห่งความฝันนี้พิเศษมาก ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันไม่ส่งผลกระทบใดๆทั้งสิ้น’

ฟางหยวนประเมิน

เขาทดลองอีกครั้งและยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาต้องรอคอยต่อไปอย่างช่วยไม่ได้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท