เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1496

ตอนที่ 1496

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1496 ดวงตาสีเทา

แปลโดย iPAT

หลังจากพักผ่อนและเตรียมตัวอย่างเพียงพอ ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อีกครั้ง

มีเสียงโห่ร้องจากผู้คนที่อยู่รอบๆทะเลสาบ

ทะเลทรายตะวันตกมีทรัพยากรซ่อนอยู่มากกว่าภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณหรือสัตว์ป่า แต่พืชพรรณเป็นข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคนี้

ดังนั้นตลาดของที่นี่จึงมีสินค้าประเภทอาหารเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น นม สุรา หนังสัตว์ กระดูก หรือแผงขายวิญญาณ

เทพปีศาจปล้นสวรรค์ในวัยเยาว์เดินอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขามองสินค้าที่อยู่รอบๆขณะเดินตรงไปยังทะเลสาบกลางโอเอซิส

“หยุด! บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่สามารถเข้ามาที่นี่!”

“เจ้าหนู ไสหัวไปซะ!”

เมื่อเด็กหนุ่มเข้าไปใกล้ทะเลสาบ ยามสองคนที่ดูแลพื้นที่บริเวณนี้ก็หยุดเขาทันที

เด็กหนุ่มไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากแสร้งทำเป็นตกใจและจากไปเท่านั้น

เขาลอบถอนหายใจ ‘ทะเลสาบเป็นแหล่งน้ำเพียงหนึ่งเดียวของโอเอซิสแห่งนี้ มันได้รับการดูแลปกป้องอย่างเข้มงวด แม้จะมีตลาดนัดในวันนี้ ยามก็ยังตื่นตัวเสมอ ข้าไม่สามารถเข้าไปได้”

ในเวลาเดียวกัน เสียงที่ชั่วร้ายของชาเซี่ยวก็ดังขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม “หาวิธีเข้าไป อย่าลืมว่าเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือน เมื่อเวลานั้นมาถึง หากเจ้าไม่มีความคืบหน้าใดๆ นั่นจะเป็นเวลาตายของเจ้า”

รูม่านตาของเด็กหนุ่มหดเล็กลง เขาตอบในใจ “ไม่ใช่ว่าเจ้าแข็งแกร่งงั้นหรือ? เหตุใดเจ้าไม่พุ่งเข้าไปและนำมันออกมาโดยตรง? เหตุใดต้องให้คนอ่อนแอเช่นข้ารวบรวมข้อมูล?”

“ฮืม เจ้าประชดข้างั้นหรือ!? เจ้าจะเข้าใจแผนการของข้าได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่มีความอดทนมากพอที่จะอธิบายให้เจ้าฟัง หลานชายที่ดีของข้า เร็วเข้า ทำตามที่ท่านปู่ผู้นี้บอก พูดให้น้อยลงและทำงานให้หนักขึ้น แล้วเจ้าจะมีชีวิตยืนยาวขึ้นอีกนิด”

เด็กหนุ่มทำได้เพียงปล่อยให้ตนเองถูกบงการเท่านั้น ศัตรูแข็งแกร่งขณะที่เขาอ่อนแอ เขาไม่พูดสิ่งใดอีก เว้นเพียงสายตาที่กลายเป็นแหลมคม

ก่อนหน้านี้เพื่อความอยู่รอดและความหวังที่จะได้กลับบ้าน เขาถูกบังคับให้ยอมจำนนต่อชาเซี่ยวแต่ในใจเขาไม่เคยยอมรับชะตากรรมนี้

‘ข้าต้องรู้ว่าเมื่อใดควรยอมแพ้และเมื่อใดควรต่อสู้ สักวันข้าจะหลบหนีจากโซ่ตรวนของชาเซี่ยวและจะตอบแทนเขาอย่างสาสม!’

‘แต่ตอนนี้ข้าต้องอดทน ข้าต้องแสดงและรอโอกาสของข้า’

ไม่กี่วันต่อมาเด็กหนุ่มก็ใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อรวบรวมข้อมูลและเข้าใกล้ทะเลสาบ

แต่มันล้มเหลวทั้งหมด

ทะเลสาบเป็นสถานที่สำคัญของเผ่าที่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เด็กหนุ่มพึ่งกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเขายังขาดไปมาก ในขณะที่เขาไม่สามารถทำสิ่งใด ข่าวลือก็แพร่กระจายออกไปในกลุ่มสหายของเขา

“กระไรนะ!? อีกครึ่งเดือนเผ่าจะจัดการแข่งขันย่อย ผู้ชนะสามารถเลือกวิญญาณจากทะเลสาบเป็นรางวัล!” เด็กหนุ่มได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

เขารู้ทันทีว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว

นอกจากนี้นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาในการทำภารกิจของชาเซี่ยว

“ข้าต้องเข้าร่วมการแข่งขันย่อยและได้รับชัยชนะ!” เด็กหนุ่มพูดกับชาเซี่ยวในใจ

ชาเซี่ยวหัวเราะ “เด็กโง่ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังวางแผนบางอย่าง เจ้าต้องการใช้โอกาสนี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองเพื่อหลบหนีจากการควบคุมของข้าใช่หรือไม่?”

เด็กหนุ่มกล่าวเย้ยหยัน “แล้วอย่างไร? ผู้ใดจะไม่ต้องการอิสรภาพ?”

“ดี!” ชาเซี่ยวไม่สะทกสะท้านและยังชมเชย “เจ้าค่อนข้างตรงไปตรงมา ฮ่าฮ่า หากเจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่ ข้าจะช่วยให้เจ้าคว้าชัยชนะครั้งนี้”

“เจ้า!” เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธ

“อันใด? เจ้าไม่ต้องการงั้นหรือ? คิดให้ดี โดยปราศจากความช่วยเหลือจากข้า เพียงความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าจะชนะการแข่งขันนี้ได้อย่างไร?” ชาเซี่ยวเย้ยหยัน

การแสดงออกของเด็กหนุ่มกลายเป็นมืดมน

‘ข้าเกิดมาในตระกูลขุนนาง ชีวิตของข้าเต็มไปด้วยเกียรติยศ แต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าต้องก้มศีรษะร้องขอความเมตตา! นี่เป็นความอัปยศต่อบรรพชน ข้าทำลายชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลอย่างแท้จริง!’

‘แต่…’

‘หากข้าไม่ทำเช่นนี้ ข้าคงไม่มีความหวังเหลืออยู่จริงๆ’

‘ข้าอ่อนแอเกินไป การกลับบ้านเป็นเป้าหมายที่เลือนลาง แต่หากข้าไม่สามารถก้าวข้ามช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ไปได้ก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงอนาคต!’

‘บัดซบ!’

เด็กหนุ่มกำหมัดด้วยความลังเล

แม้เขาจะเคยเรียกชาเซี่ยวว่าท่านปู่มาก่อน แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ตอนนี้เขาและชาเซี่ยวถูกแยกจากกัน โดยปราศจากแรงกดดันจากภายนอกมากนัก เด็กหนุ่มจึงรู้สึกลังเลใจ

“ท่านปู่…” อย่างไรก็ตามในที่สุดเขาก็ต้องกล่าวคำนี้ออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของชาเซี่ยวดังขึ้น “หลานชายที่ดีของข้า เมื่อเจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่ ท่านปู่ผู้นี้ก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าล้มเหลว ท่านปู่จะมอบสิ่งนี้ให้เจ้า รับมันไว้และเปลี่ยนมันเป็นความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าต้องได้รับชัยชนะการแข่งขันครั้งนี้”

หลังชาเซี่ยวกล่าวจบ ข้อมูลจำนวนมหาศาลก็พุ่งเข้าสู่จิตใจของเด็กหนุ่ม

ใบหน้าของเด็กหนุ่มกลายเป็นบิดเบี้ยวโดยไม่รู้ตัว ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตี เขารู้สึกราวกับศีรษะกำลังจะระเบิดออกมา

การโจมตีของข้อมูลกินเวลาเพียงเก้าลมหายใจแต่เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนหนึ่งปี

ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว ร่างกายสั่นเทาและดูน่าอนาถ

วิธีการของชาเซี่ยวรุนแรงมากแต่ข้อมูลเหล่านั้นก็มีคุณค่าจริงๆ

เนื้อหาส่วนใหญ่ของมันเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ ส่วนหนึ่งเกี่ยวกับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณและวิธีใช้งานวิญญาณ มันมีกระทั่งท่าไม้ตาย

ท่าไม้ตายดวงตาสีเทา!

ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณหลุมทราย วิญญาณควันไฟ และวิญญาณน้ำใสเพื่อกระตุ้นใช้งาน

มันสามารถพ่นควันสีเทาขาวออกมา เมื่อควันสีเทาขาวเข้าไปในดวงตาของศัตรู มันจะปิดบังวิสัยทัศน์ของพวกเขาด้วยเถ้าถ่านสีเทาขาวและทำให้พวกเขามองไม่เห็น

ศัตรูที่ถูกโจมตีไม่สามารถใช้น้ำล้างดวงตา มิฉะนั้นเถ้าถ่านสีเทาขาวจะปลดปล่อยความร้อนออกมาและทำให้พวกเขาตาบอด

‘เป็นท่าไม้ตายที่ชั่วร้ายนัก มันไม่ใช่รูปแบบการต่อสู้ของข้า’ หัวใจของเด็กหนุ่มจมดิ่งลง

ในชีวิตก่อนหน้า เขาเกิดในตระกูลสูงศักดิ์และได้รับการศึกษาที่ดีตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนซื่อตรงและซื่อสัตย์ เขาเกลียดชังความชั่วร้าย

เมื่อเขากำเนิดใหม่และกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ยากจน เขายังรักษากฎเกณฑ์และศีลธรรมของตนเองเอาไว้ แม้เขาจะมีสติปัญญาของผู้ใหญ่แต่สิ่งต่างๆมักไม่เป็นความต้องการของเขา

‘ดวงตาสีเทาต้องใช้วิญญาณสามดวงและพวกมันล้วนเป็นวิญญาณที่ข้ามี’

‘ดูเหมือนชาเซี่ยวจะวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว ฮืม!’

เด็กหนุ่มไม่ต้องการฝึกฝนท่าไม้ตายดวงตาสีเทา เขาใช้สมาธิทั้งหมดฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เท่านั้น

เขาเคยเป็นนักรบมาก่อน แม้เขาจะไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด แต่เขาก็มีพื้นฐานอยู่บ้าง

ดังนั้นเขาจึงก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากฝึกฝนมาสองสามวัน เด็กหนุ่มรู้สึกว่าพลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้น

‘ทักษะการต่อสู้ของโลกนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนหน้าไม่เคยมีผู้ใดสั่งสอนข้า นั่นทำให้ข้าอ่อนแอเกินกว่าจะทำสิ่งใดได้ ตอนนี้ข้าได้รับทักษะเหล่านี้และฝึกฝนมาแล้ว ข้ามีโอกาสหกสิบส่วนที่จะได้รับชัยชนะ’

‘แม้ข้าจะไม่ใช้ท่าไม้ตายดวงตาสีเทา แต่ข้าก็สามารถจัดการคู่แข่งส่วนใหญ่’

เด็กหนุ่มเกลียดชังท่าไม้ตายดวงตาสีเทาเป็นอย่างมากและไม่ต้องการใช้มัน

เขามั่นใจในตัวเองและในไม่ช้าก็ถึงเวลาสำหรับการแข่งขันย่อย

เมื่อเขาก้าวเข้าสู่สนามประลอง ผู้ชมไม่ได้คาดหวังในตัวเขา

บางคนกระทั่งเย้ยหยัน

และคู่ต่อสู้ของเขาก็แสดงออกด้วยความเย่อหยิ่ง เขาชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่ม “เจ้าขยะ ยอมแพ้เดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะไม่ทำให้ขาของเจ้าหัก!”

เด็กหนุ่มยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน

ผู้ชมเริ่มหัวเราะ

“เขากลัว เขาไม่แม้แต่จะสามารถเคลื่อนไหว”

“ดูเขา เขาผ่านการทดสอบการเนรเทศของเผ่ามาได้อย่างไร?”

“คงเพราะความโชคดี ข้าได้ยินว่าในช่วงเวลาสำคัญเขาได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใช้วิญญาณของเผ่า”

ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ คู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มยิ่งเย้ยหยัยมากขึ้น

แต่ในวินาทีต่อมา เด็กหนุ่มกลับกำหมัดแน่น

‘ในที่สุดข้าก็สามารถควบคุมร่างนี้ได้อีกครั้ง’ ฟางหยวนรู้สึกมีความสุข

ปรากฏว่าการยืนนิ่งของเด็กหนุ่มเป็นเพราะฟางหยวนได้รับอนุญาตให้เข้าควบคุมร่างกายแล้วแต่เวลานั้นเขายังไม่รู้ตัว

เมื่อฟางหยวนรู้สึกตัว เขาก็โจมตีทันที

ท่าไม้ตายดวงตาสีเทา!

ควันสีเทาขาวพุ่งเข้าสู่ใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม

คู่ต่อสู้ของเขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา เขารีบถอยออกไปและกรีดร้อง “อา…ข้ามองไม่เห็นสิ่งใดเลย!?”

“หายไปซะ” ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวก่อนจะเตะไปที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง

“ปัง!”

คู่ต่อสู้ของเขาถูกเตะออกจากสนามประลองโดยตรง

ชนะ!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท